:::     :::

เอฟเอคัพ : โทรฟี่ที่บิ๊กทีมต่างหมายปองปีนี้

วันพฤหัสบดีที่ 04 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
1,491
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกเอฟเอคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้ายจบลง พร้อมความดุเดือดในหลายสนาม

บางทีมวิ่งจนเยี่ยวเหนียวกว่าจะคว้าชัย บ้างก็ฟัดกันจนถึงจุดโทษ ก่อนจะได้ชื่อ 8 ทีมสุดท้ายมาดังนี้

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงรายฯ, ทรู แบงค็อกฯ, เอสซีจี เมืองทองฯ, ชลบุรี เอฟซี, ราชบุรี เอฟซี, ตราด เอฟซี และ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด

7 ทีมจากไทยลีกมาตามนัด มีแค่ เมืองกาญจน์ ตัวแทนจากไทยลีก 3 ที่สร้างเซอร์ไพรส์ล้ม หนองบัว พิชญ จ่าฝูงไทยลีก 2 ลงได้

สิ่งที่เปลี่ยนไปของปีนี้คือ “ความจริงจัง” จากหลายสโมสรโดยเฉพาะบรรดาเหล่า “บิ๊กทีม” ที่ใส่เต็มเหนี่ยว จัดชุดใหญ่ใส่เน้น ๆ จากปกติเน้นการโรเตชั่น และไปจัดหนักในลีกกันมากกว่า

เหตุผลคือ เอฟเอคัพ ถูกสมาคมฟุตบอลเพิ่ม “มูลค่า” ในตัวของมันขึ้นมา


จากฤดูกาลปกติที่ผ่านมา นอกจากเงินรางวัลที่แจกกันทุกปี “โควตาแชมป์” รายการเอฟเอคัพ จะได้บัตรผ่านเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

การได้ไปเล่นในฟุตบอลถ้วยเอเชีย คือหมุดหมายของหลายสโมสร แต่ทุกครั้งต้องเจอกับอุปสรรคจากรอบเพลย์ออฟ ที่มีบรรดาสโมสรจากเอเชียตะวันออกไม่ว่าจะ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น หรือ ออสเตรเลีย รอขวางอยู่อีกด่าน

ลำพังกับการพบกับทีมชั้นนำของเอเชีย เป็นเรื่องยากจะชนะอยู่แล้ว แต่ด้วย “กฎกติกา” ที่เพี้ยนผิดแผกให้ทีมจากอาเซียนเข้าไปเล่นในฐานะ “ทีมเยือน” ความหวังยิ่งริบหรี่เข้าไปใหญ่

หลักฐานคือตั้งแต่มีการเพลย์ออฟ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก มา มีเพียง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ฝ่าด่านผ่านรอบเพลย์ออฟ เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะจุดโทษ บริสเบน รอร์ ในปี 2013 แต่ “ปราสาทสายฟ้า” ก็ได้โชคในแมตช์นั้น เพราะจากต้องไปเล่นเป็นทีมเยือน สโมสรจากออสเตรเลีย สนามเหย้ากลับไม่พร้อมแข่งขัน และเสนอให้มาเล่นที่ บุรีรัมย์ แทน

จากนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าทีมไหนในไทยได้สิทธิผ่านเข้ามาเล่นรอบเพลย์ออฟ จะจอดป้ายอยู่เพียงที่ “ด่านนี้” เท่านั้น

แต่สิ่งเปลี่ยนไปสำหรับ เอฟเอคัพ ฤดูกาลนี้คือ ทีมที่คว้าแชมป์จะได้ “สิทธิ” เข้าไปเล่น “รอบแบ่งกลุ่ม” เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ปี 2022 ทันที จากการที่ไทยได้โควตา 2+2 จากเอเอฟซี

ไม่ต้องมาเพลย์ออฟอีกแล้ว


ทำให้หลายสโมสรต่างเปลี่ยนโหมดมาเข้มในถ้วยนี้แทน โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงรายฯ ทรู แบงค็อกฯ หรือแม้แต่ ราชบุรี มิตรผล, ชลบุรี เอฟซี, เอสซีจี เมืองทองฯ

ทีมเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการไปเล่นฟุตบอลถ้วยเอเชียให้ได้ แต่ความเป็นจริงที่พบในปัจจุบัน บุรีรัมย์ฯ และ เชียงรายฯ มีแต้มตามหลัง บีจี ปทุมฯ 18 แต้ม ขณะที่ แบงค็อกฯ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตามอยู่ไกลลิบ 23 แต้ม

ขณะที่ไทยลีกมีโควตาเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก “รอบแบ่งกลุ่ม” ให้เพียงทีมเดียวเท่านั้น อีก 1 โควตาคือแชมป์เอฟเอคัพ

มองตามทฤษฎี เหลือการแข่งขันอีกกว่า 14 เกม ก็ยังพอให้ทั้ง 3 ทีมทำคะแนนไล่ยี้ได้ทัน แต่ความเป็นจริง พวกเขารู้อยู่แก่ใจดีว่ามัน “โคตรยาก”

ทำให้หลายทีมที่ยังอยู่บนเส้นทาง เอเอฟคัพ “เบนเป้า” มาไล่ล่าคว้าแชมป์ เอฟเอคัพแทน เพื่อหวังโควตารอบแบ่งกลุ่มในปี 2022 ให้ได้ ในขณะที่บอลลีกแค่ประคองทีมให้อยู่ในโซนของตัวเองเป็นพอ

เอฟเอคัพ วันนี้เดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแล้ว ฟุตบอลนัดเดียวจบ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครฟัดกันตอนนี้ก็สนุก

ไม่ต้องไปตามไล่บี้ บีจี ปทุมฯ ในลีกให้ปวดหัว (เพราะตามยากแล้ว)

แต่มาเน้นรายการ เอฟเอคัพ แทนดีกว่า

ค่อย ๆ ไต่ไปเรื่อย ๆ แข่งขันอีกแค่ 3 นัด ได้ทั้งเงินรางวัล โทรฟี่ และตั๋วรอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก

คุ้มจะตาย...

 


คำค้นหา : FACUP ไทยลีก
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด