:::     :::

ช่วงเวลาแห่งความสุข

วันศุกร์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,306
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ดูท่าแล้วตอนนี้นอกจากแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่นั่งเก้าอี้จ่าฝูงของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็มีเหล่าสาวก เชลซี นี่แหละที่ยิ้มกันหน้าบาน

ชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ในเกม "ลอนดอน ดาร์บี้" ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับแฟนบอลว่าทีมกำลังเดินมาในทิศทางที่ถูกต้องในตอนนี้

แน่นอนว่าการปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อมันมีผลกับทีมในระยะยาวทางบอร์ดบริหารก็จำเป็นต้องตัดสินใจ

และเมื่อผลงานมันออกมาดีนั่นก็แสดงให้เห็นว่านั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว


ในอีกมุมหนึ่งนั้นมันก็ไม่มีเวลามากนักที่จะให้ โธมัส ทูเคิ่ล ลองอะไร เขาต้องการเข้ามาและทำผลงานให้ดีในทันที ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยง แต่ก็ต้องทำ

นั่นทำให้เราเห็นการเล่นในแบบที่เน้นรัดกุมของนายใหญ่ชาวเยอรมันในช่วง 3 เกมแรกที่คุมทีม และมันก็ก็ได้ผล

เกมแรกครองบอลเยอะแต่สุดท้ายเจาะไม่เข้า เกมที่สองเอาบอลขึ้นมามากขึ้นและนำมาซึ่งสองประตู

กระทั่งในเกมล่าสุดที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ที่ทีมยังคงยึดแนวทางการเล่นในแบบเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยน

        

แต่ที่อาจจะผิดคาดไปสักหน่อยก็คือการที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เลือกที่จะให้ สเปอร์ส เล่นเกมรับแล้วอาศัยเกมโต้กลับมากกว่า ซึ่งนั่นก็เปิดโอกาสให้ทาง เชลซี ได้ตั้งเกมบุกขึ้นมา

โดยเฉพาะเกมริมเส้นทางฝั่งขวาที่แต่ละคนล้วนมีทีเด็ดในการเล่นเกมรุกไล่ตั้งแต่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, รีซ เจมส์ ที่ได้ลงเล่นในเกมนี้ รวมถึง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่เกมนี้ถูกดันขึ้นไปเล่นในเกมรุก

นั่นทำให้ เบน เดวี่ส์ ซึ่งควรจะมีส่วนร่วมในเกมรุกกับจังหวะสวนกลับโดนกดดันไม่กล้าขยับขึ้นสูงมากนัก และมันก็นำมาซึ่งการเสียจุดโทษของทีมและก็เป็นประตูชัยให้ทีม เชลซี นั่นเอง


จุดนี้น่าจะเป็นจุดแข็งในระบบการเล่นของ โธมัส ทูเคิ่ล ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงฝั่งขวาเท่านั้น ฝั่งซ้ายที่มีทั้ง มาร์กอส อลอนโซ่ ที่เหมือนจะกลับมาเกิดอีกครั้งคืออีกจุดที่คู่แข่งต้องระวังอย่างยิ่ง

ด้วยระบบการเล่นสามเซนเตอร์และวิง-แบ็กต้องเติมเกมบุก อีกตำแหน่งที่สำคัญนั้นก็คือคู่มิดฟิลด์ที่เทรนเนอร์ชาวเยอรมันยึด จอร์จินโญ่ กับ มาเตโอ โควาซิช เป็นคู่หู ส่วน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เพิ่งได้ลงเล่นแค่ 16 นาทีเท่านั้นจากเกมล่าสุดกับ สเปอร์ส นี่แหละ

อีกคนที่กลับเกิดใหม่อีกครั้งก็คงต้องยกให้ จอร์จินโญ่ ที่ก่อนหน้านี้ดูแทบจะหมดอนาคตไปแล้ว นอกจากจะหลุดเป็นสำรองบ่อยครั้ง ยังถูกถอดออกจากการเป็นมือปืนสังหารเป้าประจำทีมอีกด้วย


ด้วยเทคนิค การผ่านบอล และการกำหนดจังหวะของเกมต้องบอกว่าศักยภาพของ จอร์จินโญ่ ยังอยู่ในระดับแถวหน้า ขอแค่เรียกความมั่นใจกลับมาหน่อยหลังจากที่มันหดหายไปในช่วงหลัง

เมื่อบวกกับการเป็นมิดฟิลด์สายบู๊ของ มาเตโอ โควาซิช แต่ก็มีทักษะไม่ธรรมดา เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ลงตัวเลยทีเดียว - หนึ่งบุ๋นบวกกับหนึ่งบู๊ นอกจากช่วยดูแลหน้าแผงหลังแล้ว ยังสามารถเปิดเกมรุกจากกลางสนามได้ด้วย

อย่างที่เห็นในเกมนี้ที่ โควาซิช พาบอลหนีผู้เล่น สเปอร์ส และยังเกือบทำประตูได้ในครึ่งหลัง

แต่คนที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพเป็นอย่างดีก็คือในรายของ เมสัน เมาท์ หนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าบทบาทของเจ้าตัวจะเป็นยังไงภายใต้เจ้านายคนใหม่


จากประเดิมสนามเกมแรกกับ วูล์ฟส์ ด้วยการลงสนามในฐานะตัวสำรองเท่านั้น มาเป็นตัวจริงในเกมกับ เบิน์นลี่ย์ และโดนเปลี่ยนออก มาจนเกมนี้ที่เล่นเต็ม 90 นาที

ที่ผ่านมาในปีแรกของ แลมพาร์ด บทบาทของ เมาท์ เล่นเป็นแข้งตัวรุกในระบบ 4-2-3-1 กระทั่งมาเล่นตรงกลางในระบบ 4-3-3 และกับแผนการเล่นของ ทูเคิ่ล ที่เล่น 3-4-2-1 ก็กลับมาเล่นเกมรุกอีกครั้ง

เมาท์ แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าได้กับทุกระบบ และไม่ใช่แค่เล่นได้ แต่เล่นได้ดีด้วยโดยเฉพาะจังหวะพลิกบอลและการเล่นเกมสวนกลับซึ่งดูเป็นอาวุธสำคัญในแผนการของ ทูเคิ่ล

สิ่งเดียวที่ยังน่าห่วงก็อย่างที่เห็นคือ ทิโม แวร์เนอร์ ที่ยิงประตูในลีกไม่ได้มาแล้ว 13 เกมติดต่อกัน ผิดวิสัยของกองหน้าที่ไม่ควรจะพลาดสอยตาข่ายนานขนาดนี้


ยังดีที่ยังมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มเปี่ยมที่พอจะชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปได้บ้าง

คราวนี้ก็ต้องวัดใจ โธมัส ทูเคิ่ล ว่าจะกัดฟันใช้งานต่อไปหรือจะลองเปลี่ยนให้คนอื่นอย่าง แทมมี่ อบราฮัม หรือ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ได้ลงสนามบ้าง แม้ว่าจะพักตั้งแต่เกมแรกที่มาคุมทีมไปแล้วก็ตาม

ถึงตอนนี้อะไรก็ดูดีจากช่วงออกสตาร์ที่สวยงาม แต่ทาว โธมัส ทูเคิ่ล คงรู้ตัวเองดีว่านี่คือการเริ่มต้น และยังมีงานหนักให้ต้องทำอีกมาก โดยเฉพาะการพาทีมจบในพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้เป็นอย่างน้อย


เพราะอย่างที่มีข่าวว่ามีเงื่อนไขอยู่ว่าหากทีมไม่สามารถคว้าท็อปโฟร์มาครองได้ก็จะไม่ได้ทำงานในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ต่อซึ่งถือว่าไม่ง่ายเหมือนกันเมื่อดูจากฟอร์มการเล่นของทีมที่อยู่เหนือขึ้นไป

แต่อย่างว่า เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง กำลังใจมาเต็ม กับโปรแกรม 3-4 เกมหน้าที่ยังไม่หนักอะไรน่าจะเป็นช่วงเวลาให้ได้ลองทีมเค้นศักยภาพกลับมาเต็มที่ก่อนจะต้องมาลุยโปรแกรมหนักช่วงท้ายปีละกัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})