:::     :::

"เจ้าต้าวโป้งเดียวจอด" Joe Hugill และสามประสานแห่งโลกอนาคต

วันเสาร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
17,976
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทำความรู้จักกองหน้าดาวรุ่งผู้ถล่มลิเวอร์พูลคาบ้านคนเดียว4 ประตู / การเดบิวต์อันยอดเยี่ยมเกินคาดของเดียโล่ / ประกายแสงแห่งฮันนิบาลที่หยุดไม่อยู่ และเคมีเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของสองคนนี้

หนึ่งในชื่อเสียงและรากฐานที่สำคัญที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คือระบบเยาวชนของทีมที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง และผลิตนักเตะรุ่นใหม่ป้อนทีมชุดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่ทีมเรามีเด็กปั้นลงสนามกันต่อเนื่องในทีมชุดใหญ่ยาวนานกว่า4000นัดแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นี่คือประวัติศาสตร์และรากเหง้าที่แฟนบอลภาคภูมิใจว่าเราสามารถสร้างนักเตะของตัวเองขึ้นมาใช้งานได้

ซึ่งสโมสรมีการคัดเลือกและทดสอบฝีเท้านักเตะเยาวชนเข้าในระบบตลอดเวลา ทั้งเด็กจากท้องถิ่นแท้ๆตัวอย่างเช่นMarcus Rashford ที่เป็นเด็กแมนเชสเตอร์โดยกำเนิด รวมถึงนักเตะดาวรุ่งที่ "มีแวว"จากที่ต่างๆทั่วโลกก็จะถูกscout และเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมอยู่เสมอ ดังเช่นที่เห็นจากหลายๆเคสอย่างPogbaเป็นต้น

ในช่วง1-2ปีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดดูเหมือนจะโฟกัสที่การลงทุนกับดาวรุ่งอายุน้อยค่อนข้างมาก ในลักษณะที่เป็นการซื้อตัวมีแววที่มีpotentialจะเป็นนักเตะแนวหน้าหรือใช้งานได้จริงในอนาคต หากว่าเจอตัวที่ใช่และดีจริงๆ แมนยูไนเต็ดจะนำเม็ดเงินมาลงทุนทันที อันจะเห็นได้จากหลายๆเคสที่ซื้อตัวดาวรุ่งในราคาหลักสิบล้านยูโรขึ้นไป เข้าสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นนี้จึงทำให้ชุดเยาวชนของแมนยูไนเต็ดช่วงนี้จะเต็มไปด้วยดาวรุ่งฝีเท้าดีมากมายหลายคน ที่เป็นตัวเด่นๆอยู่ในทีมชุดเล็กที่ผสมผสานกันทั้งเด็กถิ่นที่ปั้นมาตั้งแต่เล็ก รวมกับพวกที่ซื้อเข้ามาเสริมทีมในชุดU-18s และ U-23s ด้วย

ทำให้หลายๆชื่อในชุดเยาวชนค่อนข้างมีแต่ตัวโดดเด่นมากมาย บางส่วนก็อยู่ในระดับที่คุณภาพดีเกินกว่าชุดสำรอง แต่ยังไม่ดีพอสำหรับชุดใหญ่ ก็จะถูกส่งออกไปยืมตัวในสโมสรต่างๆ เช่นในเคสของเจมส์ การ์เนอร์ หรือ ตาฮิธ ชองก็ตาม หรือล่าสุด ฟากุนโด้ เปยิสตรี ก็เป็นอีกรายที่ถูกส่งไปยืมตัวอยู่กับอลาเบสในลาลีกาสเปน

และวันนี้ เราจะมาโฟกัสกันถึงนักเตะที่ยังอยู่ในทีมชุดสำรองของเรา ซึ่งก็มีการจัดทีมผสมผสานกันใช้งานระหว่างนักเตะ U-18s ที่อายุน้อยมากๆ และชุด U-23s ที่แก่ขึ้นมาหน่อย แล้วแต่ว่าเด็กคนไหนมีแววและเก่งโดดเด่นก็จะได้รับหน้าที่ในทีมสำรองของยูไนเต็ด

และเกมล่าสุดของทีมสำรองก็มีประเด็นต่างๆที่น่าสนใจมากมายจนต้องหยิบมาพูดถึง นั่นก็คือเรื่องการเดบิวต์ในชุดสำรองเป็นครั้งแรกของ "Amad Diallo" และการบุกไปขยี้เจ้าบ้านซะเละเทะในเกม Liverpool U-23s VS Manchester United U-23s ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของลูกกรอกคะนองเราในสกอร์ 3 ประตูต่อ 6 ถล่มกันสดๆในถิ่นKirkby Academy กันเลยทีเดียว

2 ใน 6 ประตูเป็นฝีมือจากการลงเดบิวต์ชุดU-23 ของอามัด เดียโล่ กดคนเดียวสองลูกจากความขยันและสปีดที่วิ่งไปฉกบอลจากเท้ากองหลัง ลากเข้าไปยิงนิ่มๆเปิดหัว ส่วนอีกลูกปิดท้ายด้วยจุดโทษกึ่งปาเนนก้าแบบชิลๆ

แล้วอีก4ประตูของเด็กเรานอกเหนือจากที่อามัดยิงล่ะ มีใครยิงบ้าง?.. คำถามนี้ตอบง่ายเลย ไม่ต้องไปไล่ดูชื่อว่ามีใครบ้าง เพราะมันเกิดขึ้นโดยคนๆเดียวเหมาระเบิดถังขี้ลิเวอร์พูล "4ลูก" เน้นๆ

เด็กคนนั้นคือกองหน้าตัวเป้าของทีมU-23 ที่มีนามว่า "Joe Hugill" เราจึงจะมารีวิวเค้ากันแบบคร่าวๆว่า เจ้าหนูนี่เป็นใคร อยู่ดีๆก็โผล่มายิงลิเวอร์พูลหายไป4เม็ดรวดขนาดนี้

เด็กคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ

1.ข้อมูลทั่วไป

Joe Hugill
อายุ 17 ปี
เกิด Oct 19, 2003
สัญชาติ : อังกฤษ
ส่วนสูง : 188 cm
เท้าที่ถนัด : ขวา
บ้านเกิด : Durham เป็นเด็กเหนือของอังกฤษ อยู่แถวๆ Sunderland
ยูไนเต็ดเซ็นสัญญามาจากชุดSunderland Youth ในปีที่ผ่านมาเมื่อเดือนJuly 2020 ด้วยราคา 330,000 ยูโร เอาชนะคู่แข่งจากเมืองหลวงอย่างอาร์เซนอลกับสเปอร์ได้สำเร็จ (น้องคงอยากอยู่โซนตอนเหนือของอังกฤษมากกว่า)


2. ตำแหน่งการเล่นที่ถนัด

โจ ฮิวกิล (ผู้บรรยายภาษาอังกฤษออกเสียงแบบนี้จริงๆ ไม่ใช่ฮูกิล) มีตำแหน่งถนัดคือกองหน้าตัวเป้าในลักษณะ Centre-Forward(CF) ยืนตัวกลางเป็นหลักโดยถนัดในการเล่นในกรอบ สามารถเก็บบอลได้ วิ่งหาตำแหน่งและยิงได้ดี

เป็นลักษณะของศูนย์หน้าสมัยใหม่ที่ผสมกันระหว่างความเป็นกองหน้า Target Man แต่ไม่ได้ยืนค้ำแต่ในกรอบแบบพวกตัวเป้าอย่างเดียว มีความเป็นกองหน้า2021 ที่ผสมผสานการเคลื่อนที่และเล่นแบบ "Forward" ในแบบสมัยนิยมอยู่ด้วย 

ทั้งนี้ทั้งนั้นน้องโจเป็นForward ที่เน้นตรงกลางเป็นหลัก ไม่ได้เล่นเป็นปีกตัดเข้าในที่ใช้ความเร็วความคล่องแบบพวก Greenwood หรือ Rashford

3. จุดเด่นและสไตล์

3.1 ความธรรมชาติในการยิงประตู

อ่ะ อันนี้สำคัญสุด ใครจะบอกว่า เอ้า มันเป็นกองหน้ามันก็ต้องจบสกอร์เด่นสิ จะเขียนทำไม แต่กองหน้าบางคนมันก็ไม่ได้โดดเด่น

เพราะยิงประตูได้ กับ "ยิงประตูดี" มันต่างกัน

ผมรู้สึกว่าการทำประตู(finishing)ของโจ ฮิวกิล มันค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากๆเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นกองหน้าเลยในลักษณะของ Natural Striker ที่สามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบด้วยหน่วยก้านที่ดี (ขายาว ตัวสูง) และจังหวะการยิงที่ดูเนียนดูเพลินเหมือนเป็นกองหน้ามืออาชีพดีๆคนนึงเลย

ถ้ามีโอกาสก็คือซัดเลย จังหวะตัดสินใจยิงดีมากๆ

เป็นการยิงที่สบายตา ไม่ฝืน ไม่ต้องเท่ แต่เน้นเข้า มีโอกาสก็ยิงเลยตูมเดียวจอด ถ้าให้เปรียบเทียบ ผมรู้สึกว่าสไตล์การยิงเขาเหมือน "เอียน รัช" ของลิเวอร์พูลมากๆ ในร่างที่หุ่นคล้ายกับ "ปีเตอร์ เคร้าช์" มากๆ แม้จะสูงไม่เท่ากันก็ตาม (เคร้าช์ 201cm ฮิวกิล 188cm ก็ห่างกันพอสมควร จะเรียกว่านิวเคร้าช์ก็คงยากหน่อย แต่หุ่นเก้งก้างเหมือนกันเป๊ะ) น้องโจจึงเป็นดาวรุ่งแมนยูที่ไม่เหมือนรุ่นพี่คนไหนในสโมสรเราเองเลย เพราะเราไม่เคยมีกองหน้าลักษณะนี้ แต่ทรงดันไปคล้ายกองหน้าลิเวอร์พูลสองคนซะยังงั้น

ยิงแบบรัช หุ่นแบบเคร้าช์ เจ้าต้าวโป้งเดียวจอด

โจ ฮิวกิล!!!


3.2 ความนิ่งในการจบสกอร์ 


จุดเด่นเรื่องนี้พ่วงมากับความสามารถในการจบสกอร์ นั่นก็คือความนิ่งและเยือกเย็นในจังหวะสังหารสุดท้ายที่ยิงประตู น้องดูนิ่งเกินอายุ และก็อย่างที่บอกว่าเหมือนดูมืออาชีพที่ลงสนามจนเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้ภาคการเล่นดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุพอสมควร (นี่อายุ17นะ แต่เป็นหน้าเป้าU-23แล้ว)

เขียนมาถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้ว่า อวยมันด้านการจบสกอร์ขนาดนี้ ยิงไปกี่ประตูแล้วล่ะ ก็ยกสถิติมาให้ดูว่า เจ้าหนูฮิวกิลลงสนามให้ Manchester United U-23 และชุด U-18 ทั้งสองทีม รวมทั้งหมด 18นัด ยิงไป 14 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ เป็นสถิติที่น่าพอใจมากสำหรับวัยแค่17ปี ที่ควรจะได้ลงแค่U-18เท่านั้น

ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเล่นในรุ่นตัวเอง เจ้าหนูนี่ยิงประตูได้เยอะกว่าจำนวนนัดซะอีก เพราะซัดไป 6ประตู 1แอสซิสต์ จากการลงสนาม4นัด คิดเอาเองแล้วกัน

ส่วนข้อดีอื่นๆคงจะต้องตามดูฟอร์มกันต่อไปในอนาคตให้มากกว่านี้ เพราะตอนนี้ก็มีเท่าที่เห็น คงจะอีกนานกว่าจะเริ่มมีบทบาทในทีม อย่างต่ำๆก็คง2-3ปี และฝีเท้าดีขนาดนี้คงถูกส่งไปเก็บเลเวลกับทีมอื่นเพื่อเก็บประสบการณ์ ในขณะที่น้องยังคงต้องรอให้ร่างกายแข็งแกร่งและโตเป็นหนุ่มกว่านี้อีกเยอะ ด้วยหุ่นสูงโปร่งแบบหุ่นยนต์เหมือนปีเตอร์ เคร้าช์ ตอนนี้ยังไม่มีกล้ามเนื้อเลย ซึ่งก็ตามวัย  

ต่อไปคิดว่าร่างกายเวลาเล่นก็คงเหมือนเคร้าช์ในสนามนั่นแหละ คือเก้งก้างจริงแต่ก็เล่นได้อย่างเหนียวแน่นหากในอนาคตกล้ามเนื้อจะเต็มมากกว่านี้ และด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่าตัวโปรโตไทป์ต้นแบบอย่างเคร้าช์ ทำให้หลักน่าจะมั่นกว่า แต่ก็แลกมาด้วยจุดโหม่งที่คงจะไม่สูงและได้เปรียบเหมือนเคร้าช์ ส่วนท่ายิงผาดโผน คงต้องยกให้ต้นตำรับไป เพราะน้องจบสกอร์ง่ายๆแบบธรรมชาติ เน้นประสิทธิภาพมากกว่าความหวือหวาของเทคนิค

ดังนั้น เหมือนแค่หุ่นเฉยๆ แต่สไตล์การเล่นก็แตกต่างอยู่บ้างพอควร
 
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ นี่เป็นกองหน้าวัย17 ที่เซ็นมาอยู่ชุด U-18 แต่ทำผลงานขนาดขึ้นมาเป็นหน้าตัวจริงในเกมสำคัญของชุด U-23 ได้ในวัยเท่านี้ มันแปลว่าน้องมีของจริงๆ และน่าจะมีแววในอนาคตไม่น้อย ยิ่งทรงมีเอกลักษณ์แบบนี้ด้วยแล้ว ต้องจับตามองกันยาวๆเลย และกว่าหมอนี่จะขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวเด่นๆในวงการ พี่ๆที่นั่งดูบอลและอ่านบทความนี้กันอยู่ก็คงจะแก่งั่กไปตามๆกันแน่ๆ แต่ยังไงก็จะรอดูนะ

นอกจากการยิงประตูคนเดียว4เม็ดรวดของ Joe Hugill แล้ว ในเกมนี้ยังมีอีกหลายๆอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะฟอร์มของลูกกรอกคะนองในทีมที่โชว์ฟอร์มกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นEthan Galbraith นักเตะที่หลายคนเปรียบเทียบเขาว่าเป็นนิวสโคลส์ กับการเป็นDLPตัวทำเกมจากแนวลึก และเกมนี้มีจังหวะที่เขาวางบอลยาวสวยๆให้เพื่อนในแดนหน้าได้หลายๆครั้ง

แบ็คซ้ายสัญชาติสเปนอย่าง Álvaro Fernández ในวัย17ปีรุ่นเดียวกับJoe แม้มีช็อตสกัดพลาด ตามระดับดาวรุ่งทั่วๆไปอยู่ แต่ดูหน่วยก้านน่าสนใจว่าในอนาคตจะตามรอยSergio Ramosจากสถานะแบ็คกลายเป็นเซ็นเตอร์ได้หรือไม่

แบ็คขวาในเกมนี้ก็เป็น Harvey Neville ลูกชายของPhil Neville ที่ได้ลงตำแหน่งตัวจริงทางขวา ซึ่งต้องรอลุ้นกันต่อไปเช่นกัน

ส่วนBrandon Williams ที่เก๋ากว่าคนอื่นๆหน่อยเพราะมีประสบการณ์กับเกมใหญ่มาหลายต่อหลายครั้ง ก็ได้ยืนเป็นCBให้กับชุดสำรอง และน่าจะถูกใช้ให้ลงตำแหน่งRBมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อรอเป็นแบ็คอัพให้กับวานบิสซาก้าได้บ้างในบางเกม

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือการเดบิวต์ของอามัด เดียโล่ ที่หลายต่อหลายคนจับจ้องรอเช็คฟอร์มของเขาอยู่ว่าเป็นยังไงบ้าง

จากการดูฟอร์มแล้ว น้องอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และ "ตรงปก" กับที่เคยรีวิวและเช็คฟอร์มกันมาก่อนแล้ว ด้วยสกิลความสามารถที่อยู่ในระดับ "เก่งกว่าทีมสำรอง" อย่างชัดเจน

มีจังหวะการทำเกมด้วยความเร็วของปีกที่เลี้ยงตัดเข้าในแบบInverted Winger ฝั่งขวา เล่นตัดเข้ากลางด้วยเท้าซ้าย อย่างที่แฟนผีคาดหวังไว้

แต่สิ่งที่ดีมากๆนั่นก็คือ อามัด เดียโล่มีการเล่นที่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะจังหวะตัดสินใจในการเล่นที่ดูดีในระดับมือโปรที่เป็นนักฟุตบอลลีกชั้นนำในระดับทั่วไปแล้ว สกิลเกินเด็กรุ่นเดียวกันไปไกล ไม่ว่าจะจังหวะที่ไปด้วยตัวเองก็ลากเลื้อยได้อันตราย บอลติดเท้าพอสมควร แม้จะยังไม่เชื่องถึงขนาดเมสซี่ แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติและง่ายสำหรับน้องมาก

ลูกนี้น้องโจ ตั้งใจให้อามัดเป็นคนยิง เพื่อที่จะให้การต้อนรับเพื่อนใหม่เข้าทีม และปรับตัวกับถิ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น เป็นทีมสปิริตที่ดีมากๆของแมนยูแม้กระทั่งทีมชุดเล็ก

จังหวะการส่งบอล ทำเกมร่วมกับเพื่อนก็ดูเนียน รวดเร็ว ไม่มีจังหวะฝืนหรือบ้าโชว์ออฟ อย่างที่เราแอบกลัวนิดๆว่า เวลาเจอนักเตะที่สกิลสูงจัดๆ มันมักจะมีความเห็นแก่ตัวอยู่ในการเล่นด้วย แต่น้องนี่แทบจะไม่มีเลย ทุกจังหวะการตัดสินใจดูดีมากจริงๆ นั่นแปลว่าเด็กคนนี้ได้รับการปั้นจาก"ระบบ"เยาวชนมาอย่างดี แถมยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และwork ethics ที่มีระเบียบวินัยในการเล่นสูงจนทำให้เขาวิ่งเข้าไปชิงบอลจากคู่แข่งมาได้หลายครั้ง

ที่สำคัญคือ สองประตูที่เกิดขึ้นของเขา มันสะท้อนให้เห็นถึง "ความสามารถในการทำประตู" ในแบบกองหน้ากึ่งปีกที่มีแฝงอยู่ในตัวเด็กคนนี้เช่นกัน แม้จะมีความเป็นปีกมากกว่ากองหน้า แต่สามารถเทียบเคียงได้ว่า เขาคือ"ปีกที่สามารถทำประตูได้" คล้ายๆเจ็ทโด้ตอนอยู่กับยูไนเต็ดนั่นเองที่ยังคงมีความเป็นปีกอยู่ในตัวเป็นหลัก

ในยามที่สปอตไลท์ดูเหมือนจะส่องไปที่โจกับอามัดเป็นหลัก แต่นั่นก็ยังไม่สามารถกลบรัศมีที่โดดเด่นของ "ประกายแสงแห่งฮันนิบาล" นักเตะอีกคนในทีมสำรอง ที่แฟนผีจำนวนมากเริ่มรู้จักเขากันแล้ว สำหรับ Hannibal Mejbri กองกลางตัวรุกหัวงูเก็งกองวัย18ปีชาวฝรั่งเศสของทีมชุดสำรองแมนยูนั่นเอง (สำเนียงฝรั่งเศสชื่อเค้าอ่านออก อันนิบัล เมจ-ฌิ-บะ-รี หรือ เมจ-จิ-บรี แต่น่าจะยากไปสำหรับอ่านเสียงไทย ใช้ "ฮันนิบาล เมชบรี" ก็โอเค เพราะยังไงคนก็เรียกชื่อต้นฮันนิบาลอยู่แล้ว)

ในเกมดังกล่าวฮันนิบาลได้รับบทบาทเป็นแนวรุกของทีม โดยถ่างออกมาทางปีกซ้าย คนละข้างกันกับเดียโล่ทางขวา ซึ่งในพื้นฐานการเล่น ฮันนิบาลเป็นกลางรุกที่สามารถสร้างสรรค์เกมบุกได้ด้วยตัวเองมากมาย โดยเฉพาะการวางบอลให้เพื่อนที่โดดเด่น ซึ่งสไตล์คล้ายกับบรูโน่พอสมควร ในตำแหน่งเดียวกันเป๊ะๆ แถมroleการเล่นก็ยังคล้ายกันอีก เพราะนี่คือAdvance Playmakerประเภทที่สามารถถ่างออกไปเล่นเกม"ด้านข้าง"ได้ด้วย

ในมิติความเป็น"ปีก"ของฮันนิบาลนั้น ดูเด่นชัดกว่าบรูโน่ซะอีก เนื่องจากว่าเขาเป็นกลางรุกที่มีความเร็วสูงจัดๆ ไปกับบอลได้ไวมากๆ และมีสกิลตัวรุกริมเส้นอยู่ด้วย อย่างที่เคยเขียนเอาไว้ว่าหมอนี่เวลากระชากบอลขึ้นหน้านั้น คล้ายกับลินการ์ดมากๆ ที่จะใช้ความเร็วในการพาบอลเลี้ยงเอาชนะคู่แข่งแบบตรงๆ ไม่ได้เน้นเทคนิค แต่ชนะด้วยสปีดเป็นหลัก 

แต่หากเป็นด้านการทำเกม วางบอล ก็จะแพรวพราวและแม่นยำในแบบที่รุ่นพี่ทีมชุดใหญ่อย่างบรูโน่ หรือ ป็อกบาทำ

ไม่ได้จะบอกว่าเหมือนลินการ์ดนะอย่าเข้าใจผิด แต่เทพสายฟ้าก็ยิงไปสองให้ขุนค้อนแล้วเด้อ!

เกมนี้ฮันนิบาลเล่นปีกซ้ายและโชว์สกิลปีกแบบเต็มๆ แต่ก็ยังไม่เว้นที่จะเปิดเกมรุกด้วยการวางบอลให้เพื่อนด้วย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้คือ "เคมีการเล่น" ที่ไม่น่าเชื่อว่า ดูเหมือนฮันนิบาลจะเข้ากับ "อามัด เดียโล่" ได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งๆที่เล่นด้วยแผน 4-3-3 ที่เป็นปีกกันคนละข้าง แต่น้องดูเหมือนสนิทและรู้จังหวะการวิ่งการเปิดกันและกันเป็นอย่างดี

เดียโล่เล่นกับเพื่อนเนียนมากเหมือนซ้อมอยู่ด้วยกันมาเป็นแรมปีตั้งแต่เด็ก และดูว่าจะเข้ากับเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี และดีเป็นพิเศษกับฮันนิบาล ที่เคมีโคตรจะเข้ากั๊นเข้ากัน

ดูแล้วชอบใจ๊ ชอบใจจริงๆ

เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้ว ประกอบกับแดนหน้าในพื้นที่ตรงกลาง ทีมก็มี "โจ ฮิวกิล" ค้ำกลางอยู่ มันจึงกลายเป็น "สามประสานในแดนหน้า" ที่น่ากลัวมากๆของแมนยูไนเต็ดชุดสำรอง เมื่อซ้ายคือHannibal กลางคือ Hugill และขวาเป็น Diallo เกมรุกยูไนเต็ดที่ถูกซัพพอร์ตด้วยGalbraith จากแดนกลางอีกราย จึงมีเกมรุกกระฉูดแตก และไล่อัดลิเวอร์พูลเละเทะในสภาพที่เห็น

ขนาดว่าปล่อยพวกเด็กมีแววหลายๆคนออกไปเพียบแล้ว ทั้งชอง การ์เนอร์ เลวิทท์ เมนจี้ ฟาคู ตัวดีๆออกไปเก็บเวลกันหมดแล้ว แต่ทีมสำรองเราก็ยังมีมาตรฐานสูงจัดๆเหมือนเดิม โดยเฉพาะตัวโกงในชุดเด็กอย่าง Amad Diallo เนี่ยละ

เพราะฉะนั้น เราจึงได้แต่ภาวนา และค่อนข้างเชื่อว่า นักเตะที่ดีกว่าทีมชุดสำรองนั้น ไม่สมควรที่จะถูกใช้อยู่แต่ทีมเล็กอย่างเดียว และควรได้เก็บประสบการณ์เช่นเดียวกันกับตัวอื่นๆ ดังนั้นไม่ช้าก็เร็ววันนี้ ตามคำให้สัมภาษณ์ของโซลชา เชื่อว่า อามัด เดียโล่ จะมีบทบาทในทีมชุดใหญ่เราบ้างเล็กๆน้อยๆอย่างแน่นอน ในฐานะตัวสอดแทรก และเด็กฝึกหัดของทีม ที่เข้าร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และสนิทกับพี่ๆหลายคนแล้วโดยเฉพาะพี่เลี้ยงอย่างไบญี่ และพ่อทูนหัวที่ตามกันมานาน และเคยเจอกันมาก่อนแล้วอย่างป็อกบา ที่คอยดูแลน้องอยู่เช่นกัน

การมีชื่อของDiallo ติดอยู่ในรายนามนักเตะที่ใส่เอาไว้ฟาดแข้งถ้วยยูโรป้าลีก ครึ่งซีซั่นหลังนี้ คือคำตอบอย่างชัดเจนว่าเขาน่าจะมีส่วนร่วมกับทีมในเร็ววัน และวันนั้นยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา เกมชุดU-23s ของManchester United ก็เอาชนะ Blackburn Rovers U-23s ไป 6-4 แถมยังโดนนำก่อน 2-4 ด้วยซ้ำ

แต่มายิงคืน4ลูกรวดในช่วงท้าย จากการทำ "แฮททริกแอสซิสต์" ของ Diallo ให้กับเจ้าหนู Shoretire ที่ระเบิดแฮททริกยิงคนเดียวทั้งสามลูกเช่นกัน ส่วนฮันนิบาลก็ยิงประตูเปิดหัว มีลูกโขกของฮูกิลที่เนวิลล์ครอสให้ในเม็ดตีเสมอ 4-4 และเป็นDiallo ที่รับบอลแอสซิสต์จากอัลวาโร่ เฟอร์นันเดส ยิงเข้าไปนิ่มๆอีก1ประตูปิดท้ายด้วยสกอร์ 6-4

คู่หูอีกคู่ที่เคมีดูจะเข้ากันอย่างหนัก Diallo & Shoretire คนนึงสามแอสซิสต์ คนนึงยิงกระจายจากตำแหน่งกลางรุก บ้าไปแล้วเด็กพวกนี้

เห็นชัดกันมั้ยครับว่า ใครมีส่วนร่วมกับเกมสุดโหดนัดนี้บ้าง ก็มีสามตัวที่รีวิวในบทความนี้แหละ ดาหน้ายิงกันครบเลย แถมท้ายด้วยแฮททริกของดาวรุ่งที่น่าจับตามองอีกคนอย่าง Shola Shoretire มิดฟิลด์ตัวรุกwonderkidอีกคนที่เล่นได้ทั้งกลางรุกและปีก ซึ่งเดี๋ยวมีโอกาสเหมาะๆตัวนี้ก็น่าที่จะแนะนำอีกคนนึง เพราะเป็นกลางที่บุกสูงเป็นShadow Strikerอีกคนในกรอบเขตโทษด้วย

ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นความตื่นเต้นของแฟนผีอย่างเราว่า แนวรุกของปีศาจแดงในอนาคตข้างหน้า น่าจะมีเด็กๆเหล่านี้เป็นตัวหลักทีมเยาวชนที่มีโอกาสค่อยๆสอดแทรกขึ้นมา และอาจจะกลายเป็นกำลังสำคัญช่วยทีมได้บ้างอย่างแน่นอน กับสามดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดในแดนหน้าทีมสำรองของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขณะนี้

Hannibal Mejbri

Joe Hugill

Amad Diallo

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด