:::     :::

"พิภพ อ่อนโม้" อีกตำนานแห่ง "ฉลามชล"

วันอาทิตย์ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,177
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถ้าคุณคิดถึงหัวหอกสัญชาติสยาม ที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ความกระหาย และการกระซวกสกอร์อันคมกริบ คุณจะนึกถึงใคร

หากเป็นยุคเก่าคนอาจจะนึกถึง “หลอเรดาร์” พิชัย คงศรี ผู้ทำสกอร์จากการโหม่งอย่างแม่นยำ แทบไม่มีใครจะเทียบเขาได้ในการ “ใช้หัว” จากการรับใช้ทีมชาติไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ซึ่งทำให้เขาติดทีม "ช้างศึก" แทบทุกทัวร์นาเมนต์

หรือจะเป็น “เพชฌฆาตหน้าหยก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่ติดทีมชาติไทยต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี 2524-2540 รวม 17 ปี ระหว่างนั้นก็พาทีมชาติไทย กวาดแชมป์มากมาย ทั้ง คิงส์คัพ และ ซีเกมส์ ฯลฯ และเป็นผู้บุกเบิกไปลุยแดนกิมจิกับ ลักกี้ โกลด์สตาร์ (ปัจจุบันคือ เอฟซี โซล) ช่วงปี 2527-2529 

โดยเฉพาะฤดูกาลในปี 2528 ถือเป็นปีทองของแข้งดังจากนครปฐม ร่วมพลังกับลักกี้โกลด์สตาร์คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเกาหลีใต้ และยังติดทีมยอดเยี่ยมของซีซั่น รวมทั้งคว้ารางวัลดาวซัลโวและแอสซิสต์มาครอง ด้วยผลงาน 12 ประตู 6 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 21 นัด

เรื่อยมาจนถึง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซึ่ง ฟีฟ่า บันทึกว่าเขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุด ให้แก่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่ 70 ประตู จากการลงเล่น 131 นัด โดยนัดสุดท้ายที่เกียรติศักดิ์ ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ คือนัดที่พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550

แม้ทุกวันนี้หลายคนยังมองว่า รอยต่อของกองหน้าทีมชาติไทย น่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา แต่ถ้ามองลึกลงไปก็ยังมีอีกคนที่ตกหล่น นั่นคือ “เจ้าชายกบ”พิภพ อ่อนโม้ ที่หอบสตั๊ดมาจาก อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เพื่อคัดโควตานักกีฬาที่ ร.ร.อัสสัมชัญ ศรีราชา ตั้งแต่ 15 ขวบ


ภายใต้การคุมทีมของ "เซอร์เด็จ"จเด็จ มีลาภ เขาพาทีมกวาดแชมป์มากมาย ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับ บีอีซี เทโรศาสน นั่นทำให้เขาได้ร่วมงานกับกุนซือแถวหน้าของเมืองไทย ไล่มาตั้งแต่ เจสัน วิธ ลูกชายของอดีตแม่ทัพทีมชาติไทยอย่าง ปีเตอร์ วิธ จนสามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ไทยลีก

มาจน “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษาปาคม ที่ผงาดเป็นรองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2003 รวมไปถึง “โค้ชเตี้ย”สะสม พบประเสริฐ ก่อนจะย้ายกลับมาสู่บ้านหลังที่สองต่อจาก จ.พิจิตร อย่าง ชลบุรี เอฟซี ยุคโปรลีก พร้อมกับคว้าแชมป์ไทยลีกได้ 1 สมัยในฐานะกัปตันทีม 


ไม่เพียงเท่านั้นเขาเองยังกลายเป็นนักเตะตำนานของชลบุรี เอฟซี เพราะภาพของหัวหอกตัวเล็ก ใส่เสื้อฟิตพอดีตัว กางเกงสั้นรัดตึง กลับสามารถยิงได้เกิน 100 ประตูในไทยลีก 

ตลอดการเล่นให้กับ “ฉลามชล” มากว่า 1 ทศวรรษ มีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุกรณ์ในช่วงบั้นปลายการค้าแข้งที่เขาไม่มีสัญญากับทีมเลยด้วยซ้ำ แต่เป็น อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสร หรือที่หลายๆ แข้งรุ่นเก๋ามักจะเรียกว่า “ป๋า” ที่มอบสัญญาใจให้


สาเหตุที่ทำเช่นนั้น เพราะเรื่องของระเบียบวินัยในการดูแลตัวเองที่ยอดเยี่ยม เข้าฟิตเนสอย่างสม่ำเสมอ มาถึงสนามซ้อมก่อนทุกคน เรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดี จนนายใหญ่ของ “ฉลามชล” ไม่ปฏิเสธที่จะให้เงินเดือนเท่าเดิม แม้ว่าจะไม่มีสัญญาก็ตาม

กระทั่ง 3 ก.พ.2019 เป็นวันปิดฉากของเขากับทีมอย่างสมบูรณ์ เมื่อสโมสรจัดงาน “เทสติโมเนียลแมตช์” ให้กับเขา ด้วยฟุตบอลอุ่นเครื่องที่ระดมไปด้วยดาวดัง เพราะเป็นการพบกันระหว่าง ชลบุรี เอฟซี 2007 ชุดคว้าแชมป์ไทยลีก กับ พิภพ ออลสตาร์ 

ซึ่งเป็นนักเตะที่ “เจ้าชายกบ” เชิญมาเป็นเกียรติ ไม่ว่าจะเป็น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ดุสิต เฉลิมแสน, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ครองพล ดาวเรือง, ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย, “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา, นิเวส ศิริวงศ์, ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง


จบเกมนั้นปรากฏว่าเสมอกันไป 6-6 และเป็น พิภพ อ่อนโม้ ที่ยิงไป 4 ประตู ก่อนจะส่งมอบปลอกแขนและเบอร์ 10 ให้กับ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เป็นการปิดฉากฐานะผู้เล่นอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ว่าเป็นการสตาร์ทอาชีพโค้ช ในฐานะทีมสตาฟฟ์ของ “ฉลามชล” อีกด้วย

และเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าวันเวลาหมุนไปอย่างรวดเร็ว เพราะเข้าสู่ปีที่ 2 ที่เขาแขวนสตั๊ดให้กับทีม แต่เชื่อไหมว่าร่องรอยแห่งความทรงจำของแฟนบอล กลับมองว่าเรื่องราวที่กลายเป็นตำนานของเขา ยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อไม่กี่วันนี่เอง


ทุกวันนี้ พิภพ อ่อนโม้ อาจจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มากมายกับ ชลบุรี เอฟซี แต่ในนามทีมชาติไทย ก็ถือว่าโอกาสของเขายังน้อยนิดไปหน่อย เพราะเกียรติประวัติของเขากับ “ช้างศึก” มีเพียงแค่การเป็นรองแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 เท่านั้น ภายใต้การคุมทีมของ วินฟรีด เชเฟอร์

แต่ถึงกระนั้นชื่อของเขาก็ยังนับเป็นหนึ่งในตำนานแดนหน้า ที่มีพิษสงรอบด้าน  นอกจากนี้ยังมีความเป็นมืออาชีพในการซ้อม รวมทั้งดูแลร่างกายตัวเองอย่างยอดเยี่ยม สมแล้วกับคำว่าอีก 1 ตำนานของวงการฟุตบอลไทย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด