:::     :::

การคัมแบ็คแห่งแดน(เน)รมิต

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,017
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟอร์มแบบสวิงขึ้นลงของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นอกจากพวกเขายังไม่สามารถไปลุย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 ในฐานะ 4 อันดับแรกของไทยลีก เลกแรก ได้แล้ว ยังมีเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างมากมาย

“ปราสาทสายฟ้า” เริ่มต้นการเตรียมทีมของซีซั่น 2020 ด้วยการกระชากเกมรุกจากแดนละตินมาร่วมทีมแทนที่ ราสมุส ยอร์นสัน กับ นาสเซอร์ บาราซิต 2 กองหน้าที่มาล้มเหลวในดินแเดนด้ามขวาน ไม่ว่าจะเป็น เบร์นาร์โด กูเอสต้า หัวหอกอาร์เจนติน่า ที่ย้ายมาจากลีกเปรู รวมถึง ริคาร์โด้ บูเอโน่ จอมลีลาชาวแซมบ้า ที่มาจากทีม เซนโทร สปอร์ติโว อลากัวโน ในลีกซีรีย์เอ บราซิล


จอง แจ ยอง ที่ย้ายมาจากทีม โปฮัง สตีลเลอร์ ด้วยดีกรีกัปตันทีมลีกแดนกิมจิ เข้ามาคุมแดนกลางแทนที่ ฮาจิเมะ โฮโซไก ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น ที่เก็บข้าวของไปวาดลวดลายให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด โดยเหลือเพียงแค่ อันเดรส ตูเญซ เซนเตอร์ฮาล์ฟเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นในฐานะนักเตะโควตาต่างชาติคนเก่า

แต่ด้วยผลงานใน 4 นัดแรกในศึกไทยลีก 2020 ผลงานก็ยังไม่ค่อยดีด้วย อยู่อันดับ 11 ของตาราง มี 4 คะแนน จาก 4 เกม แถมยังตกรอบ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2020 ด้วยการบุกไปแพ้ ซั่งไห่ เอสไอพีจี ในการเพลย์ออฟ รอบสาม และมีการเบรคของลูกหนังไทยหนีการแพร่ระบาดอย่างหนักของ โควิด-19 ช่วงเดือน มี.ค.

นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงตัวต่างชาติอีกครั้ง เพราะคราวนี้ อันเดรส ตูเญซ ขอแยกทางที่ตอนแรกจะกลับสเปน แต่ติดปัญหาการเดินทางที่ไม่มีเที่ยวบิน ทำให้โดยสารจาก จ.บุรีรัมย์ ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วนั่งรถต่อไปที่ ลีโอ สเตเดี้ยม เพื่อเซ็นสัญญากับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ขณะเดียวกัน “ปราสาทสายฟ้า” ไม่รอช้า เมื่อจัดการโละ 3 แข้งที่เสริมเข้ามา แต่ผลงานกลับไม่ตามเป้า ทั้ง เบร์นาร์โด กูเอสต้า, ริคาร์โด้ บูเอโน่ และ จอง แจ ยอง ก่อนที่ โบซิดาร์ บันโดวิช อดีตกุนซือคนเก่าจะเลือก 4 นักเตะเข้ามาเสริม เพื่อรีสตาร์ทไทยลีก ประกอบด้วย

เรนาโต้ เคลิช เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอดีตเยาวชนทีมชาติโครเอเชีย, มาร์โก เชโปวิช หัวหอกทีมชาติเซอร์เบีย ที่เคยเล่น ปาร์ติซาน เบลเกรด และ โอลิมเปียกอส, จิดี้ คานยุค เพลเมกเกอร์อิสราเอล ซึ่งทั้งสามคนนี้เป็นโควตาต่างชาติ ขณะที่ดาวเตะเอเชียเพียง 1 เดียวได้แก่ กองกลางทีมชาติอุซเบกิสถาน นามว่า อัคบาร์ อิสมาตูลาเยฟ 


อย่างไรก็ตามทุกคนที่กล่าวมาไม่สามารถตอบโจทย์ได้ แต่กลายเป็นว่าคนที่เค้นฟอร์มออกมาดีที่สุดกลับเป็น จักรพันธ์ แก้วพรม ที่สลัดอาการบาดเจ็บ กลับมาเป็นจอมทัพผู้น่าสะพรึงอีกครั้ง ด้วยการจ่ายบอลที่เฉียบคม ทั้งสั้นและยาว ไปจนถึงแอสซิสต์ที่สุดคมกริบ

อีกคนที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ก็คือ เรนาโต้ เคลิช ที่ช่วยคุมเกมรับอย่างแข็งแกร่ง น่าเสียดายที่ทีมไม่ได้เก็บไว้ใข้ต่อ แต่ก็ยังเลือกให้เขาไปเล่นกับ ชลบุรี เอฟซี ... คราวนี้แหละที่ “ปราสาทสายฟ้า” เสริมทัพอย่างโหด!! ภายใต้กุนซือใหม่แต่หน้าเก่าอย่าง อเล็กซานเดร กามา คนต่างชาติผู้รู้ซึ้งวัฒนธรรมฟุตบอลในสไตล์ "ปราสาทสายฟ้า" ดีที่สุด

รายชื่อนักเตะใหม่ที่ กามา รีเควสต์ขอ คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร ดึงมาร่วมทีม นำลิสต์มาโดย “ดิเกา” แนวรับของทีมฟลูมิเนนเซ จากบราซิล ซึ่งหลายคนให้ความสนใจเพราะมีดีกรีเป็นถึงกัปตันทีมผู้เคยชูถ้วยแชมป์ บราซิเลโร่ กัมปีโอนาโต้ ถึง 2 สมัยมาแล้ว, ซามูเอล โรซา กอนคัลเวส อดีตศูนย์หน้าของ ฟลูมิเนนเซ่  รวมไปถึง ไมคอน โบลท์ ปีกกึ่งกองหน้า อดีตทีมชาติบราซิลชุดรองแชมป์โลกยู-20 เมื่อปี 2009 ที่อียิปต์ ซึ่งคนนี้ก็ตัดสายสะดือเริ่มเล่นฟุตบอลเยาวชนกับ ฟลูมิเนนเซ่ ด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3 คนผ่านประสบการณ์ทำงานร่วมกับ กามา มาแล้วทั้งสิ้น ความเข้าใจในแนวทางการทำงาน รวมไปถึงนิสัยใจคอ, พื้นฐานความคิด ไม่มีอะไรต้องปรับจูนกัน แถมยังคอยช่วยแนะนำการปรับตัวกับการใช้ชีวิตในเมืองไทยได้อีกด้วย


นอกจากนั้นยังมี , อ่อง ธู กองหน้าทีมชาติเมียนมา ซึ่งเคยค้าแข้งในเมืองไทยกับทั้ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และโปลิศ เทโร และเคยทำงานกับ กามา มาแล้วในถิ่น "กิเลนผยอง" การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หลังจากถูกตราหน้าว่าไม่เหมาะกับทีมใหญ่ในเมืองไทย แต่หลังได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ดาวเตะรายนี้ก็ได้รับเสียงชื่นชมไปทั่วทุกสารทิศว่า มีคุณภาพและสามารถเพิ่มความหลากหลายในสควอดทีมให้กับ "ปราสาทสายฟ้า" ได้เป็นอย่างดี

ส่วนโควตาเอเชียอย่าง แบรนดอน โอนีลล์ จากโปฮัง สตีลเลอร์ แข้งรายนี้ มีดีกรีเป็นถึงมิดฟิลด์ทีมชาติออสเตรเลีย ในวัยเพียง 26 ปี แต่เคยช่วย ซิดนี่ เอฟซี คว้าแชมป์เอลีกมาแล้ว และน่าสนใจว่าไม่ว่าจะที่ออสเตรเลียหรือเกาหลีใต้ พ่อหนุ่มแบรนดอนกลายเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมทีมรวมถึงแฟนบอลของสโมสรนั้นๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ต้องคอยมาดูกันว่าจะเป็นเช่นนี้ที่ บุรีรัมย์ ด้วยหรือไม่  ตลอดจนแข้งไทยอีก 3 ราย ได้แก่ ทินกร อสุรินทร์ จากสุพรรณบุรี เอฟซี, ปิยพล ผานิชกุล จากสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ จักรกฤษ ลาภตระกูล จากสมุทรปราการ ซิตี้


ด้วยขุมกำลังที่ว่ามาทั้งหมด มันทำให้ทีมติดปีกกลับมามีผลงานที่ดีอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น การผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ 2020 ด้วยการเอาชนะ การท่าเรือ เอฟซี จากจุดโทษ ซึ่งรายการนี้จะนำแชมป์ไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ของ เอเอฟแชมเปี้ยนส์ลีก 2022

และถ้ารวมผลงานที่เปรี้ยงปร้างตั้งแต่ท้ายเลกแรกมาถึงต้นเลกสอง พวกเขาชนะติดต่อกันมาแล้ว 5 เกมรวดในไทยลีก ทั้ง ชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-1 (ย), ชนะ พีที ประจวบ เอฟซี 1-0 (ย), ชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-0 (ย), ชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 3-0 (ห) และ ชนะ การท่าเรือ เอฟซี 2-1 (ย) 

จากทีมที่โดนสบประมาทจนเวลานี้พวกเขาทะยานขึ้นมาอยู่ในกลุ่มหัวตาราง แม้ว่าจะตามยอดทีมจากคลองเตย เมื่อผ่านไป 18 เกม อยู่ถึง 8 คะแนน แต่ถ้าใครประมาทรับรองว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมที่จะแซงได้เสมอ

แม้จะยังไม่จบซีซั่น และต้องยอมรับว่าเป็นฤดูกาลที่แสนยุ่งเหยิงของพวกเขา สิ่งที่ซูฮกให้กับทีมก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่ตรงจุด จนสามารถกลับมาสู่ผลงานที่เข้าตาได้อีกครั้ง สุดท้ายผลงานจะเป็นในทิศทางใด สิ้นสุดเดือน มี.ค.นี้ คงจะได้ทราบกันว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะได้ไปถ้วยใหญ่เอเชียอีกครั้งหรือไม่


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด