:::     :::

กัปตันที่ไม่คู่ควร

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
3,504
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การตั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนที่ แอชลี่ย์ ยัง ที่ย้ายทีมออกไปสร้างความสงสัยให้กับแฟนบอลไม่น้อยถึงการตัดสินใจของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ด้วยความที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมได้เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น เลยเกิดเครื่องหมายคำถามถึงความเหมาะสมในการเลือกผู้นำทีมคนใหม่

"เป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจสำหรับผมเอง และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นกัปตันทีมของสโมสรที่ยิ่งใหญ่นี้ ผมเคยสวมปลอกแขนมาก่อน แต่การถูกเลือกให้เป็นกัปตันทีมคือสิ่งที่พิเศษอย่างมาก"

"เขา (ผู้จัดการทีม) บอกกับผมว่าหาก แอชลี่ย์ ย้าย ผมจะถูกเลือกให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ เขาอวยพรและบอกให้ผมทำรักษาผลงานที่กำลังทำอยู่ต่อไป ผมภูมิใจมากๆ มันเป็นเกียรติกับการได้เล่นให้สโมสรนี้โดยเฉพาะการได้เป็นกัปตันทีม"

        

นี่คือคำพูดของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากเจ้านาย

แต่ที่ผ่านมากระแสในทางลบต่อการสวมปลอกแขนของปราการหลังทีมชาติอังกฤษนั้นจะมีมากกว่าในแง่บวกซะอีก

โดยเฉพาะในแง่ของความเป็นผู้นำที่ต้องมีความดุดันตามแบบฉบับผู้ทำหน้าที่นี้ จะต้องปกป้องลูกทีมและผลประโยชน์ของทีมยามอยู่ในสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเห็นอะไรที่มันไม่ถูกต้องจากผู้ตัดสินหรือลูกทีมโดนคู่แข่งอัด


แต่ทว่าที่ผ่านมาสิ่งเหล่านี้กลับเกิดขึ้นน้อยมากถึงขนาดที่แทบไม่ได้เห็นเลย

นั่นเป็นที่มาของเสียงวิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมในการรับหน้าที่กัปตันทีมของสโมสร

นับเฉพาะตั้งแต่ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กัปตันทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล้วนเป็นที่นับหน้าถือว่าโดยเฉพาะในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่มี ไบรอัน ร็อบสัน, สตีฟ บรูซ, เอริก คันโตน่า, รอย คีน, แกรี่ เนวิลล์ และ เนมันย่า วิชดิช เรื่อยมาจนถึง เวย์น รูนี่ย์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ แอชลี่ย์ ยัง

แม้ว่าในสองรายหลังจะไม่ได้เป็นพวกสายบู๊ที่พร้อมจะเดินหน้าลุยแหลกแต่ก็อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน


แต่กับ แม็กไกวร์ ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมไม่ถึงครึ่งปีนำมาซึ่งความไม่เข้าใจของหลายคน แม้จะเข้าใจได้บ้างว่าตอนนี้ทีมกำลังเข้าสู่การถ่ายเลือด ตัวจริงส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักเตะที่อายุไม่มากนักก็ตาม

ถึงขนาดที่ ปาทริซ เอวร่า อดีตแข้งของทีมที่เคยสวมปลอกแขนอยู่หลายครั้งก็แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

"พูดตามตรงเลยนะ, กัปตันทีม, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เนี่ยนะ? เขาอยู่กับทีมมากี่ปีกัน? แค่ปีเดียวและก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม นั่นแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีผู้นำในการก้าวไปคว้าแชมป์"

ถือเป็นคำพูดที่ตรงและแรงอย่างที่เจ้าตัวพูดไว้เลย

        

และกับล่าสุด พอล พาร์คเกอร์ อีกหนึ่งอดีตแข้งของทีมที่ไม่เห็นว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มีความเป็นผู้นำมากพอในการรับหน้าที่นี้เลย

โดยเฉพาะประโยคที่ว่าทีมพยายามหาคนมาจับคู่กับ แม็กไกวร์ แต่ทำไมไม่เห็นมีใครมองว่าหาคนมาจับคู่กับ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ นั่นก็หมายความว่า แม็กไกวร์ ควรจะเป็นสำรองน่ะสิ

ซึ่งในเกมล่าสุดที่บุกเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กับคำพูดของ แม็กไกวร์ ที่บอกว่าการมาเยือนเดอะ ฮอว์ธอร์น ไม่ใช่งานง่าย เข้าใจแหละว่าพูดเพื่อไม่กดดัน แต่ขอโทษที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมลุ้นแชมป์ การมาเยือนทีมท้ายตารางที่ฤดูกาลนี้ชนะในบ้านแค่เกมเดียวมันควรจะเป็นการปลุกขวัญและกำลังใจให้กับทีมมากกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตอนนี้โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทิ้งห่างออกไป ยิ่งต้องเร้าลูกทีมให้เดินหน้าเก็บชัยชนะให้ได้เท่านั้น


จากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้มีการพูดถึงความเหมาะสมที่ว่าใครควรจะรับตำแหน่งผู้นำของทีมมากกว่าคนปัจจุบัน ซึ่งคนแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส 

จริงอยู่ที่ในเคสนี้ทางมิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกสเองก็เพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้ไม่นาน แต่ผลงานกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตอนนี้เขาคือหัวใจสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย

โดยเฉพาะในเรื่องของความทุ่มเทและความปรารถนาที่จะช่วยทีมในการทำประตูอยู่เสมอทำให้ บรูโน่ ได้รับเครดิตอย่างล้นหลาม

อีกคนที่อยู่ในข่ายและไม่เป็นรอง บรูโน่ เลยก็คือ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ปีนี้ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ดีที่สุดนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่เลย


ในฐานะกองกลางแถมยังเป็นลูกหม้อของสโมสรทำให้ภาษีของแข้งวัย 23 ปีรายนี้ดูดีกว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซะอีก

เรื่องหัวจิตหัวใจไม่ใช่ปัญหา การอยู่กับสโมสรมาตั้งแต่อายุได้เพียง 6 ขวบ ดีเอ็นเอแห่งปีศาจแดงเข้มข้นอยู่ในตัวอยู่แล้ว

ทว่าหากมองตามความเป็นจริงแล้วมันคงเป็นเรื่องยากที่จะริบปลอกแขนกัปตันทีมจากใครสักคนที่ยังอยู่ในทีม และน่าจะอยู่ไปอีกนาน แล้วเอาไปให้อีกคน เพราะนั่นคงจะเป็นการทำลายความมั่นใจและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนจมและอาจจะกลับมาไม่ได้อีกเลย

ดังนั้นสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จะต้องยกระดับตัวเองขึ้นมาให้มีความห้าวหาญ ดุดัน และมีอำนาจมากกว่านี้

ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็ต้องเจอกับเสียงวิจารณ์ถึงภาวะความเป็นผู้นำแบบนี้ต่อไปตราบใดที่ยังทำหน้าที่นี้นั่นแหละ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})