เดือน ม.ค.2020 พลพรรค "ปีศาจแดง" ทั่วหมู่เหล่าได้เฮกัน เมื่อทีมรักจัดการเปิดตัว บรูโน แฟร์นันเดส แนวรุกจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ ด้วยสัญญา 5 ปีครึ่ง พร้อมออฟชั่นอีก 1 ปี โดยค่าตัวในการย้ายทีมครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 55 ล้านยูโร และเงื่อนไขเพิ่มเติมอีก 25 ล้านยูโร
การเข้ามาในเวลานั้นของจอมทัพจากแดนฝอยทอง เขาทำได้ 16 ประตู กับ 15 แอสซิสต์ จากการลงเล่นให้ ปีศาจแดง เพียงแค่ 22 เกม ในทุกรายการ เท่านั้น จนพาทีมไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และได้รางวัล "เซอร์ แมตต์ บัสบี้ อวอร์ด" หรือ นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล
เขาตอกย้ำความเป็น "คีย์แมน" ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยรางวัลในปีแรกคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ไปแล้วถึง 4 ครั้ง โดยที่ ปี 2020 แจกรางวัลไปเพียงแค่ 8 หนเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวคว้า 4 รางวัลนี้ได้ในเดือน กุมภาพันธ์, มิถุนายน, พฤศจิกายน และ ธันวาคม 2020
กลับมาที่ประเทศไทย ในช่วงเปิดซีซั่น 2020 นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ออกสตาร์ทแบบกระอักเลือด เพราะรังเหย้าของพวกเขาถูกปิดปรับปรุง ทำให้ต้องออกไปเยือนก่อนถึง 5 นัดติด
โดยชนะเพียงแค่ ระยอง เอฟซี 2-1 นอกนั้นปราชัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แพ้ การท่าเรือ เอฟซี 1-4, แพ้ ชลบุรี เอฟซี 1-3, แพ้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 0-1 ก่อนกลับมารีสตาร์ทไทยลีก เมื่อผ่านโควิด-19 ระลอกแรก ก็ยัง แพ้ สุพรรณบุรี เอฟซี 0-2
จากนั้นพวกเขาก็กลับมาเล่นในบ้าน ซึ่งผลงานยังคงไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเกมที่ดีที่สุด คือ การบุกไปชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1 แม้ว่าจะถูกมองว่าน่าจะคัมแบ็คได้เสียที แต่ก็ยังไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเก็บได้แค่เพียง 16 แต้มในเลกแรก ทำให้สถานการณ์ของ "โค้ชโจ" ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ถูกประเมินว่ามีโอกาสจะกระเด็นตกเก้าอี้ไม่น้อย
แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเลกสองการมาของ "จีดี คานยุค" ซึ่งยอมลดค่าเหนื่อยลงจากสมัยที่รับกับ "ปราสาทสายฟ้า" ถึง 4 เท่า เพื่อมาพิสูจน์ตัวเองในถิ่นย่าโม ว่าเขาเองก็มีดีพอที่จะเล่นในไทยลีกได้ ดีกว่าที่ถูกหลายๆ คนปรามาส หลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยการเป็นตัวจริง 6 นัด และสำรองอีก 4 เกม ยิงไปแค่ 2 เม็ดเท่านั้น
และที่นี่เองที่ทำให้เขาเสมือนเกิดใหม่ ดาวเตะอิสราเอลกลายเป็นการแก้ปมเกมรุกที่ถูกจุดของ "สวาดแคท" เพราะหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายจาก "โค้ชโจ" ก็คือ สร้างสรรค์เกมรุก พร้อมกับคอยถวายพานให้กับ เดนนิส มูริลโล่ หรือตัวขนาบข้าง ไม่ว่าจะเป็น อมาดู อ๊วตตาร่า และ เจสซี เคอร์แรน ปีกชาวออสซี่ผู้เข้ามาใหม่เช่นกัน
ผลปรากฏว่าเขายิงไป 1 ประตู และพาทีมเก็บชัยชนะอีก 4 เกมรวด เท่ากับว่า นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี สร้างสถิติใหม่ของสโมสร ด้วยการคว้าชัย 6 นัดติดต่อกัน ประกอบด้วย
ชนะ ตราด เอฟซี 4-3 (ย), ชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี 4-0 (ห), ชนะ ระยอง เอฟซี 2-0 (ห), ชนะ ระยอง เอฟซี 2-0 (ห), ชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-0 (ห), ชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 1-0 (ห) และ ชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี 1-0 (ห)
การเล่นของเขาที่มุ่งไปที่เกมรุกแบบเต็มตัวในระบบ 4-4-1-1 หรือเป็นตัวทำเกมรุกหลังกองหน้า ทำให้การตัดเกมของ 2 กองกลางมีสมาธิมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น เมธี ทวีกุญกาญจน์ กับ นฤพล อารมณ์สวะ หรือคนอื่นๆ ที่ถูกสลับลงมาใช้งาน ผิดกับในเลกแรกที่ต้องผลัดกันขึ้นไปซัพพอร์ทเกมบุกให้กับกองหน้าเพื่อทำสกอร์
นอกจากนี้แนวรับ 4 คน ไม่ว่าจะเป็น เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว , เอกณัฎฐ์ คงเกตุ, ประลอง สาวันดี, ณัฐพงษ์ สายริยา ก็ทำผลงานช่วยเป็นด่านแรกก่อนไปถึง ธนชัย หนูราช นายด่านที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา จนเก็บคลีนชีตไปแล้ว 5 เกมติดต่อกัน
ขณะเดียวกันริมเส้นทั้ง 2 ฝั่งของทีมเองก็กำลังผลิตผลงานอย่างยอดเยี่ยม เติมขึ้นเกมรุกพร้อมกับช่วยกันเล่นแนวรับอย่างลงตัวจริงๆ โดยเฉพาะ เจสซี เคอร์แรน ที่แฟนบอล "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยังบ่นเสียดายไม่ขาดสาย
เหนือสิ่งอื่นใดต้องชมวิสัยทัศน์ของผู้บริหารทีม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทุกๆคน ที่ให้ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ทำงานอย่างเต็มที่ ร่วมกับฝ่ายเทคนิคช่วยกันแก้จุดอ่อนในการเสริมทัพช่วงตลาดรอบพิเศษ กระทั่งทีมมีผลงานที่ดีวันดีคืนเช่นนี้
หากนับจนถึงเกมที่ 19 พวกเขามี 28 คะแนน ห่างจากอันดับ 3 ไปเล่นในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2022 รอบเพลย์ออฟ อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น
ตอนนี้แฟนบอล “สวาดแคท” อาจจะเสียดายที่ทำได้แค่เพียงนั่งชมเกมผ่านจอแก้วเท่านั้น เพราะด้วยการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่มั่นใจว่านี่เป็นผลงานที่พวกเขาภูมิใจกับขุนพลที่ลงไปในสนาม พร้อมกับสวมวิญญาณนักสู้ บู๊จนทีมมีลุ้นไปถ้วยเอเชียแบบเต็มตัวแล้ว
