:::     :::

เปลี่ยนบรรยากาศ

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,562
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถ้าเป็นคนปกติเวลาเจอปัญหารุมเร้าหนักๆ เข้า หลายๆ คนก็อาจจะใช้วิธี "พักร้อน" หาเวลาพักผ่อนหรือชาร์จแบตฯ กันเสียหน่อยและทิ้งปัญหาต่างๆ ไว้ก่อน แล้วสร้างพลังให้กับตัวเองให้มาต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่สะสมไว้อีกที ซึ่งลิเวอร์พูลเองก็อาจจะเป็นแบบนั้นเช่นกันล่ะครับ แต่การพักร้อนหรือเปลี่ยนบรรยากาศของพวกเขาอาจจะไม่ใช่การหยุดพัก แต่อาจจะเป็นถ้วยยุโรปที่เป็นความหวังเดียวของพวกเขาที่เหลืออยู่นี่แหละ ที่ทำให้พวกเขากลับมาคึกคักได้อีกครั้งหนึ่ง



สนามกลาง และคู่แข่งที่คุ้นเคย
    

          ลิเวอร์พูลในเกมนี้เป็น “ทีมเยือน” ครับ แต่จริงแล้วพวกเขาไม่เสียเปรียบอะไรในแง่ของการเป็นทีมเยือนเลย เพราะเกมนี้เล่นกันที่ฮังการีครับ เนื่องจากประเทศเยอรมันออกกฏว่าไม่ให้บุคคลที่มาจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศ ทีมฟุตบอลอย่างลิเวอร์พูลเองก็ไม่มีข้อยกเว้นครับ ทำให้เกมนี้ยูฟ่าฯ ต้องแก้ปัญหาด้วยการหาสนามกลางมาให้เตะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นโชคดีของลิเวอร์พูลอยู่แล้วนิดๆ เหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้วไลป์ซิกของยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ก็ถือเป็นทีมที่น่ากลัวมากทีเดียวครับโดยเฉพาะการเล่นในบ้านของพวกเขาเอง (ไม่เชื่อไปถามบางทีมดูก็ได้ อิอิ) เกมนี้จริงๆ คาดว่าจะเล่นกันแบบดุเดือด เลือดพล่านแน่นอน เพราะว่าทั้งสองทีมต่างก็เป็นทีมที่มีวิธีการเล่นคล้ายๆ กันครับ คือ ใช้ความดุดัน ใช้การเพรสซิ่งเข้าบดบี้คู่แข่งให้แหลกลาญไปข้างนึงคล้ายๆ กัน แต่ว่าพอเล่นกันจริงๆ เหมือนลิเวอร์พูลเองก็ไม่ได้ไปเข้าแลกอะไรมากมายครับ อาจจะเป็นเพราะว่าคล็อปป์เองก็ดูเหมือนจะเซฟๆ ทั้งพละกำลัง หรือแม้แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเกมเพรสซิ่งของลิเวอร์พูลตอนนี้นั้น มันไม่ค่อยเหมือนเดิมอีกแล้วเพราะการขาดหายไปของคนคุมจังหวะเพรสซิ่งอย่างเฮนโด้ เลยทำให้คล็อปป์เลือกเล่นแท็กติกแบบนี้ไว้ก่อน ซึ่งในเกมนี้ก็ถือว่าคล็อปป์เองก็วางแผนมาได้ดีพอสมควรครับ เพราะว่ารูปเกมส่วนใหญ่ยังเป็นลิเวอร์พูลที่ดูได้เปรียบอยู่ แม้ว่าจะเกือบโดนนำไปก่อนตั้งแต่ไก่โห่จากจังหวะที่ อังเคลลินโญ แบ็กซ้ายเปิดให้โอลโมพุ่งโหม่ง ลูกไปชนเสากระเด้งออกมา รอดตัวไปอย่างโชคช่วย แต่หลังจากนั้นก็แทบจะเป็นฝั่งหงส์แดงฝ่ายเดียวที่มีโอกาสฉิวเฉียดได้ประตูขึ้นนำจากหลายๆ โอกาส แต่ก็ยังไม่คมพอเสียที





2 ผู้มาใหม่ ดีขึ้น


          ติอาโก้ กับ คาบัค นั้นถูกจับตามองเป็นอย่างมากครับ  เพราะว่าในเกมล่าสุดทั้งสองตกเป็นผู้ต้องหาในคดี “จิ้งจอกขย้ำหงส์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ติอาโก้นั้นเล่นกับลิเวอร์พูลมาได้ซักพักแล้วครับ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขายังปรับตัวให้เข้าจังหวะกับการเล่นของทีมลิเวอร์พูล รวมถึงยังปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ของพรีเมียร์ลีกไม่ได้
เลย  ส่วนโอซาน  คาบัคนั้นต้องบอกว่าเลยว่าเขาโดน “รับน้อง” ที่ค่อนข้างโหดร้ายพอสมควรครับ เมื่อเจอยอดกองหน้าของลีกอย่างเจมี่ วาร์ดี้ และเกมรุกที่รวดเร็วของเลสเตอร์ซิตี้ตั้งแต่เกมแรกเลย และนอกจากนี้ด้วยความใหม่ของเจ้าตัวก็ทำให้การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมเองก็มีปัญหาแบบที่เห็นกันในเกมล่าสุดนั่นแหละครับ  แต่กับเกมนี้ เหมือนว่าจังหวะของการเล่นในเกมยุโรปจะเข้ากับสไตล์ของทั้งสองคนมากกว่า (อย่างน้อยๆ ก็ในตอนนี้)  และยิ่งมาเจอกับทีมที่มาจากลีกที่พวกเขาจากมาอย่างบุนเดสลีกานั้น ยิ่งทำให้พวกเขาดูจะเล่นง่ายกว่าเดิมขึ้นเยอะเลย พวกเขาดูมีเวลา และความหนักหน่วงของคู่แข่งเองก็ดูจะลดลงจากพรีเมียร์ลีกไปในระดับนึง ทำให้ผลงานของทั้งคู่นั้นออกมาค่อนข้างดีทีเดียวล่ะครับ ติอาโก้นั้น อาจจะไม่โดดเด่นอะไรมากมายนัก แต่เขาก็สามารถคุมเกมแดนกลางได้อย่างเนียนๆ ไปจนตลอดทั้งเกม ไม่เหมือนกับตอนที่เล่นพรีเมียร์ลีก ที่เจ้าตัวเหมือนจะแบกน้ำหนักที่เกินตัวไปนิดๆ ในตอนนี้ ส่วนทางด้านโอซาน คาบัคนั้น ถือว่าทำผลงานได้ดีกว่านัดเปิดตัวได้ค่อนข้างเยอะเลยครับ เขาเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง ดุดัน และที่สำคัญเขาเป็นกองหลังคนนึงที่มีความเร็วพอสมควรครับ ตามทันสปีดของกองหน้าได้ทันแทบทุกจังหวะ แถมจังหวะสกัดก็ดุดันที่สำคัญยังมีความทุ่มเทแบบเต็มเปี่ยมทีเดียวครับ  ในเกมนี้เขาได้รับบาดเจ็บจนปากแตก แต่ก็ยังเล่นได้อย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งเกม แม้จะมีจังหวะที่หลุดๆ ให้เห็นบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับทั้งคู่ครับ หวังว่าจะรักษาผลงานดีๆ แบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ ทุกๆ เกมนะครับ




โชคก็มากับเขาด้วย ....
 

          ลิเวอร์พูลนั้นเล่นได้ดี และดูเหนือกว่าก็จริงครับ  แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ยังไม่ใกล้เคียงกับการได้ประตูซักเท่าไรเลย จนพวกเขามาได้ “ส้มหล่น” ลูกบะเริ่มจากการที่กองหลังของไลป์ซิกอย่างซาบิตเซอร์ จ่ายบอลคืนหลังพลาด ทำให้โม ซาล่าห์ได้บอลหลุดเดี่ยวโล่งไปจัดการซัดสวนตัวกูลัคซี นายทวารเก่าของลิเวอร์พูลได้สำเร็จจนทีมขึ้นนำ 1-0 แต่ถึงจะบอกว่าเป็นลูกส้มหล่นแต่จริงๆ แล้วก็ต้องชมผู้เล่นลิเวอร์พูลเองด้วยล่ะครับ ที่ไล่เพรสซิ่ง ไล่กดดันจนทำให้ผู้เล่นไลป์ซิก ไม่มีเวลาเล่นบอลได้ถนัดจนก่อให้เกิดความผิดพลาดให้เห็นแบบนี้ และก็ต้องชม โม ซาล่าห์ด้วยครับที่เมื่อโอกาสมาถึงแบบจะแจ้งแบบนี้ เขาก็เยือกเย็นพอและจัดการได้อย่างเด็ดขาด ไม่ทิ้งโอกาสไปง่ายๆ เหมือนก่อนหน้านี้ และลิเวอร์พูลก็ยังได้โชค 2 ชั้นอีกต่อนึงครับ เมื่อกองหลังของไลป์ซิกอย่่างมูกิเอเลที่กะจังหวะบอลยาวของเคอร์ติส โจนส์พลาดและจั่วลมดื้อๆ ทำให้มาเน่หลุดเดี่ยวร่วมครึ่งสนามและจัดการยิงเข้าไปได้อย่างเด็ดขาดไม่แพ้ซาล่าห์เช่นกัน จากที่ลิเวอร์พูลมักจะมีโชคร้ายกับพวกเขาบ่อยๆ ในช่วงหลัง พวกเขาก็ดูจะมีโชคอยู่บ้างเหมือนกันในวันดีๆ แบบนี้ และดูๆ แล้ว 2 ประตูที่เทพีแห่งโชคมามอบของขวัญให้พวกเขาแบบนี้ก็น่าจะทำให้พวกเขาเข้ารอบน๊อคเอาท์รอบต่อไป ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก


          แม้ในลีกลิเวอร์พูลอาจจะเรียกได้ว่าหมดลุ้นแชมป์ไปแล้ว และน่าจะทำให้แฟนๆ ห่อเหี่ยวกับการดูบอลไปพักใหญ่ๆ เลยจากผลงานของทีมในช่วงหลังๆ บางทีการเลือกที่จะมาทุ่มเทในสิ่งที่ยังมีความหวังอย่างถ้วยยุโรปแบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้  และกับฤดูกาลที่ชอกช้ำแบบนี้ การปลอบใจแฟนบอลด้วยการเป็น “แชมป์ยุโรปสมัยที่ 7”  ก็น่าจะเป็นเครื่องปลอบใจชั้นเลิศทีเดียวล่ะครับ  YNWA ครับ ทุกคน
    



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด