:::     :::

ปรัชญาแน่วแน่ของ ฮันซี่ ฟลิค

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,631
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฮันซี่ ฟลิค กลายเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ บาเยิร์น มิวนิค ภายในเวลาเพียง 18 เดือนที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ของทีมเสือใต้

เมื่อ 18 เดือนก่อนหน้านี้ ฮันซี่ ฟลิค ยังคงเปิดร้านขายอุปกรณ์กีฬาของเขาในเมือง บามเมนธาล ของเยอรมัน ก่อนจะมาเป็นผู้ช่วยโค้ชของ บาเยิร์น มิวนิค จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นบอสทีมเสือใต้หลังการปลด นิโก้ โควัช ออกจากตำแหน่งนำไปสู่การสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสร 

มันฟังดูเหมือนเป็นอีกหนึ่งเทพนิยายของวงการลูกหนัง เนื่องจากไม่มีเคยคาดคิดว่า ฮันซี่ ฟลิค ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์ขัดตาทัพจะนำความสำเร็จมาสู่ทีมดังแคว้นบาวาเรียโดยเฉพาะการกวาดแชมป์ทั้ง 6 รายการที่มีส่วนร่วมทั้ง บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ ตบท้ายด้วย ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 

นั่นทำให้ บาเยิร์น มิวนิค กลายเป็นสโมสรที่สองที่ทำสำเร็จตามหลัง บาร์เซโลน่า ซึ่งเคยฟาดแชมป์ทั้ง 6 รายงานในปี 2009

ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทำงานหนัก, ประสบการณ์และการเรียนรู้ของ ฮันซี่ ฟลิค ตั้งแต่เป็นนักเตะอาชีพจนไต่เต้าขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์


ฮันซี่ ฟลิค เคยค้าแข้งกับ ซานด์เฮาเซ่น, บาเยิร์น มิวนิค, เอฟซี โคโลญจน์ และ วิคตอเรีย บามเมนธาล เขาลงเล่นกับทีมเสือใต้ 104 เกมในช่วงปี 1985-1990 ร่วมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัย 

หลังจากแขวนเกือก เขาเริ่มต้นงานเทรนเนอร์กับสโมสรแรกอย่าง วิคตอเรีย บามเมนธาล ระหว่างปี 1996-2000 ก่อนจะย้ายมาคุมทีม ฮอฟเฟนไฮม์ ช่วงปลายปี 2000 และมีส่วนช่วยทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกาสาม ก่อนจะแยกทางในปี 2005

เขาต้องใช้เวลานานกว่า 14 ปี ก่อนจะกลับมาทำงานฐานะเฮดโค้ชอีกครั้ง หลังทำงานฐานะผู้ช่วยโค้ชช่วงสั้นๆที่ ซัลซ์บวร์ก ในปี 2006 จนกระทั่งเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์ของ โยอาคิม เลิฟ ระหว่างปี 2006-2014 

ฮันซี่ ฟลิค กลับมาร่วมงานกับ บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2019 ฐานะผู้ช่วยโค้ชภายใต้ นิโก้ โควัช ก่อนกุนซือชาวโครแอตจะเด้งตกเก้าอี้เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนปีดังกล่าว ทีมเสือใต้โปรโมตเขาขึ้นมาทำหน้าที่กุนซือรักษาการ 


มันดูห่างไกลจากความเป็นจริงเนื่องจาก ฮันซี่ ฟลิค ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานอยู่เบื้องหลังของ โยอาคิม เลิฟ ซึ่งร่วมกันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 ก่อนจะก้าวลงจากบทบาทดังกล่าวหลังความสำเร็จที่ประเทศบราซิลและรับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน และเพิ่มพูนความรู้ด้านการฝึกสอนของเขาด้วยการเข้าร่วมการฝึกซ้อมของสโมสรใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, แมนฯซิตี้, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ อาร์เซน่อล

ฮันซี่ ฟลิค ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวในเดือนมกราคมปี 2017 เขามารับงานผู้อำนวยการที่ ฮอฟเฟนไฮม์ ในปีถัดมา แต่ทำงานตำแหน่งเพียง 8 เดือน ก่อนกลับไปบ้านเกิดของภรรยาที่ บามเมนธาล เพื่อใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและดูแลกิจการร้านขายอุปกรณ์กีฬาของเขาต่อไป

แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เขาไว้วาง แต่ท้ายที่สุดเขาก้าวเข้ามาทำงานโค้ช หนึ่งในตำแหน่งที่มีความต้องการมากที่สุดของโค้ชทั่วโลก ซึ่ง ฮันซี่ ฟลิค มีประสบการณ์ในชีวิตโชกโชนก่อนจะมาถึงมิวนิค


ประเด็นสำคัญที่นี่คืออดีตมือโปรหลายคนก้าวเดินเข้ามาในเส้นทางที่คล้ายกันและพุ่งชนความล้มเหลว ดังนั้น ฮันซี่ ฟลิค มีความพิเศษอย่างไร?

สำหรับผู้เริ่มต้น เขามีปรัชญาที่แน่วแน่ชัดเจนและเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับ บาเยิร์น มิวนิค 'ตอนที่ผมเป็นนักเตะ ทุกอย่างคือความสำเร็จ'

'คุณจะชนะ 1-0 ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ แต่วันนี้ ชนะอย่างเดียวไม่พอ ผมคิดว่านั่นเป็นความชัดเจน แน่นอนว่ามันเกี่ยวกับโทรฟี่แชมป์ในตอนท้าย แต่ผมสามารถระบุได้อย่างเต็มปากว่าตอนนี้ บาเยิร์น มีความทะเยอทะยานที่จะสร้างความพึงพอใจให้แฟนบอลด้วยชัยชนะมากกว่า 1-0'

ในแง่ที่เป็นรูปธรรมนั้นเกี่ยวข้องกับการเล่นเกมรุกดุดันด้วยระบบ 4-2-3-1 ขยับขึ้นสูงเพื่อกดดันแนวรับและผู้รักษาประตูคู่แข่ง ขณะที่แผงมิดฟิลด์และแนวรับของ บาเยิร์น ก็ผลักดันขึ้นไปข้างหน้าเช่นเดียวกัน บีบพื้นที่และบังคับให้เกิดความผิดพลาด โดยพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ด้วยความเร็วทันที


'การเล่นโดยใช้แนวรับดันขึ้นสูงเป็นลักษณะของเกมของเราเพราะการทำเช่นนั้น เราจะไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีพื้นที่ใดๆ' ฟลิค เปิดเผย

'ชัดเจนว่านั่นหมายถึงช่องว่างระหว่างเกมป้องกันของเราและเป้าหมายของเราค่อนข้างใหญ่ แต่สิ่งสำคัญคือการกดดันที่บอล มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องครอบคลุมพื้นที่เมื่อมีการเล่นบอล และสิ่งสำคัญคือเราต้องปิดช่องผ่านบอล ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เราได้ใช้ปรัชญาในเกมของเราและสร้างความกดดันให้คู่แข่ง นั่นคือการรับประกันความสำเร็จของเรา'

ตามความเป็นจริงการมีปรัชญาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การถ่ายทอดไปยังนักเตะและการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นี่คืออีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญของ ฮันซี่ ฟลิค ที่ได้รับเสียงชื่นชมเกี่ยวกับการสื่อสารกับลูกทีม

'ความชื่นชมและความเคารพเป็นพื้นฐานและด้วยพื้นฐานนี้ คุณสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องในใจคุณได้อย่างเปิดเผย คุณไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยกับผมเสมอไป แต่การแลกเปลี่ยนมุมมองแล้วนำไปใช้ในในภาพรวมจึงเป็นหนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จในที่สุด'


เยโรม บัวเต็ง เป็นหนึ่งในหลายคนที่ยกย่องเทรนเนอร์วัย 55 ปีว่า 'ผมรู้ว่าผมจะได้รับโอกาสที่ยุติธรรมภายใต้ ฮันซี่ ถ้าผมสามารถแสดงให้เห็นว่าผมฟิตและกลับเข้าสู่จังหวะเกมของผมได้'

'นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการและผมมีความสุข ในที่สุดผมสามารถตอบแทนความเชื่อใจของเขาที่มีต่อผม ในฐานะคนๆหนึ่ง เขาตรงไปตรงมากับคุณมาก แต่เขาก็ต้องการสิ่งตอบแทนมากมายเช่นเดียวกัน'

โธมัส มุลเลอร์ แนวรุกประสบการณ์ของทีมเสือใต้กล่าวถึงเจ้านายว่า 'ฮันซี่ มอบแนวทางที่ชัดเจนแก่เรา ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นการเฉพาะเจาะจง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงกลับมาได้ดีหลังจากเขารับตำแหน่ง'

โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมันกล่าวถึงอดีตผู้ช่วยของเขาในทำนองเดียวกันว่า 'เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฮันซี่ เป็นคนหนักแน่นและมีวินัย เขายึดมั่นในความเชื่อมั่นของเขา'

'ทีมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและแม้แต่ผู้เล่นที่ไม่ยอมรับสถานการณ์เพราะ ฮันซี่ พูดคุยกับพวกเขา'

คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ซีอีโอ บาเยิร์น มิวนิค กล่าวเพิ่มเติมว่า 'ผมแทบไม่เคยเห็นกลุ่มนักเตะที่แน่นแฟ้นแบบนี้เท่ากลุ่มนี้มาก่อน' 


ฮันซี่ ฟลิค คุม บาเยิร์น มิวนิค ลงสนาม 69 เกม ชนะ 58 เสมอ 7 แพ้ 4 ยิง 208 ประตู เสีย 65 ประตู คว้าแชมป์ 6 รายการ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่กับสโมสร 

'ขอแสดงความยินดีกับทีมของผม พวกเขาประสบความสำเร็จในระดับประวัติศาสตร์แน่นอน' ฟลิค กล่าวหลังการนำทีมเสือใต้คว้าแชมป์รายการล่าสุด 'แม้จะเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จอย่าง เอฟซี บาเยิร์น แต่มันเป็นฤดูกาลดีสุดที่พวกเขาเคยมีมา ชัยชนะไม่มีความเสี่ยง เราโดดเด่นและสมควรคว้าชัยชนะในนัดชิงชนะเลิศ' 

หลังจากดูแลกิจการขายอุปกรณ์กีฬามากว่า 20 ปี ตอนนี้ ฮันซี่ ฟลิค กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ด้านกีฬาที่พิสูจน์ให้เห็นด้วยความสำคัญยิ่งใหญ่กับ บาเยิร์น มิวนิค 

'มันเป็นการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญเกมและการเอาใจใส่อย่างมากในแง่ของความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนภายในทีม ซึ่งทำให้เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม (การคว้าแชมป์) เป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผลของเรื่องนี้' เลิฟ กล่าวถึงอดีตผู้ช่วย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด