นับจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่ลงเล่นกับสองทีมคู่อริอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า 

ยกตัวอย่างเช่น แบร์นด์ ชูสเตอร์, ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป, โรนัลโด้, หลุยส์ เอ็นรีเก้ หรือ หลุยส์ ฟิโก้ เป็นต้น

บางคนย้ายข้ามฟากระหว่างสองทีมคู่ปรับตลอดชาติโดยตรง บางคนย้ายไปพักระหว่างทางกับสโมสรอื่นก่อนโยกกลับมาอยู่อีกฝั่ง

ชูสเตอร์ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมันตะวันตกย้ายจาก เอฟซี โคโลญจน์ มาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 1980 จากนั้นจึงโยกมาเล่นกับทีมชุดขาวโดยตรงในอีก 8 ปีต่อมา 

2 ปีถัดจากนั้น ชูสเตอร์ ยังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการย้ายมาเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด คู่อริร่วมเมืองของทีมชุดขาวอีกด้วยและคงไม่มีนักเตะคนใดทำได้อย่างเขา 

เลาดรู๊ป ย้ายจาก ยูเวนตุส มาสวมเครื่องแบบทัพอาซูลกราน่าเมื่อปี 1989 จากนั้นมิดฟิลด์ชาวเดนส์จึงโยกมาเล่นกับ เรอัล มาดริด ในปี 1994

หลุยส์ เอ็นรีเก้ ย้ายจาก สปอร์ติ้ง คิฆอน มาเล่นกับ เรอัล มาดริด ในปี 1991 ก่อนย้ายมาสู่อ้อมอกทีมอาซูลกราน่าเมื่อปี 1996

การย้ายข้ามฟากระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด ที่สร้างปรากฎการณ์สั่นสะเทือนลีกเมืองกระทิงมากที่สุดครั้งหนึ่งย่อมหนีไม่พ้นการย้ายจากทีมอาซูลกราน่าสู่ทีมชุดขาวของ หลุยส์ ฟิโก้ เมื่อปี 2000

บาร์เซโลน่า ดึง หลุยส์ ฟิโก้ มาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 1989 ซึ่งมิดฟิลด์จอมเทคนิคชาวโปรตุกีสก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักและหนึ่งในกัปตันทีมอาซูลกราน่า แต่ฟิโก้ช็อคสาวกบาร์เซโลนิสต้าด้วยการย้ายไปเล่นกับทีมชุดขาวหลัง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จ่ายเงินจำนวน 60 ล้านเหรียญสหรัฐซื้อสัญญานักเตะจากบาร์ซ่าซึ่งเป็นมูลค่าการย้ายทีมสูงสุดเป็นสถิติโลกขณะนั้น

หลุยส์ ฟิโก้ กลายเป็นคนทรยศของสาวกบาร์เซโลนิสต้าตั้งแต่บัดนั้น พวกเขาต้อนรับอดีตขวัญใจแบบสาสมเมื่อ ฟิโก้ กลับมาเยือน'คัมป์ นู'ในคราบนักเตะชุดขาวครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2000 

ฟิโก้ต้องทนฟังเสียงก่นด่าสาปแช่งจากแฟนบาร์ซ่าทั่วทั้งสนามตลอดทั้งเกมจนหูชานับตั้งแต่ก้าวเท้าเดินออกมาจากอุโมงค์ โดยเฉพาะจังหวะที่มิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสเตะมุมยังมีสาวกบาร์เซโลนิสที่มีความพยายามสูงมากเป็นพิเศษนำหัวหมูมาประเคนให้ถึงขอบสนาม

ขณะที่ โรนัลโด้ โรซารีโอ ย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาเล่นกับ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 1996 เขาโชว์ฟอร์มกระฉูดยิง 34 ประตูจากการลงเล่นลีกา 34 นัด แต่โรนัลโด้อยู่เพียงปีเดียวก่อนย้ายไปค้าแข้งกับ อินเตอร์ มิลาน

ศูนย์หน้าระดับตำนานชาวบราซิเลียนตีจากทีมงูใหญ่มาเล่นกับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2002 เขาค้าแข้งกับทีมชุดขาว 5 ปีทำสถิติกระทุ้ง 83 ประตูจากการลงเล่น 127 เกม 

นักเตะแต่ละคนที่เคยเล่นกับทั้งสองทีมย่อมมีความรู้สึกและความผูกพันกับอดีตต้นสังกัดที่แตกต่างจากขึ้นอยู่กับการปฏิบัติจากฝ่ายบริหารและแฟนบอลที่มีต่อพวกเขา 

'ผมรู้สึกอยากขอบคุณมากขึ้นและผูกพันกับมาดริดมากขึ้น แม้จะเคยมีปีที่ดีที่สุดกับบาร์เซโลน่า แต่ตอนจบเรื่องราวประวัติศาสตร์กับบาร์ซ่าของผมมันแย่มาก ซึ่งคล้ายกับเนย์มาร์ที่เคยเกิดขึ้นไม่นานมานี้'โรนัลโด้ วิพากษ์วิจารณ์ทีมอาซูลกราน่k

อดีตศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลอ้างอิงเพิ่มเติมว่าวิธีการปฏิบัติต่อนักเตะบราซิเลียนของ บาร์เซโลน่า มันคล้ายคลึงกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

'เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้วเนื่องจากบอร์ดบริหารบาร์ซ่าเคยทำบางอย่างที่คล้ายกันนี้กับ โรมาริโอ จากนั้นก็ทำกับโรนัลดินโญ่ แต่บาร์เซโลน่าเป็นเมืองที่สวยงามและยังเป็นสโมสรที่น่าทึ่งนะ'

โรนัลโด้ อยู่กับ บาร์เซโลน่า เพียงฤดูกาลเดียวจึงแทบจะไม่มีความผูกพันกับทีมอาซูลกราน่าและสาวกบาร์เซโลนิสต้าก็ว่าได้

เขาย้ายมาค้าแข้งกับทีมอาซูลกราน่าตอนอายุเพียง 20 ปี หลังทำผลงานกระฉูดตั้งแต่ปีแรกทำให้ โรนัลโด้ และตัวแทนของเขาเรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่มเติมจากบาร์เซโลน่า ทว่าฝ่ายบริหารของทีมยักษ์กาตาลุนย่าไม่ตอบสนองตามความต้องการของนักเตะ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ โรนัลโด้ ตัดสินใจตีจากไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ในช่วงซัมเมอร์ปี 1997

สถานการณ์มันคล้ายคลึงกับการตัดสินใจอำลา'คัมป์ นู'ย้ายซบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของ เนย์มาร์ แทบจะไม่ผิดเพี๊ยน มันมาจากความผิดหวังที่สโมสรจะสนองตอบความต้องการของนักเตะนั่นเอง 

ดังนั้นมันอาจจะไม่ใช่ความผิดทั้งหมดจากฝ่ายบริหารของบาร์เซโลน่าที่ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียสุดยอดนักเตะออกจากสังกัด แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้เล่นคนนั้นด้วยเ

ยกตัวอย่างกรณีของ เนย์มาร์ ที่ได้รับค่าเหนื่อยจาก เปแอสเช มากถึงปีละ 30 ล้านยูโร ขณะที่ บาร์เซโลน่า ไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้าง 26 ล้านยูโรตามที่นักเตะและตัวแทนเรียกร้อง แม้ โรนัลโด้ จะเข้าข้างรุ่นน้องชาติเดียวกันก็ตาม แต่มันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความละโมภของพวกเขาก็มีส่วนด้วยเช่นกัน 

เนย์มาร์ มีโอกาสเป็นศิษย์เก่าบาร์เซโลน่ารายต่อไปที่ย้ายมาสวามิภักดิ์ต่อ เรอัล มาดริด ในอนาคตหลังตกเป็นเป้าหมายของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่ต้องการกองหน้าชาวบราซิเลียนมาเป็นเสาหลักของ'กาลาคติกอส'ยุคใหม่ 

แน่นอนว่าการตีจาก เปแอสเช มาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ทำให้เนย์มาร์รับค่าเหนื่อยไม่น้อยกว่าที่รับจากทีมดังกรุงปารีสในตอนนี้และที่แน่นอนกว่านั้นคือ เนย์มาร์ ซีเนียร์ หรือพ่อนักเตะคงรับทรัพย์ก้อนโตจากเปอร์เซ็นต์การย้ายทีมของลูกชายเหมือนช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเช่นกัน