เป็นอีกเกมที่ยากอย่างแท้จริง แต่ มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมก็ช่วยกันผ่านไปได้และทำให้รักษาความหวังลุ้นตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ให้คงอยู่ต่อไป

ณ ตอนนี้ อาร์เซน่อล ต้องให้ความสำคัญในยูโรปา ลีก มากกว่าในลีก เพราะเป็นเส้นทางที่ดูมีความ "เป็นไปได้" มากกว่ากับการลุ้นทำอันดับในลีก 

สถานการณ์ในลีกยังอยู่เพียงอันดับ 11 ของตารางจากการมี 34 คะแนน ห่างพื้นที่ท็อปโฟร์ 12 คะแนน และห่างพื้นที่ท็อปยูโรปา (อันดับ 5) 9 คะแนน 

นอกจากคะแนนที่อยู่ห่างอันดับที่ต้องการพอสมควรแล้ว อาร์เซน่อล ต้องเจอคู่แข่งที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันอีกประมาณ 7-8 ทีม 

ไล่ชื่อคร่าวๆ สำหรับทีมที่ไม่ได้ติดท็อปโฟร์ในเวลานี้ก็ยังมีทั้ง เชลซี, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และ เอฟเวอร์ตัน ขนาดน้องใหม่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังมีคะแนนมากกว่า อาร์เซน่อล 

คู่แข่งในยูโรปา ลีก มีเสือ สิงห์ กระทิง แรด ไม่ต่างจากพรีเมียร์ลีกก็จริง แต่ด้วยความเป็นฟุตบอลถ้วยและมาถึงรอบน็อกเอาต์กันแล้ว โอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์กลายเป็นภาพที่มองได้ชัดกว่า วางแผนกันนัดต่อนัดที่ตอนนี้เหลือโปรแกรมน้อยกว่าในลีก 

ในเกมชี้ชะตากับ เบนฟิก้า นัดสอง มิเกล อาร์เตต้า กล่าวก่อนเกมว่าไม่ต่างจากรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเพราะเป็นเกมที่สำคัญอย่างมาก 

ชนะเข้ารอบ แพ้ตกรอบ และผลเสมอในแต่ละสกอร์ให้ผลลัพท์ต่างกัน

ผลเสมอ 1-1 ในนัดแรกที่เตะสนามกลางในกรุงโรมอิตาลี ทำให้ อาร์เซน่อล ได้เปรียบเล็กน้อยตรง "อะเวย์โกล" ในฐานะทีมเยือน แต่นัดสองก็ไม่ได้เล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของตัวเองเพราะต้องโยกไปแข่งสนามกลางอีกนัดที่เอเธนส์ของประเทศกรีซ

โอบาเมย็อง จบสกอร์ได้คมกริบ

มิเกล อาร์เตต้า กลับมาใช้งานผู้เล่น 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดแรก หลังเปลี่ยนทีมไป 5 ตำแหน่งในเกมลีกที่พ่ายต่อ แมนฯ ซิตี้ 0-1

แม้ผลเสมอ 0-0 จะเป็นอีกสกอร์ที่ทำให้ อาร์เซน่อล เข้ารอบได้ตามกฎประตูทีมเยือน แต่แข้งปืนใหญ่ก็มองถึงชัยชนะและพยายามเซตบอลเพื่อทำประตูตั้งแต่เริ่มเกม

เบนฟิก้า มาในระบบ 3 เซนเตอร์อีกครั้ง มี 2 จอมเก๋าที่คุ้นเคยกับ อาร์เซน่อล ทั้ง ยาน แฟร์ต้องเก้น และ นิโกลัส โอตาเมนดี้ เป็นแกนหลัก แต่ว่าแนวรุกปรับ 2 ตำแหน่งเพื่อเน้นยิงประตูให้ได้เช่นกันเพราะทุกประตูมีค่ามากกว่านัดแรก

แนวรับเบนฟิก้ายืนกันค่อนข้างแน่น เป็นระบบ แต่ด้วยไหวพริบในการจ่ายบอลอันสุดยอดของ บูคาโย่ ซาก้า ก็ช่วยให้ อาร์เซน่อล ออกนำก่อน 1-0 หลังตวัดเข้าช่องให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง วิ่งไปชิพข้ามตัวผู้รักษาประตูเข้าไป

โอบาเมย็อง มีเกมที่ไม่ดีนักในนัดแรกเพราะพลาดโอกาสทอง 2 ครั้งที่ควรต้องยิงได้ไม่ยาก แต่ยี่สิบนาทีแรกในนัดสอง เขาปลดล็อกให้ทีมขึ้นนำสำเร็จ

อาร์เซน่อล เดินหน้าต่อบอลต่อเนื่อง ขณะที่ เบนฟิก้า อาศัยจังหวะโต้กลับเป็นหลัก มีช่วงผลัดกันได้เซตเกม

ทว่าท้ายครึ่งแรกที่แข้งปืนใหญ่ควรต้องมีสมาธิอย่างมากกับพลาดเสียฟรีคิกหน้าเขตโทษจากจังหวะฟาวล์ของ ดานี่ เซบายอส เบนฟิก้า ไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือ ดิโอโก้ กอนซัลเวส ปั่นเสียบสามเหลี่ยมงามหยดเป็นประตูตีเสมอ 

สกอร์ 1-1 ในครึ่งแรกทำให้สถานการณ์พลิกไปอยู่ทาง เบนฟิก้า โดยสิ้นเชิงเพราะประตูถัดไปของเหยี่ยวลิสบอนจะมีค่ามากกว่าปืนใหญ่

สิ่งที่แฟนปืนใหญ่หวั่นๆ เกิดขึ้นจนได้หลังเริ่มครึ่งหลังได้สิบกว่านาที ดานี่ เซบายอส ที่ตั้งใจจะโหม่งคืนให้ แบร์นด์ เลโน่ แต่กะน้ำหนักไม่ดีกลายเป็นโขกตั้งให้ ราฟา ซิลวา เก็บบอลได้แล้วหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านมือ เลโน่ 

ประตูนี้ของ เบนฟิก้า ล้ำค่าอย่างมากและทำให้ อาร์เซน่อล ต้องยิงแซงชนะเท่านั้นจึงจะพลิกเข้ารอบ หากได้เพียงเสมอ 2-2 จะเป็น เบนฟิก้า ที่ซิวตั๋วตามกฎประตูทีมเยือน

เทียร์นีย์ ปลุกความหวังให้ทีมด้วยลูกยิงสุดเด็ดขาด

มิเกล อาร์เตต้า รีบปรับเกมทันทีส่ง โธมัส ปาร์เตย์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงมาแทน เอมิล สมิธ โรว์ และ วิลเลี่ยน ปีกจอมเก๋าลงแทน เซบายอส ที่มีเกมสุดฝันร้ายทำพลาดทั้งสองประตูที่ทีมเสีย

การปรับหมากของ อาร์เตต้า ได้ผลเร็วเพราะ วิลเลี่ยน กลายเป็นคนทำทางจ่ายบอลคืนให้ คีแรน เทียร์นีย์ แตะหนีตัวประกบแล้วกดด้วยซ้ายเต็มข้อส่งบอลเสียบเสาอย่างเด็ดขาด

สกอร์ 2-2 ยังไม่เพียงพอสำหรับ อาร์เซน่อล ย้อนไปในฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาเคยตกรอบเดียวกันนี้คาบ้านเพราะสกอร์รวมสองนัด 2-2 นี่แหละ วันนั้น โอลิมเปียกอส ได้ไปต่อด้วยกฎประตูทีมเยือนหลังบุกชนะ 2-1 ในนัดสอง 

ยิ่งเวลางวดลงเรื่อยๆ อาร์เซน่อล ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยิงประตูที่ต้องการได้ อาร์เตต้า ทิ้งได่อีกใบส่ง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ลงมาเสริมเกมรุกและถอดกองหลังอย่าง เอคตอร์ เบเยริน ออกไป

เกมทำท่าว่าจะจบที่ความชอกช้ำของ อาร์เซน่อล อีกปี แต่แล้วก่อนจบเกม 3 นาที บูคาโย่ ซาก้า ก็โยกหาจังหวะเปิดบอลจากฝั่งขวาไปให้ โอบาเมย็อง ได้โขกจ่อๆ เสาไกลเข้าไป ผู้ตัดสินหยุดเช็กวีเออาร์ก่อนยืนยันว่าเป็นประตู ไม่ได้ล้ำหน้าแต่อย่างใด

อาร์เซน่อล ประคองตัวรักษาสกอร์ 3-2 ที่ทำได้จนจบเกมโดยมี คาลั่ม แชมเบอร์ส กับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ถูกเปลี่ยนลงไปช่วยรับในช่วงทดเจ็บ 

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมแก้ตัวจากการตกรอบ 32 ทีมสุดท้ายในปีก่อน ด้วยการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในปีนี้ 

เป็นเกมที่หืดจับและบีบหัวใจอย่างที่สุด แต่ อาร์เซน่อล ก็สมควรเป็นฝ่ายที่ได้เข้ารอบเพราะทำได้ดีกว่าในภาพรวมทั้งสองนัด และโดยเฉพาะนัดสองที่แสดงให้เห็นถึงแคแรกเตอร์และสปิริตนักสู้ฮึดกลับมาชนะได้สำเร็จ

พวกเขาใช้โอกาสที่มีได้เฉียบขาดมากขึ้น ปรับเกมเร็วและตัวสำรองมีบทบาทช่วยทีม กล้าเจาะตรงกลางที่หวังผลได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนทั้งประตูแรกของเกม และอีกหลายจังหวะที่แทงบอลทะลุเซนเตอร์คู่แข่ง 

โอบาเมย็อง เด็ดขาดกับจังหวะจบสกอร์ นอกจาก 2 ประตูสุดสำคัญนัดนี้แล้ว ก็เกือบทำแฮตทริกได้ด้วยหากไม่ถูกจับล้ำหน้าเสียก่อนในจังหวะสอดไปยิงลูกจ่ายให้ของ มาร์ติน โอเดการ์ด

คนแอสซิสต์และคนจบสกอร์ได้เฮร่วมกัน

หัวหอกกัปตันทีมเคยมีฝันร้ายในยูโรปา ลีก ปีก่อนที่พลาดโอกาสทองวินาทีสุดท้ายกับ โอลิมเปียกอส ซึ่งหากยิงเข้า อาร์เซซน่อล จะลอยลำทันที แต่เขากลับพลาดจากระยะไม่ถึงสิบหลา 

ทว่าผ่านมาหนึ่งปี เขาลบฝันร้ายของตัวเองลงได้และพาทีมเข้ารอบ

การเปิดบอลและสร้างสรรค์โอกาสของ บูคาโย่ ซาก้า สมบูรณ์ไร้ที่ติ น้ำหนักในการจ่ายทะลุช่องและเปิดโด่งนำไปสู่สองประตูของทีมถือว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ขาดไม่เกิน 

แม้อายุเพียง 19 ปี แต่นาทีนี้สามารถกล่าวได้เลยว่า บูคาโย่ ซาก้า คือนักเตะที่ อาร์เซน่อล ขาดไม่ได้เลยจริงๆ และสองแอสซิสต์ล่าสุดก็ทำให้เขาแอสซิสต์ไปแล้ว 18 ประตูนับจากเริ่มฤดูกาลที่แล้ว มากกว่านักเตะทุกคนในทีม 

ประตูตีเสมอ 2-2 ของ คีแรน เทียร์นีย์ ก็สำคัญ ลูกนี้ยิงได้เด็ดดวงกดได้เข้าข้ออย่างยิ่ง แถมมาถูกที่ถูกเวลาปลุกความหวังให้ทีมได้อย่างมาก 

คนอื่นที่อาจไม่ได้มีชื่อทำประตูหรือแอสซิสต์ แต่ก็มีส่วนด้วยกันทั้งหมดเพราะทุกชัยชนะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนักเตะคนเดียว แต่หากเป็นทุกคนที่ช่วยกันสู้จนถึงที่สุด

อาร์เซน่อล ได้ไปต่อบนเส้นทางในยูโรปา ลีก และจับสลากเจอคู่แข่งที่คุ้นหน้าและเคยฝากรอยแผลเอาไว้เมื่อหนึ่งปีที่แล้วนั่นคือ โอลิมเปียกอส 

มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมไม่ต้องรอจนถึงสิบปีสำหรับการแก้แค้น 

ผ่านมาปีเดียวได้เวลาคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอกกันอย่างรวดเร็ว