วิลเลี่ยน กับ เปเป้ มีบทบาทอย่างมากในการช่วยทีมเก็บชัยชนะในวันที่ มิเกล อาร์เตต้า ปรับทัพหลายตำแหน่งหลังผ่านหนักแลกกดดันกับ เบนฟิก้า ในถ้วยยุโรป

อาร์เซน่อล เอาตัวรอดด้วยการชนะเหยี่ยวลิสบอน 3-2 คว้าตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก และจับสลากพบคู่ปรับเก่า โอลิมเปียกอส 

อาร์เตต้า จึงพัก 6 ผู้เล่นจากเกมดังกล่าวเพื่อเปิดทางให้ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์, นิโกล่าส์ เปเป้, วิลเลี่ยน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, ปาโบล มารี และ เซดริก โซอาเรส ได้ลงตัวจริง

แฟนบอลปืนใหญ่หลายคนเห็นการจัด 11 ตัวจริงบุกคิง เพาเวอร์ แล้วถึงกับทำใจล่วงหน้าว่าคง "ทิ้ง" ในลีกเต็มตัวเพื่อเอาดีในยูโรปา ลีก

ขณะที่ เลสเตอร์ ที่ผ่านเกมยุโรปเช่นกันและตกรอบคาบ้านเลือกเปลี่ยนทีมเพียง 3 ตำแหน่งสลับให้ ฮาร์วีย์ บาร์นส์, ริคาร์โด้ เปเรยร่า และ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้ลงตัวจริง

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เน้นมากกว่าในการส่งตัวหลักลงสนาม ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า เดิมพันกับความสดของผู้เล่นที่ไม่ได้บอบช้ำมาจากเกมยุโรป

ผลลัพท์สุดท้ายเป็น อาร์เตต้า ตัดสินใจได้ถูกต้อง

หากไม่นับจังหวะแรกที่เสียประตูตั้งแต่นาทีที่ 6 อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าและสมควรเป็นผู้ชนะในนัดนี้

การเริ่มต้นไม่ดีจนเสียประตูเร็วคือสิ่งที่ อาร์เซน่อล ยังต้องปรับ วันที่พ่ายต่อ แมนฯ ซิตี้ 0-1 ก็โดนตั้งแต่นาทีที่ 2 ส่วนนัดนี้ก็ไม่ต่างกันโดยเป็นการเสียบอลทางกราบซ้ายของ กรานิต ชาคา ที่ทำให้ ยูริ ตีเลมันส์ ได้หลุดเข้าไปยิงเสียบเสาไกล

ชาคา พลาดเป็นคนแรกแล้ว แต่เกมรับ อาร์เซน่อล คนอื่นก็พลาดด้วยโดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ ดาวิด ลุยซ์ กับ ปาโบล มารี ที่พะวงกับ เจมี่ วาร์ดี้ ในเขตโทษจนไม่มีใครวิ่งเข้าขวาง ตีเลมันส์ ที่พาบอลเข้าเขตโทษได้แบบสบายใจไม่มีใครขวางหน้า

แต่หลังเสียประตูไปก่อน อาร์เซน่อล ก็ตอบสนองได้ดี พยายามเซตเกมรุกอย่างมุ่งมั่นและมีความกระตือรือร้น ไม่เอื่อยเฉื่อยเหมือนหลายนัดที่มักออกอาการหากเสียเร็วแบบนี้

นิโกล่าส์ เปเป้ เกือบเรียกจุดโทษได้ตั้งแต่นาที 13 จากจังหวะที่ถูกสองผู้เล่น เลสเตอร์ รุมทำฟาวล์ตรงบริเวณเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษในตอนแรก แต่เช็กวีเออาร์ก่อนมองว่าเป็น วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ทำฟาวล์นอกเขตโทษนิดเดียว ไม่ใช่ ยูริ ตีเลมันส์ ที่อยู่บนเส้นเขตโทษและต้องเป็นจุดโทษ อาร์เซน่อล จึงได้เพียงฟรีคิก

แม้การตัดสินของผู้ตัดสินและวีเออาร์จะไม่เป็นใจ แต่ อาร์เซน่อล ยังคงตั้งหน้าตั้งตาบุกต่อไป วิลเลี่ยน กับ เปเป้ ใช้ความคล่องตัวและทักษะสร้างจังหวะการเล่นให้ทีมและกดดันเกมรับของเจ้าถิ่นได้ต่อเนื่อง

เปเป้ เรียกฟรีคิกทางกราบขวาได้อีกครั้ง คราวนี้ วิลเลี่ยน เปิดพอเหมาะพอดีให้ ดาวิด ลุยซ์ วิ่งหาตำแหน่งสอดมาโขกสะบัดส่งบอลเบียดเสาเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นประตูแรกของอดีต "ดูโอ" จาก เชลซี ประสานงานกันได้ประตูในสีเสื้อ อาร์เซน่อล

เกมพลิกผันไปโดยสิ้นเชิงเมื่อในช่วงทดเจ็บ อาร์เซน่อล มาได้จุดโทษที่ เปเป้ มีส่วนเป็นคนเปิดบอลไปติดแขน วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ที่กระโดดขึ้นบล็อก ผู้ตัดสิน พอล เทียร์นีย์ วิ่งไปเช็กวีเออาร์ก่อนชี้ให้จุดโทษ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเฉียบขาด

เป็น 45 นาทีแรกที่ อาร์เซน่อล แสดงแคแรกเตอร์นักสู้ออกมาได้อย่างที่แฟนบอลอยากเห็น พวกเขาเริ่มต้นผิดพลาด แต่ช่วยกันเล่นจนแซงนำก่อนหยุดพักเบรกได้สำเร็จ

พอเริ่มครึ่งหลังได้ 7 นาทีที่ปืนใหญ่ขยับนำห่าง 3-1 จากจังหวะต่อบอลสวยและเป็น วิลเลี่ยน สะกิดแฉลบผู้เล่นเจ้าถิ่นก่อนถึง เปเป้ ยืนแปง่ายๆ เข้าไป ทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของ อาร์เซน่อล ทันที

ความสดความฟิตของผู้เล่น อาร์เซน่อล ที่ปรับทีมมากกว่ามีผลชัดเจน เลสเตอร์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บตามเล่นงานมากเป็นอันดับต้นๆ ในลีกอยู่แล้ว การยึดผู้เล่นชุดเดิมลุยต่อส่งผลต่อความล้าและเสี่ยงต่อการเจ็บซ้ำ 

ก่อนโดน อาร์เซน่อล เจาะประตูที่ 3 พวกเขาก็เสีย ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ตัวสำคัญในเกมรุกที่เจ็บไปอีกราย แถมหลังจากนั้น จอนนี่ อีแวนส์ แนวรับจอมเก๋าก็เล่นไม่จบเกมต้องโขยกเขยกออกจากสนามเพราะเดี้ยงเช่นกัน

เลสเตอร์ ซิตี้ จึงแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงในการฮึดกลับมาแบบที่ อาร์เซน่อล ทำได้เพราะสภาพร่างกายไม่เอื้อและโชคร้ายเสียผู้เล่นเจ็บเพิ่มระหว่างเกม นอกจากนี้ยังเกือบโดนอีกลูกจาก ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่ลงสำรองหาจังหวะส่องหน้าเขตโทษถากเสานิดเดียว

อาร์เซน่อล จึงได้ชัยชนะที่เกินคาดทั้งเรื่องของสกอร์และฟอร์มการเล่น แถมปลดล็อกบุกชนะทัพจิ้งจอกที่คิง เพาเวอร์ ได้เป็นนัดแรกนับตั้งแต่ปี 2015 ที่ อเล็กซิส ทำแฮตทริกพาทีมชนะ 5-2 ซึ่งตอนนั้น มิเกล อาร์เตต้า ยังเล่นให้ทีมอยู่เลย 

กลุ่มผู้เล่นที่ได้โอกาสลงตัวจริงต่างทำผลงานได้ดีไม่ว่าจะเป็น วิลเลี่ยน ที่ทำ 2 แอสซิสต์ หรือ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่มีส่วนทุกประตูทั้งเรียกฟรีคิก, เรียกจุดโทษ และยิงปิดท้าย 

ขณะที่คนอื่นไม่ว่าจะเป็น ปาโบล มารี, เซดริก โซอาเรส, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ คนซัดจุดโทษก็ล้วนมีส่วนช่วยทีมในบทบาทต่างกันไป

สำคัญสุดคือ อาร์เตต้า ได้พักตัวหลักบางรายที่กรำศึกมาหนักโดยเฉพาะ บูคาโย่ ซาก้า ที่แทบไม่ได้พักเลยใน 2-3 เดือนหลังสุดที่เจ้าตัวแทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกของทีม การันตีด้วยตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรในเดือนธันวาคมและมกราคม

มาร์ติน โอเดการ์ด ได้ลงสำรองท้ายครึ่งแรกแทน เอมิล สมิธ โรว์ ที่เจ็บ แต่ก็ไม่ถึงกับหมดแรงอะไรมาก เช่นเดียวกับ โอบาเมย็อง ที่เหมือนลงไปวอร์มดาวน์ท้ายเกมเสียมากกว่า

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมผ่านช่วงโปรแกรมหนักไปได้อย่างน่าประทับใจ เริ่มจากยูโรปา ลีก นัดแรกที่เสมอ เบนฟิก้า 1-1 ต่อด้วยแพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย จากนั้นปิดจ๊อบเอาชนะ เบนฟิก้่า ในนัดชี้ชะตาเข้ารอบ และกลับมาชนะในลีกเหนือทีมกลุ่มท็อปทรีของตารางอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ 

แข้งอาร์เซน่อล จะได้พักเต็มๆ หนึ่งสัปดาห์ก่อนกลับมาลงสนามอีกนัดไปเยือน เบิร์นลีย์ ในวันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 

ฟอร์มการเล่นของ วิลเลี่ยน และ เปเป้ ในนัดนี้ทำให้ อาร์เตต้า ได้สบายใจมากขึ้นหากต้องเจอสถานการณ์ที่จำเป็นต้องปรับทีม  

  ในรายของ วิลเลี่ยน ยังต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำผลงานแบบนี้ให้ได้ต่อเนื่องเพราะถูกวิจารณ์มาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยตลอดสัปดาห์นี้ก็มีอะไรจับต้องได้ชัดเจน 

ปีกจอมเก๋าบราซิเลียนทำได้ดีตั้งแต่เกมยุโรปที่ลงสำรองและเป็นคนแอสซิสต์ให้ คีแรน เทียร์นีย์ ทำประตูตีเสมอ 2-2 ก่อนทีมพลิกชนะ และมีจังหวะการเล่นเกมรุกกับทีมอย่างต่อเนื่อง

ก่อนปิดท้ายสัปดาห์ด้วยการคว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่นัดเปิดสนามฤดูกาลนี้ที่ทำ 2 แอสซิสต์ในเกมบุกชนะ ฟูแล่ม 3-0 

"เขาคือผู้เล่นที่เราทุกคนชื่นชอบ เพื่อนร่วมทีมก็ชอบเขาและเราต่างคาดหวังสิ่งต่างๆ มากมายจากเขานับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีม แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้เขายังไม่สามารถเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้"

"เขาคือผู้เล่นที่ผมชอบมากๆ และผมก็ทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเข้ามาร่วมทีมให้ได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะช่วยเราได้มากยิ่งกว่านี้"

"คุณคงเห็นแล้วว่าตอนนี้เขาเริ่มทำในสิ่งที่เราคิดว่าเขาสามารถทำให้ทีมได้ ทุกคนจำเป็นต้องยกระดับการเล่นและสร้างโอกาสสำคัญในเกมเพราะผู้เล่นเกมรุกคือผู้เล่นที่สามารถตัดสินชัยชนะให้เราได้" อาร์เตต้า กล่าว 

อาจรอนานหน่อยสำหรับฟอร์มดีๆ ของ วิลเลี่ยน แต่อย่างน้อย "มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา" และหวังว่าจะเป็นการออกจากบล็อกสตาร์ทกับ อาร์เซน่อล ได้อย่างจริงจัง...เสียที