:::     :::

'แดร์ คลาสซิเกอร์' เกมดวลคม'เลวานดอฟสกี้-ฮาแลนด์'

วันพฤหัสบดีที่ 04 มีนาคม 2564 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
967
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดาวยิงชาวนอร์วีเจี้ยนของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะลงดวลความคมกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกโปลของ บาเยิร์น มิวนิค ในเกม 'แดร์ คลาสซิเกอร์' บนเวทีบุนเดสลีกาวันเสาร์นี้

'แดร์ คลาสซิเกอร์' ของลีกเมืองเบียร์ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะลงเผชิญหน้ากันบนสังเวียน 'อัลลีอันซ์ อารีน่า' วันเสาร์นี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจและหนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือการดวลความคมกันระหว่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ 

เลวานดอฟสกี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นสุดยอดกองหน้าที่ได้รับการยกย่องให้เป็นดาวซัลโวเบอร์หนึ่งของโลกลูกหนังปัจจุบัน ขณะที่ ฮาแลนด์ เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดดาวยิงในอนาคต

'เลวี่' ทำสถิติกระทุ้งรวมกัน 55 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 47 เกมในซีซั่นที่ผ่านมา ยิง 34 ประตูจากการลงเล่น 31 เกมบนเวทีบุนเดสลีกา เขายังสานต่อความร้อนแรงจนถึงฤดูกาลนี้ด้วยการซัด 34 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 32 นัดและกดไปแล้ว 28 ประตูจากการลงเล่น 22 เกมในลีกเมืองเบียร์ หลัง ฮันซี่ ฟลิค พักใช้งานกองหน้าทีมชาติโปแลนด์ในแมตช์เดย์ที่ 6 


เลวานดอฟสกี้ ทำ 16 ประตูจาก 13 เกมหลังสุด เขายิงมากกว่าหนึ่งประตูในเกมเดียว 7 ครั้งและทำประตูไม่ได้เพียง 4 เกม มีค่าเฉลี่ยยิงประตูในลีกทุกๆ 67 นาที อัตราการยิง 1.35 ประตูต่อเกม พร้อมทำสถิติยิงประตูแตะสองหลัก 10 ฤดูกาลติดต่อกัน (รวมผลงานช่วง 3 ซีซั่นหลังกับ ดอร์ทมุนด์) และเป็นคนแรกของลีกเมืองเบียร์ที่สำเร็จ

เขายิงแตะสองหลักตั้งแต่การลงเล่นเกมที่ 5 ของซีซั่นจากการทำแฮตทริคในเกมขย่ม แฟร้งค์เฟิร์ต 5-0 'โรเบิร์ต ทำแฮตทริคและมีการระบุแล้วว่าเขาต้องถูกเปลี่ยนตัวออกบางช่วง' ฮันซี่ ฟลิค กล่าวถึงการถอด เลวานดอฟสกี้ ออกจากสนามช่วงนาที 68 'ถึงมันจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่ผมพร้อมสำหรับมัน' 

เลวานดอฟสกี้ ยิงอย่างน้อย 30 ประตูถึง 3 ครั้งจาก 6 ซีซั่นกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่เป้าหมายของหัวหอกโปลคือการทลายกำแพง 40 ประตูของ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานกองหน้าของทัพเสือใต้ที่ทำไว้ในซีซั่น 1971-1972 ซึ่งเป็นสถิติที่อยู่คงกระพันมาจนถึงปัจจุบัน 

อย่างไรก็ตามสถิติดังกล่าวอยู่ใกล้แค่เอื้อม หลัง เลวานดอฟสกี้ ทำไปแล้ว 28 ประตูและยังเหลือโปรแกรมลงเตะอีกถึง 11 เกม จึงมีโอกาสที่ดาวยิงชาวโปลจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของลีกเมืองเบียร์ได้ไม่ยาก


ส่วน ฮาแลนด์ ยิง 16 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 18 เกมในฤดูกาลที่แล้วหลังย้ายมาจาก ซัลซ์บวร์ก ในช่วงเดือนมกราคม 2020 หัวหอกนอร์วีเจี้ยนยิง 27 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 27 เกมในซีซั่นนี้ ซึ่งเป็นการซัด 17 ประตูจากการลงเล่น 18 เกมจากการลงเล่นเต็มฤดูกาลปีแรกของกองหน้าวัย 20 ปี

เขาทำแฮตทริคตั้งแต่การลงเล่นเกมแรกกับ ดอร์ทมุนด์ ฐานะสำรอง, ทำ 5 ประตูจากการลงเล่น 2 นัดแรก, 7 ประตูจาก 3 เกมและกดรวมกัน 9 ประตูหลังผ่านไป 5 นัด 

เลวานดอฟสกี้ มีอายุมากกว่า ฮาแลนด์ 3 ปีตอนที่หัวหอกชาวโปลยิงประตูบนเวทีบุนเดสลีกาแตะสองหลักครั้งแรกในซีซั่น 2011-2012 (ทำ 22 ประตู) ก่อนทำสถิติลากยาวถึง 10 ฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนจะทำลายสถิติแข้งต่างชาติที่ยิงในซีซั่นเดียวมากสุดของ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง หลังซัด 34 ประตูในซีซั่นที่่ผ่านมาตอนอายุ 31 ปี 

ตลอด 12 ปีที่ค้าแข้งในลีกเมืองเบียร์ของ เลวานดอฟสกี้ กลายเป็นบรรทัดฐานที่ ฮาแลนด์ ต้องการเจริญรอยตามเว้นเสียแต่ว่ากองหน้าชาวนอร์วีเจี้ยนจะย้ายไปค้าแข้งในลีกอื่นก่อนเท่านั้น 


ฮาแลนด์ กระทุ้ง 30 ประตูจากการลงเล่น 33 เกม นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพเสือเหลือง ขณะที่ เลวานดอฟสกี้ ยิงเพียง 5 ประตูจากการลงเล่น 20 เกมแรกหลังย้ายมาจาก เลช พอซนัน และต้องลงเล่นถึง 47 เกมกว่าจะยิงแตะหลัก 30 ประตู ก่อนจะซัดรวมกัน 264 ประตูจนถึงปัจจุบันและกลายเป็นผู้เล่นต่างชาติที่ยิงมากสุดของลีกเมืองเบียร์จากความพยายามทั้งหมด 1,321 ครั้ง

ทว่าช่วงเริ่มต้นการค้าแข้งในลีกเมืองเบียร์ของ ฮาแลนด์ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่า เลวานดอฟสกี้ หลังใช้ความพยายามเพียง 90 ครั้งในการผลิต 30 ประตู 

แต่ 'เลวี่' ยกระดับประสิทธิภาพความเฉียบคมมากขึ้นตลอดช่วงครึ่งแรกของซีซั่นนี้ เขายิงหนึ่งประตูทุกการสับไก 3.25 ครั้ง หรือคิดเป็น 73.7 เปอร์เซ็นต์จากโอกาสทำประตู ขณะที่ ฮาแลนด์ ต้องใช้ความพยายาม 3.52 ครั้งต่อการทำหนึ่งประตูและคิดเป็น 57.9 เปอร์เซ็นต์จากโอกาสทำประตูของเขา 


สำหรับช่วงเริ่มต้น เลวานดอฟสกี้ เล่นด้วยเท้าขวาโดยธรรมชาติ ขณะที่ ฮาแลนด์ มีเท้าซ้ายที่ทรงพลัง ฝ่ายแรกทำ 15 ประตูจากเท้าข้างถนัด ส่วนฝ่ายหลังใช้เท้าถนัดทำ 13 ประตู 

เลวานดอฟสกี้ ยังทำประตูจากการโหม่ง 4 ครั้ง ขณะที่ ฮาแลนด์ ทำประตูจากการโขกเพียงครั้งเดียว แม้ว่ากองหน้านอร์วีเจี้ยนจะรูปร่างสูงกว่า 1.94 เมตรต่อ 1.85 เมตรก็ตาม แต่ 'เลวี่' ฉลาดในการวางตัวเองในตำแหน่งที่เหมาะสมซึ่งช่วยให้เขาทำ 20 ประตูในจังหวะโอเพ่นเพลย์ในซีซั่นนี้โดยเฉพาะในกรอบ 18 หลาจนคู่ต่อสู้ให้คำจำกัดความว่า 'จิ้งจอกในกรอบโทษ' ส่วน ฮาแลนด์ เปรียบเสมือน 'กระทิงเปลี่ยว' มากกว่า


การใช้สปีดทะลุขึ้นมาจากข้างหลังด้วยความเร็ว 21.87 ไมล์ต่อชั่วโมงเป็นจุดแข็งของ ฮาแลนด์ ในการเผชิญหน้ากับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เกมแรกของซีซั่น กองหน้าชาวนอร์วีเจี้ยนสปริ้นท์ระยะ 86 เมตรเพื่อจบสกอร์จากการเปิดเผยของ เจดอน ซานโช่ ในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ทำการของ ฮาแลนด์ โดยทำได้ถึง 5 ประตูและ 3 ประตูมาจากจังหวะโต้กลับ

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการทำประตูมากขึ้น เลวานดอฟสกี้ ยังมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นด้วยกับความพยายามในการจ่ายบอลมากขึ้น สัมผัสบอลเฉลี่ยมากขึ้น ชนะในการดวลลูกกลางอากาศและทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมมากกว่าตอนที่ค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ส่วน ฮาแลนด์ จดจ่อกับการทำประตูมากกว่าไม่ว่าจะเป็นการรอแอสซิสต์หรือสร้างสรรค์โอกาสด้วยตัวเอง

แน่นอนว่า ณ ชั่วโมงนี้ เลวานดอฟสกี้ เหนือกว่า ฮาแลนด์ ชัดเจน แต่คลื่นลูกใหม่จะเข้ามาทดแทนคลื่นลูกเก่าเสมอ จากฟอร์มการเล่นกับทีมเสือเหลืองช่วงที่ผ่านมาทำให้ คริสเตียน วิเอรี่ อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลียกย่องหัวหอกชาวนอร์วีเจี้ยนว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าดีที่สุดในโลกอนาคต เพียงแต่ตอนนี้เขายังต้องวิ่งตามเงาของ 'เลวี่' ก่อนเท่านั้น 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด