'แดร์ คลาสซิเกอร์' เกมดวลคม'เลวานดอฟสกี้-ฮาแลนด์'
'แดร์ คลาสซิเกอร์' ของลีกเมืองเบียร์ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะลงเผชิญหน้ากันบนสังเวียน 'อัลลีอันซ์ อารีน่า' วันเสาร์นี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจและหนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือการดวลความคมกันระหว่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
เลวานดอฟสกี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นสุดยอดกองหน้าที่ได้รับการยกย่องให้เป็นดาวซัลโวเบอร์หนึ่งของโลกลูกหนังปัจจุบัน ขณะที่ ฮาแลนด์ เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดดาวยิงในอนาคต
'เลวี่' ทำสถิติกระทุ้งรวมกัน 55 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 47 เกมในซีซั่นที่ผ่านมา ยิง 34 ประตูจากการลงเล่น 31 เกมบนเวทีบุนเดสลีกา เขายังสานต่อความร้อนแรงจนถึงฤดูกาลนี้ด้วยการซัด 34 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 32 นัดและกดไปแล้ว 28 ประตูจากการลงเล่น 22 เกมในลีกเมืองเบียร์ หลัง ฮันซี่ ฟลิค พักใช้งานกองหน้าทีมชาติโปแลนด์ในแมตช์เดย์ที่ 6
เลวานดอฟสกี้ ทำ 16 ประตูจาก 13 เกมหลังสุด เขายิงมากกว่าหนึ่งประตูในเกมเดียว 7 ครั้งและทำประตูไม่ได้เพียง 4 เกม มีค่าเฉลี่ยยิงประตูในลีกทุกๆ 67 นาที อัตราการยิง 1.35 ประตูต่อเกม พร้อมทำสถิติยิงประตูแตะสองหลัก 10 ฤดูกาลติดต่อกัน (รวมผลงานช่วง 3 ซีซั่นหลังกับ ดอร์ทมุนด์) และเป็นคนแรกของลีกเมืองเบียร์ที่สำเร็จ
เขายิงแตะสองหลักตั้งแต่การลงเล่นเกมที่ 5 ของซีซั่นจากการทำแฮตทริคในเกมขย่ม แฟร้งค์เฟิร์ต 5-0 'โรเบิร์ต ทำแฮตทริคและมีการระบุแล้วว่าเขาต้องถูกเปลี่ยนตัวออกบางช่วง' ฮันซี่ ฟลิค กล่าวถึงการถอด เลวานดอฟสกี้ ออกจากสนามช่วงนาที 68 'ถึงมันจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่ผมพร้อมสำหรับมัน'
เลวานดอฟสกี้ ยิงอย่างน้อย 30 ประตูถึง 3 ครั้งจาก 6 ซีซั่นกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่เป้าหมายของหัวหอกโปลคือการทลายกำแพง 40 ประตูของ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานกองหน้าของทัพเสือใต้ที่ทำไว้ในซีซั่น 1971-1972 ซึ่งเป็นสถิติที่อยู่คงกระพันมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามสถิติดังกล่าวอยู่ใกล้แค่เอื้อม หลัง เลวานดอฟสกี้ ทำไปแล้ว 28 ประตูและยังเหลือโปรแกรมลงเตะอีกถึง 11 เกม จึงมีโอกาสที่ดาวยิงชาวโปลจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของลีกเมืองเบียร์ได้ไม่ยาก
ส่วน ฮาแลนด์ ยิง 16 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 18 เกมในฤดูกาลที่แล้วหลังย้ายมาจาก ซัลซ์บวร์ก ในช่วงเดือนมกราคม 2020 หัวหอกนอร์วีเจี้ยนยิง 27 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 27 เกมในซีซั่นนี้ ซึ่งเป็นการซัด 17 ประตูจากการลงเล่น 18 เกมจากการลงเล่นเต็มฤดูกาลปีแรกของกองหน้าวัย 20 ปี
เขาทำแฮตทริคตั้งแต่การลงเล่นเกมแรกกับ ดอร์ทมุนด์ ฐานะสำรอง, ทำ 5 ประตูจากการลงเล่น 2 นัดแรก, 7 ประตูจาก 3 เกมและกดรวมกัน 9 ประตูหลังผ่านไป 5 นัด
เลวานดอฟสกี้ มีอายุมากกว่า ฮาแลนด์ 3 ปีตอนที่หัวหอกชาวโปลยิงประตูบนเวทีบุนเดสลีกาแตะสองหลักครั้งแรกในซีซั่น 2011-2012 (ทำ 22 ประตู) ก่อนทำสถิติลากยาวถึง 10 ฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนจะทำลายสถิติแข้งต่างชาติที่ยิงในซีซั่นเดียวมากสุดของ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง หลังซัด 34 ประตูในซีซั่นที่่ผ่านมาตอนอายุ 31 ปี
ตลอด 12 ปีที่ค้าแข้งในลีกเมืองเบียร์ของ เลวานดอฟสกี้ กลายเป็นบรรทัดฐานที่ ฮาแลนด์ ต้องการเจริญรอยตามเว้นเสียแต่ว่ากองหน้าชาวนอร์วีเจี้ยนจะย้ายไปค้าแข้งในลีกอื่นก่อนเท่านั้น
ฮาแลนด์ กระทุ้ง 30 ประตูจากการลงเล่น 33 เกม นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพเสือเหลือง ขณะที่ เลวานดอฟสกี้ ยิงเพียง 5 ประตูจากการลงเล่น 20 เกมแรกหลังย้ายมาจาก เลช พอซนัน และต้องลงเล่นถึง 47 เกมกว่าจะยิงแตะหลัก 30 ประตู ก่อนจะซัดรวมกัน 264 ประตูจนถึงปัจจุบันและกลายเป็นผู้เล่นต่างชาติที่ยิงมากสุดของลีกเมืองเบียร์จากความพยายามทั้งหมด 1,321 ครั้ง
ทว่าช่วงเริ่มต้นการค้าแข้งในลีกเมืองเบียร์ของ ฮาแลนด์ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่า เลวานดอฟสกี้ หลังใช้ความพยายามเพียง 90 ครั้งในการผลิต 30 ประตู
แต่ 'เลวี่' ยกระดับประสิทธิภาพความเฉียบคมมากขึ้นตลอดช่วงครึ่งแรกของซีซั่นนี้ เขายิงหนึ่งประตูทุกการสับไก 3.25 ครั้ง หรือคิดเป็น 73.7 เปอร์เซ็นต์จากโอกาสทำประตู ขณะที่ ฮาแลนด์ ต้องใช้ความพยายาม 3.52 ครั้งต่อการทำหนึ่งประตูและคิดเป็น 57.9 เปอร์เซ็นต์จากโอกาสทำประตูของเขา
สำหรับช่วงเริ่มต้น เลวานดอฟสกี้ เล่นด้วยเท้าขวาโดยธรรมชาติ ขณะที่ ฮาแลนด์ มีเท้าซ้ายที่ทรงพลัง ฝ่ายแรกทำ 15 ประตูจากเท้าข้างถนัด ส่วนฝ่ายหลังใช้เท้าถนัดทำ 13 ประตู
เลวานดอฟสกี้ ยังทำประตูจากการโหม่ง 4 ครั้ง ขณะที่ ฮาแลนด์ ทำประตูจากการโขกเพียงครั้งเดียว แม้ว่ากองหน้านอร์วีเจี้ยนจะรูปร่างสูงกว่า 1.94 เมตรต่อ 1.85 เมตรก็ตาม แต่ 'เลวี่' ฉลาดในการวางตัวเองในตำแหน่งที่เหมาะสมซึ่งช่วยให้เขาทำ 20 ประตูในจังหวะโอเพ่นเพลย์ในซีซั่นนี้โดยเฉพาะในกรอบ 18 หลาจนคู่ต่อสู้ให้คำจำกัดความว่า 'จิ้งจอกในกรอบโทษ' ส่วน ฮาแลนด์ เปรียบเสมือน 'กระทิงเปลี่ยว' มากกว่า
การใช้สปีดทะลุขึ้นมาจากข้างหลังด้วยความเร็ว 21.87 ไมล์ต่อชั่วโมงเป็นจุดแข็งของ ฮาแลนด์ ในการเผชิญหน้ากับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เกมแรกของซีซั่น กองหน้าชาวนอร์วีเจี้ยนสปริ้นท์ระยะ 86 เมตรเพื่อจบสกอร์จากการเปิดเผยของ เจดอน ซานโช่ ในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ทำการของ ฮาแลนด์ โดยทำได้ถึง 5 ประตูและ 3 ประตูมาจากจังหวะโต้กลับ
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการทำประตูมากขึ้น เลวานดอฟสกี้ ยังมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นด้วยกับความพยายามในการจ่ายบอลมากขึ้น สัมผัสบอลเฉลี่ยมากขึ้น ชนะในการดวลลูกกลางอากาศและทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมมากกว่าตอนที่ค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ส่วน ฮาแลนด์ จดจ่อกับการทำประตูมากกว่าไม่ว่าจะเป็นการรอแอสซิสต์หรือสร้างสรรค์โอกาสด้วยตัวเอง
แน่นอนว่า ณ ชั่วโมงนี้ เลวานดอฟสกี้ เหนือกว่า ฮาแลนด์ ชัดเจน แต่คลื่นลูกใหม่จะเข้ามาทดแทนคลื่นลูกเก่าเสมอ จากฟอร์มการเล่นกับทีมเสือเหลืองช่วงที่ผ่านมาทำให้ คริสเตียน วิเอรี่ อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลียกย่องหัวหอกชาวนอร์วีเจี้ยนว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าดีที่สุดในโลกอนาคต เพียงแต่ตอนนี้เขายังต้องวิ่งตามเงาของ 'เลวี่' ก่อนเท่านั้น