อีกสองคนคือ บรูโน่ แฟร์นันเดส มิดฟิลด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เจมส์ แมดดิสัน จอมทัพของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก

นั่นทำให้ชื่อของ ราฟินญ่า เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และหลายคนก็อยากรู้จักอย่างลึกซึ้งว่านักเตะคนนี้ เป็นใคร มาจากไหน และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปได้ตัวมาอย่างไร?

ราฟินญ่า เริ่มต้นในฐานะนักเตะเยาวชนจากสโมสร อาไว ที่ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ในลีกบราซิลบ้านเกิด แต่แมวมองของสโมสร วิตอเรีย กีมาไรส์ ในโปรตุเกส เห็นแววโดดเด่น จึงดึงมาร่วมทีมในปี 2016 ตอนนั้นนักเตะอายุ 20 ปี

ซีซั่นแรกเป็นช่วงเวลาของการปรับตัวสู่ลีกยุโรป และเมื่อเข้าสู่ปีที่สอง ราฟินญ่า จัดไป 18 ประตูจาก 43 เกม ไม่รวมแอสซิสต์อีกเพียบ จนถูกยักษ์ใหญ่ของลีก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ดึงตัวไปร่วมทัพ โดยเซ็นสัญญาระยเวลา 4 ปี หรือจนถึงปี 2022

ฤดูกาล 2018-19 คือฤดูกาลที่ดีของ ราฟินญ่า กับ สปอร์ติ้ง ที่ครองแชมป์บอลถ้วยในประเทศทั้งสองรายการ ภายใต้การนำทัพของมิดฟิลด์กัปตันทีม บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่ยิงไปทั้งสิ้น 31 ประตูจาก 51 เกมรวมทุกรายการ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมในช่วงเวลานั้น

หลังจากปีเดียวกับ สปอร์ติ้ง ราฟินญ่า ก็ย้ายมาอยู่กับ แรนส์ ด้วยค่าตัว 21 ล้านยูโรเป็นสถิติสโมสร จัดไป 8 ประตูกับ 7 แอสซิสต์ในช่วงเวลาฤดูกาลเศษๆ เพราะถูก ลีดส์ ยูไนเต็ด ซื้อมาร่วมทัพ ค่าตัวไม่มีการเปิดเผย แต่คาดว่าใกล้เคียงกับตอนที่ แรนส์ ซื้อมา

การย้ายมาสู่พรีเมียร์ลีก แม้จะสร้างความตื่นเต้นให้ ราฟินญ่า อยู่ไม่น้อย แต่เจ้าตัวก็อดสงสัยไม่ได้ และมีน้อยใจอยู่นิดๆ กับการถูกปล่อยตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ

"ผมประหลาดใจนิดหน่อย พวกเขาเคยบอกผมว่าไม่ต้องการขายผมในราคาที่ต่ำกว่า 60 ล้านยูโร แต่พวกเขาก็ตอบรับข้อเสนอ (จาก ลีดส์) โดยไม่บอกกล่าวผมเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีคุณค่า" ราฟินญ่า ตัดพ้อนิดหน่อยตอนอำลา ลีกเอิง มาเล่นในพรีเมียร์ลีก เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2020

แน่นอนว่าการที่นักเตะจากอเมริกาใต้จะย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกมักไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนเคยเอาชื่อมาทิ้ง เพราะปรับตัวไม่ได้ทั้งเรื่องเกมฟุตบอล สภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ และภาษา

แต่ไม่ใช่สำหรับ ราฟินญ่า

"ทันทีที่เขามาถึงที่นี่ ผมเห็นเขาในสนามซ้อม บางครั้งคุณรู้ได้ทันทีเลยว่านักเตะคนนั้นๆ คือนักเตะชั้นยอดหรือไม่ และเขาก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาแสดงความโดดเด่นออกมาให้เห็นทันทีทันใด" แพทริค แบมฟอร์ด กองหน้าตัวเป้า ความหวังสูงสุดในการทำประตูของ ลีดส์ เล่าถึงตอนซ้อมครั้งแรกร่วมกับ ราฟินญ่า

ลุค เอย์ลิง แบ็กขวาที่ต้องประสานงานกับ ราฟินญ่า ที่เล่นตำแหน่งหลักปีกขวา ก็เอ่ยปากชื่นชมตัวรุกชาวบราซิลเรื่องการปรับตัวด้วยเช่นกัน

"เขาทำได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยตอนย้ายเข้ามา และเริ่มต้นการทำงานกับเจ้านาย (มาร์เซโล่ บิเอลซ่า) เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ปกติแล้วนักเตะน่าจะต้องใช้เวลาสองสามเดือนกว่าจะเข้ามาอยู่ในทีมได้"

"ความขยันเวลาไม่มีบอล (เล่นเกมรับ) ก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ถ้าเขาทำเสียบอลแล้วคุณจะเห็นได้เลยว่าเขาจะวิ่งกลับลงมาช่วยเกมรับทันที ผมโชคดีที่ผมได้เล่นอยู่ข้างหลังเขา" เอย์ลิง กล่าว

อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่สุดที่จะเค้นศักยภาพของตัวรุกบราซิล ที่มักขึ้นชื่อเรื่องการเล่นฉายเดี่ยวและควบคุมให้อยู่ในกรอบยาก ก็เป็นเรื่องที่โค้ชจะต้องจัดการให้ได้

"จริงๆ แล้ว ผมคิดว่าผมเพิ่มอะไรเข้าไปในเกมของเขาได้น้อยมาก สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำกับนักเตะสไตล์นี้ก็คือ ปล่อยให้พวกเขาเล่นเป็นตัวของตัวเอง" มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เฮดโค้ชมากประสบการณ์ชาวอาร์เจนไตน์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องระเบียบวินัยในการเล่น พูดถึง ราฟินญ่า หลังจบเกมชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 โดยปีกบราซิลสังหารฟรีคิกเป็นประตูปิดท้าย

ถึงตอนนี้ ราฟินญ่า ยกระดับตัวเองไม่เพียงแค่การเป็นตัวหลักในแนวรุกของ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวปั้นเกมรุกที่โดดเด่นที่สุดในพรีเมียร์ลีก อยู่ในระดับเดียวกับ บรูโน่ แฟร์นันเดส, เควิน เดอ บรอยน์, แจ๊ค กรีลิช, ริยาด มาห์เรซ, ฮาเมส โรดรีเกซ เป็นที่เรียบร้อย

ถือเป็นโชคดีของ บิเอลซ่า และ ลีดส์ ที่การเซ็นสัญญากับ มิชาเอล คุยซอนซ์ จาก บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงต้นเดือนตุลาคม ไม่เกิดขึ้นเพราะการตรวจร่างกายไม่ผ่าน มิเช่นนั้น ก็คงไม่ได้เห็น ราฟินญ่า แจ้งเกิดและสร้างชื่อในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด และพรีเมียร์ลีก