:::     :::

3 ตำนานที่สิ้นสุดการรอคอย

วันจันทร์ที่ 08 มีนาคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
909
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในที่สุด บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็สามารถคว้าแชมป์ไทยลีกที่รอคอยมา 12 ปีเต็มๆได้แล้ว หลังจากกด สุโขทัย เอฟซี 2-0 ในบ้านของตัวเอง เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา

ทำให้พวกเขามี 66 คะแนน ห่างจากอันดับ 2 อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง 19 แต้ม และเหลือการฟาดแข้งอีก 6 เกม นั่นทำให้ "เดอะ แรบบิท" เข้าป้ายเส้นชัยที่ถวิลหาในที่สุด

อย่างไรก็ตามถ้าเรามองจากชุดนี้ ต้องยอมรับว่าการลงทุนของพวกเขามหาศาลจริงๆ โดยเฉพาะตัวหลักๆที่เงินเดือนทะลุล้านบาท ทั้ง ดิโอโก หลุยซ์ ซานโต หรือ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ 


ขณะเดียวกันก็กล้าทุ่มเงินซื้อตัว 2 ผู้เล่นไทย ถึง 8 หลัก ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น 30 ล้านบาท จาก เอสซีจี เมืองทองฯ และ ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกที่มาจาก ชิมิสึ เอส พัลส์ มูลค่า 27 ล้านบาท

แต่ถ้ามองไปกลุ่มผู้เล่นและทีมงานแล้ว มี 3 คน นอกจากผู้บริหารอย่าง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร, ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสร, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผู้จัดการทีม ที่ถือว่าอยู่กับทีมมาตั้งแต่เป็น บางกอกกล๊าส เอฟซี เมื่อปี 2009 ก่อนจะมาเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และคว้าแชมป์มาได้ 


ประกอบด้วย ศุภชัย คมศิลป์, ชาตรี ฉิมทะเล และ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ซึ่งทั้งหมดมีส่วนแชมป์กับบีจี ได้ถ้วยเอฟเอ คัพ ปี 2014 และ สิงคโปร์ คัพ ปี 2010

เริ่มจากตำนานแบ๊คซ้ายหมายเลข 17 รับใช้ทีมมากว่า 184 นัด ยิงได้ 8 ประตู หนึ่งในนั้นคือประตูประเดิมสนามหญ้าเทียม ในเกมไทยลีก 2010 นัดเปิดบ้าน ชนะ อินทรีเพื่อนตำรวจ 1-0 เมื่อปี 2553 ซึ่งทั้งชีวิตกับ บีจี เขาไม่เคยได้แชมป์ไทยลีกที่นี่ แต่สามารถคว้าได้กับ ธ.กรุงไทย 2 สมัยในฤดูกาล 2545-46 และ 2546-47


ซีซั่น 2017 หลังพาทีมบุกไปแพ้ เอสซีจี เมืองทองฯ 0-2 เขาได้ประกาศแขวนสตั๊ดทันที ก่อนมาเป็นผู้ช่วยโค้ชในเวลาต่อมา จวบจนวันนี้ก็ 4 ปีเต็มๆ 

ไม่เพียงเท่านั้นเขาเองก็ยังเป็นมือขวาที่รู้ใจ "โค้ชโอ่ง"ดุสิต เฉลิมแสน ตั้งแต่ช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 และได้แชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทย ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีโอกาสแบบนี้ หลังจากที่ประกาศแขวนสตั๊ด

ด้าน "เดอะหนุ่ม" ถือว่าเป็นคนที่ประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด เพราะเข้ามาเป็นพนักงานที่ บางกอกกล๊าส ก่อนที่บริษัทจะส่งทีมฟุตบอลโรงงานแก้ว บางกอกกล๊าส ส่งแข่งตั้งแต่ถ้วย ง.ไต่เต้าถึงถ้วย ค โดยมีชาตรีเล่นอยู่ด้วยในวัย 22 ปี จนปี 2009 บางกอกกล๊าสได้สิทธิ์จากธ.กรุงไทย


ชาตรี ฉิมทะเล พลิกชีวิตจากนักเตะโนเนมก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ของบางกอกกล๊าสด้วยสไตล์บู๊สู้ไม่ถอย จนมีโอกาสก้าวมาติดทีมชาติไทยในยุคปลายของ ไบรอัน ร็อบสัน และยุคของ วินเฟรด เชฟเฟอร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของชีวิตนักเตะภูธรอย่างหัวหอกรายนี้ที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ในเกมที่ออกไปชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี เจ้าตัวยังทำสถิติพัง 100 ประตูให้กับทีม หลังจากที่รอมานานหลายเดือน เรียกได้ว่าเป็นแข้งประวัติศาสตร์คนแรกของสโมสรที่ทำได้เสียด้วย


ส่วนผู้เล่นที่ถูกยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ "เดอะ แรบบิท" หลังค้าแข้งในถิ่น ลีโอ สเตเดี้ยม ร่วม 10 ปี ตั้งแต่ยังใช้ชื่อสโมสร ธ.กรุงไทย ก่อนถูกปล่อยให้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ยืมตัวในฤดูกาล 2014 แล้วย้ายกลับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ในเลกสองของฤดูกาลเดียวกัน จนพาทีมเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ในซีซั่นดังกล่าว

ทว่าจากการตกชั้นของทีม ประกอบกับ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ หมดสัญญากับทีมพอดี ทำให้เขาได้รับสัญญา 1 ปีในการกลับไปลุยที่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อีกครั้งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว


ที่นั่นเองทำให้เขากลายเป็นพี่ใหญ่ของทีม แต่เขาใช้ประสบการณ์กับความเป็นพี่ชายที่แสนดี หล่อเลี้ยงน้องที่กำลังเติบโตให้กล้าแกร่ง จนสามารถคว้าแชมป์ไทยลีก สมัยแรก ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้พลพรรค "กว่างโซ้ง" กลายเป็นอีก 1 ทีมที่คว้าถ้วยทุกใบในเมืองไทยไปครอง

และในปี 2020 คุณปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ประกาศอย่างชัดเจนว่า ต้องการดึงขุนพลคู่ใจรายนี้กลับมาประจัญบานให้กับทีม เพราะในแง่ที่เขาเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ และเป็นไอดอลของเหล่าสาวกทีม รวมไปถึงนักเตะหลายๆคนอีกด้วย


ความโดดเด่นของ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ อีก 1 อย่างที่ทำให้เขากลายเป็น "ตราสโมสร" ก็คือ ความเฟรนด์ลี่ที่มีให้กับแฟนบอล ทุกๆครั้งที่จบเกมเขาจะเป็นหนึ่งในแข้งที่กองเชียร์ขอถ่ายรูปเยอะที่อีกคนหนึ่ง และเขาก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ชักภาพเป็นที่ระลึกกับทุกๆคน

จริงอยู่ที่กองกลางของ "เดอะบลู แมชชีน" แน่นเปรี๊ยะ จนยากที่เขาจะลงสนามต่อเนื่อง แต่เขานี่แหละที่บรรดา ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สารัช อยู่เย็น และ สุมัญญา ปุริสาย ให้ความเคารพอย่างมาก 


การคว้าแชมป์ในคราวนี้ นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของทั้ง 3 คน ที่ถือว่าอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน หรือนับตั้งแต่ตั้งไข่ในชื่อ บางกอกกล๊าส เอฟซี มาเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

มั่นใจว่าแฟนบอลหลายคนจะบันทึกชื่อ ศุภชัย คมศิลป์, ชาตรี ฉิมทะเล, พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ในพงศาวดารของสโมสร แบบไร้ข้อสงสัย

สุดท้ายนี้คงต้องกล่าวคำว่า... ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด