:::     :::

ของดีเดือนมกรา(1)

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
4,713
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวก็จะรูดม่านขึ้น โดยมี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยืนเคาะประตูรอเป็นคนแรก

ดูเหมือนตลาดรอบนี้จะมาพร้อมความหนาวจริงๆ เพราะเพียงแค่รายแรกก็ล่อเข้าไป 75 ล้านปอนด์แล้ว แต่ก็อย่างที่ผู้จัดการทีมทุกคนต่างทราบดี และเคยพูดกันบ่อยๆ ว่าการเสริมทัพเดือนมกราคมไม่เคยง่าย

วันที่ 31 มกราคม เมื่อ 7 ปีก่อน ลิเวอร์พูล เคยเจอความยุ่งเหยิงในเดือนมกรามหาวิปโยค กับการย้ายทีมสลับขั้วระดับตำนาน เฟร์นานโด ตอร์เรส ไป เชลซี 50 ล้านปอนด์ และซื้อ แอนดี้ แคร์โรลล์ มาจาก นิวคาสเซิ่ล 35 ล้านปอนด์ เพราะบทสรุปคืออนาคตดับวูบลงทั้งคู่
แต่ก็ใช่ว่าการย้ายทีมในเดือนแรกของปีจะผิดหวังมากกว่าสมหวัง เพราะในวันเดียวกันนั้น หงส์แดง ก็ได้เพชรเม็ดงามอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัวถูกแสนถูกเพียง 22.7 ล้านปอนด์
และนี่คือหนึ่งในตัวอย่างการเสริมทัพในช่วงวินเทอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก 
หลุยส์ ซัวเรซ (อาแจ็กซ์ ไป ลิเวอร์พูล ปี 2011)
จ่อหั่ว ซัวเรซ เอาไว้ ก็พูดถึงศูนย์หน้าอุรุกวัยเป็นคนแรกซะเลย เท้าความกลับไปตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น ต้องยกความดีความชอบให้กับ โกรนิงเก้น (ทีมเดียวกับ ฟาน ไดค์) ที่มีแมวมองตามเหยี่ยวฉุดเด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่มีฟันเป็นอาวุธมาจาก นาซิอองนาล ทีมในบ้านเกิด
จากนั้นก็เป็นไปตามสเต๊ป ปลาใหญ่กินปลาเล็ก อาแจ็กซ์ ดูด ซัวเรซ ในปีต่อมาทันที เข้าสโลแกน ใช้ได้เลย ไม่ต้องลอง เพราะหัวหอกอุรุกวัย มุดๆ ไถๆ เข้าไปกระซวก 111 ประตูจาก 159 นัด ในช่วงเวลา 3 ปีครึ่ง
ก่อนจะก้าวเข้ามาในถิ่น แอนฟิลด์ 22 ล้านปอนด์เศษๆ และเกือบเป็นตำนานที่นี่ จากความสำเร็จส่วนตัวมากมาย อาทิ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก, ของพีเอฟเอ, ของเอฟดับเบิลยูเอ, รองเท้าทองคำยุโรป, รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก เป็นต้น ก่อนปิดฉากการรับใช้ หงส์แดง 3 ปีครึ่ง ที่ 82 ประตู จาก 133 นัด
เนมานย่า มาติช (เบนฟิก้า ไป เชลซี ปี 2014)
กองกลางเซอร์เบีย เป็นหนึ่งในตัวอย่างของนักเตะที่เกือบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกับ เชลซี แล้ว (เหมือนกับ เควิน เดอ บรอยน์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเมลู ลูกากู) แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ไหวตัวทัน รีบใช้ออปชั่นดึงตัวกลับมาจาก เบนฟิก้า ในอีก 3 ปีต่อมา
เชลซี เป็นคนค้นพบกองกลางตัวรับกระดูกเหล็กมาจาก โคซิเช่ ทีมสโลวาเกีย และเจียดเงิน 1.5 ล้านปอนด์ ดึงตัวมาเมื่อปี 2009 แต่ก็ต้องเข้าแถวรอโอกาสในทีมชุดใหญ่เหมือนกับอีกหลายๆ คน จนสุดท้าย มาติช ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการซื้อ ดาวิด ลุยซ์ มาจาก เบนฟิก้า 21 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อกันว่าค่าตัวของมิดฟิลด์เท้าซ้ายที่ปล่อยไปตอนนั้นอยู่ที่ 5 ล้านปอนด์
และสุดท้าย มูรินโญ่ เป็นคนดึง มาติช กลับมาในเดือนมกราคม ปี 2014 ด้วยค่าตัว 21 ล้านปอนด์ เรียกได้ว่าเข้าเนื้อเต็มๆ แต่ก็กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มแสนคุ้ม เพราะเป็นตัวหลักแดนกลางที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย (ฤดูกาล 2014-15, 2016-17) แถมยังทำกำไรจากการขายต่อให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกอื้อซ่า
ปาทริซ เอฟร่า (โมนาโก ไป แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2006)
ครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยนิยามเอาไว้ว่า "หนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในยุโรป" สำหรับฟูลแบ็กที่เกิดที่ เซเนกัล และย้ายมา ฝรั่งเศส ตั้งแต่ยังแบะเบาะ
เอฟร่า สร้างชื่อให้โลกประจักษ์ตัวตนร่วมกับ โมนาโก และเป็นหนึ่งในสมาชิกชุดรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนได้รับความสนใจจาก แมนฯ ยูไนเต็ด, ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน สุดท้ายเจ้าตัวเลือกความท้าทายในพรีเมียร์ลีก
ด้วยค่าตัวเพียง 5.5 ล้านปอนด์ แลกมากับแบ็กซ้ายตัวกระเปี๊ยก ทำให้ไม่มีใครคาดหวังมากนัก แต่ เอฟร่า ก็ทำให้ แฟนผี ทึ่ง เป็นตัวหลักคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย บวกกับ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 ตลอดการรับใช้ทีม 379 นัดรวมทุกรายการ
มิเกล อาร์เตต้า (เรอัล โซเซียดาด ไป เอฟเวอร์ตัน (ยืมตัว) ปี 2005)
กองกลางมาดนิ่มนวลเลือดสแปนิช มีดีกรีเป็นเด็กปั้น บาร์เซโลน่า แต่ไม่เคยทะลุขึ้นถึงทีมชุดใหญ่ ถูก เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวมาจาก เรอัล โซเซียดาด เพราะประทับใจฝีเท้า ที่ก่อนหน้านั้นเคยมาฝากเอาไว้กับ เรนเจอร์ส
แม้ยืมตัวแค่ครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2004-05 แต่ผลงานน่าพอใจ จึงลงทุนซื้อขาดมาร่วมถิ่น กูดิสัน พาร์ค และกลายเป็นตัวหลักที่นี่มาตลอด 6 ปีครึ่ง ฝากผลงานไปทั้งหมด 209 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 34 ประตู และที่แจ่มแจ๋วกว่าคือแอสซิสต์ไปถึง 35 ประตูด้วยกัน
บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (โลโคโมทีฟ มอสโก ไป เชลซี ปี 2008)
อีกหนึ่งกองหลังสายพันธ์แกร่ง ที่แมวมอง เชลซี ไปขุดพบในลีกรัสเซีย ก่อนเจียดเงิน เสี่ยหมี จิ๊บๆ 9 ล้านปอนด์ ดึงตัวมาจาก โลโคโมทีฟ มอสโก ก่อนเข้ามาเป็นตัวหลักของทีมกับบทบาทแบ็กขวามากกว่าเซนเตอร์ฮาล์ฟ
อิวาโนวิช ย้ายเข้ามาในเดือนมกราคม ปี 2008 และกลายเป็นกองหลังขาประจำที่มีส่วนสำคัญกับแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีกคัพ กับ ยูโรปา ลีก อย่างละสมัย และที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย
เบ็ดเสร็จแล้ว กองหลังเซอร์เบีย รับใช้ สิงโตน้ำเงิน ไปทั้งสิ้น 377 นัด รวมทุกรายการ และยิงได้ 34 ประตู

***โปรดติดตามตอนต่อไป*

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด