กระนั้น หากเอ่ยถึงชื่อของ "ริคาร์โด้ กาก้า" นี่ถือเป็นนักฟุตบอลที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน นอกจากบุคลิกภาพที่สง่างาม นี่ถือเป็นนักเตะที่ฝีเท้าโดดเด่น โดยเฉพาะในช่วงที่เขาท็อปฟอร์มสุดขีด
หลายคนถึงกับออกมาเปรียบเปรยให้เห็นภาพว่า นี่คือมนุษย์คนสุดท้ายที่ได้รับรางวัลลูกบอลทองคำอย่าง "บัลลงดอร์" ในช่วงปี 2007 ก่อนเข้าสู่ช่วงยุคของบุคคลเหนือมนุษย์อย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับลิโอเนล เมสซี่
เรื่องราวที่หลายคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว นั่นคือกาก้า เกือบเสียชีวิต และเกือบเป็นอัมพาต จากอุบัติเหตุที่สระว่ายน้ำ ส่งผลให้เขาพบกับปัญหาในส่วนของกระดูกสันหลังพบกับรอยร้าว ตอนที่เขาอายุประมาณ 18 ปี
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน นั่นก็คือ "กาก้า" เกือบไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยซ้ำไป เพราะเขามีปัญหาเรื่องของกระดูก ...... ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำกับเขากัน เพื่อให้แฟนบอลหลายคนหายคิดถึง
ย้อนกลับไปปี 1994 กาก้า ตบเท้าเข้าสู่ระบบเยาวชนของเซา เปาโล สโมสรชื่อดังในบ้านเกิดอย่างประเทศบราซิล ตอนนั้นเขาอายุราว 12 ปี จุดเริ่มต้นเหมือนจะไปได้สวย พรสวรรค์ที่มี ทำให้เขาพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม ทว่าเขาต้องมาเจอกับอุปสรรคสำคัญ
กาก้า ย้อนความทรงจำ สมัยที่เขาก้าวมาเล่นอะคาเดมี่ของ เซา เปาโล เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า เขาต้องโดนปัญหาเรื่องของกระดูกเล่นงาน ทำให้เขาเกือบจบเส้นทางลูกหนัง ทั้งที่มันยังแทบไม่ได้เริ่มต้นเลย โดยกล่าวว่า “ย้อนกลับไปสมัยเด็ก ผมมีปัญหาบางอย่างทางด้านร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนของกระดูก”
ก่อนที่อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิล จะกล่าวเสริมต่อว่า “กระดูกของผมมีปัญหา กล่าวคือ มันเติบโตช้ากว่าคนอื่น 2 ปีด้วยกัน !! หากจะพูดให้เห็นภาพคือ ตอนที่ผมอายุ 12 ปี ร่างกายผมกลับเหมือนกับเด็กอายุ 10 ขวบ แต่ผมก็ได้เรียนรู้ในการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ"
แม้ว่ากาก้า ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการเจริญเติบโตของกระดูก ที่ถือเป็นปัญหาที่สำคัญเหมือนกัน เพราะมันทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และแผนการในระยะยาว ที่แทบจะไม่การันตีความสำเร็จในอนาคตเลย นั่นคือสิ่งที่เขาต้องแบกรับมาตั้งแต่อายุยังน้อย
แม้จะเกิดเรื่องราวเหนือการควบคุมอย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม เซา เปาโล กลับตัดสินใจ และเดิมพันครั้งสำคัญ ด้วยการจ่ายเงินรักษาให้กับกาก้า เพราะพวกเขารู้ดีว่า นี่คือเพชรเม็ดงามที่รอวันฉายแสงในอนาคต ขอเพียงแค่ทุกฝ่ายต้องมานั่งแก้ไขปัญหา และเผชิญหน้ากับอุปสรรคไปพร้อมกัน
กาก้า ไม่เคยลืมบุญคุณของเซา เปาโล ที่ต่อยอดให้เขากลายเป็นยอดนักฟุตบอลระดับโลกในเวลาต่อมา โดยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ย้อนเวลากลับไป ในช่วงปี 1997 เซา เปาโล ตัดสินใจพาผมไปพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อค้นหาทางออก โดยเฉพาะในเรื่องของกระดูกร่วมกัน ทุกฝ่ายต่างร่วมมือกันด้วยความอดทนเป็นอย่างมาก”
“สโมสรกับทีมแพทย์ ทำการจัดโปรแกรมการรักษาอย่างละเอียดยิบ และติดตามผลการเจริญเติบโตของร่างกายทุก 3 เดือน พวกเขาช่วยกันสร้างมวลกล้ามเนื้อของผมขึ้นมา เป็นแบบนั้นทีละเล็กทีละน้อย พร้อมกันนี้ ผมต้องพยายาม และรักษาวินัยในตัวเองอย่างเคร่งครัดด้วย”
การเดิมพันครั้งนั้นของเซา เปาโล ผลิกดอกออกผล เมื่อกาก้า สามารถมีพัฒนาการทางร่างกายที่ดีขึ้น ก่อนจะสามารถก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่เป็นผลสำเร็จ ตามมาด้วยการย้ายไปสร้างความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินยุโรป ด้วยการไปซบตักสโมสรชื่อดัง และสร้างตำนานกับเอซี มิลาน
เรื่องราวความอุทิศตนดังกล่าว รับการยืนยันจากปากของ "คาร์ลินญอส เนเวส" นักกายภาพของเซา เปาโล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วยรักษากาก้า พร้อมกับเห็นพัฒนาการของดาวเตะรายนี้มาโดยตลอดว่า ต้องฝ่าฟัน และเผชิญกับอุปสรรคน้อยใหญ่อะไรมาบ้าง
เนเวส ออกมากล่าวว่า "ส่วนตัวของผมมองว่า การที่กาก้า รอดพ้นจากปัญหาเรื่องการเจริญเติบโต ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญเลย แต่มันมาจากความอดทน และการเสียสละของกาก้า เองด้วย"
พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “กาก้า เป็นคนชอบอ่านหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากเด็กบราซิล ทั่วไป สิ่งเหล่านั้น ทำให้เขามีมุมมองในสนามเหนือกว่าเด็กคนอื่น เขาถือเป็นจริงจัง และอดทนกับทุกสิ่งที่ลงมือทำ"
