:::     :::

ซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่...ใครฟุบบ้าง

วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,808
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แม้จะโดนปัญหาโควิด-19 เล่นงานอย่างหนัก แต่สโมสรในพรีเมียร์ลีกก็ใช้เวลาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาอย่างดุเดือด และนักเตะหลายคนก็มาถึงด้วยความคาดหวังอันแรงกล้า

    เชลซี ทุ่มเงินกว่า 200 ล้านปอนด์ด้วยความตั้งใจให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ส่วน ลิเวอร์พูล ก็จะไปทวงแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกจาก บาเยิร์น ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจียดเงิน 40 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อกองกลางสำรองที่แพงที่สุด

    มีรายงานว่า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค กำลังจะเจรจากับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก่อนจบซีซั่น เพื่อต้องการย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    วันนี้เราจะไปดูเหล่าสตาร์ดังที่ย้ายทีมพร้อมความคาดหวัง แต่จนถึงตอนนี้กลับกลายเป็นได้แค่ความผิดหวังเท่านั้น

ทิโม แวร์เนอร์ (เชลซี)

(จาก ไลป์ซิก - 25 ล้านปอนด์)

    คุณลองมองไปที่การออกสตาร์ทของเขาสิ?

    แวร์เนอร์ ได้เปลี่ยนตัวเองจากหนึ่งในกองหน้าที่แนวรับฝ่ายตรงข้ามขวัญผวามากที่สุดกลายเป็นหัวหอกที่บรรดาแฟนๆ ต้องผวากับหมูหกหน้าประตูเสียเอง

    ไม่มีใครที่ลงเล่นมากกว่าเขาให้ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ดังนั้น แวร์เนอร์ จะอ้างว่าไม่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองในอังกฤษไม่ได้

    จาก 2,763 นาที หัวหอกทีมชาติเยอรมันทำไปได้ 10 ประตู ส่วนในลีกค่าเฉลี่ยของเขาคือ 1 ประตูต่อ 409 นาที

    แถมเมื่อมองให้ลึกลงไปอีก แวร์เนอร์ ยิงในลีกได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นนับต้ังแต่เดือนพฤศจิกายน

    สำหรับ 52 ล้านปอนด์ มันควรจะหวังอะไรได้มากกว่านี้รึเปล่า


แกเร็ธ เบล (สเปอร์ส)

(จาก เรอัล มาดริด - ยืมตัว)

    การได้กลับมาบ้านหลังเก่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ทำให้นักเตะเลือกที่จะโบกมือลาทีมเมืองหลวงแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มากเลย

    เขากลับมาพร้อมกับความผิดหวังจากผลงานในสนาม และการถูกสื่อมาดริดตามเล่นงาน แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่

    สิ่งที่เกิดขึ้นจากการย้ายทีมแบบยืมตัวครั้งนี้ของ เบล ดูเหมือนจะยืนยันได้ว่า ซีเนดีน ซีดาน อาจจะไม่ได้โง่เขลาอย่างที่ใครหลายคนพูดกับการหันหลังให้ เบล

    เขาเหมือนจะกลับมาได้ในช่วงไม่กี่เกมหลัง นัดพบกับ เบิร์นลี่ย์ และ คริสตัล พาเลซ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณชีวิต ทว่าจากนั้นเขาก็ถูก โชเซ่ มูรินโญ่ แอบวิจารณ์หลังเกมนอร์ทลอนดอนดาร์บี้ที่แพ้ อาร์เซน่อล

    แม้ เบล จะไม่ได้ถูกระบุชื่อโดยตรง หลังความพ่ายแพ้ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทว่า มูรินโญ่ ก็เหมือนกับรวมเขาเอาไว้ในนั้นด้วย

    "นักเตะสำคัญบางคนก็หายไป" มูรินโญ่ กล่าว

    "เราเล่นได้แย่มากในครึ่งแรก เราแย่ เกมรับก็ไม่ดี ไม่มีความเข้มข้นหรือการไล่เพรสซิ่งอะไรเลย"

    ด้วยอาการบาดเจ็บ และความไม่คงเส้นคงวาทำให้ความคืบหน้าของดาวเตะวัย 31 ปีไม่ต่อเนื่อง แต่หากในอนาคตของเขาสามารถเล่นได้เหมือนเกมกับ เบิร์นลี่ย์ และ ฟูแล่ม มากกว่านัดที่แพ้ อาร์เซน่อล เขาก็อาจสามารถเขียนเรื่องราวการกลับมายังพรีเมียร์ลีกได้อย่างสวยงาม


ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล)

(จาก บาเยิร์น - 25 ล้านปอนด์)

    เดิมที นี่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของช่วงซัมเมอร์

    เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดการพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี และอดีตมิดฟิลด์ บาร์เซโลน่า ก็ย้ายออกจาก บาเยิร์น มิวนิค เพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังเขาชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เสือใต้

    คว้าได้ถ้วยแชมป์ 16 โทรฟี่จาก 7 ฤดูกาลคือสิ่งที่น่าหลงไหล เขาถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเพิ่มความคิดความเป็นแชมเปี้ยนในห้องแต่งตัวให้กับทีมของ คล็อปป์ แถมยังเพิ่มมิติให้กับแผงมิดฟิลด์ หงส์แดง ด้วย

    ติอาโก้ เหมือนจะไปได้ดี แต่ก็ไม่มีทั้งประตู หรือแอสซิสต์เลยจาก 15 นัดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

    มันมีปัจจัยที่เป็นข้ออ้างได้จากแนวรับที่อ่อนแอจากอาการบาดเจ็บมากกว่าที่จะเป็นฟอร์มจาก ติอาโก้ เพียงเท่านั้น

    ติอาโก้ ต้องพลาดช่วงปรีซีซั่นจากการติดเชื้อโควิด-19 และจากนั้นก็บาดเจ็บจนต้องพักยาวหลายเดือน หลังโดน ริชาร์ลิซอน เสียบแบบ 'กูจะฆ่ามึง' ในเมอร์ซี่ย์ไซด์ เมื่อเดือนตุลาคม

    กระนั้น เขาก็พิสูจน์ว่าตัวเองเป็นคนรับผิดชอบเรื่องเกมรับในหลายๆ ครั้ง และก็ทำผลงานได้ห่วยแตก ซึ่งก็ไม่รอดพ้นสายตานักวิจารณ์

    มันอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ ติอาโก้ ตอนนี้ไม่ใช่ดาวรุ่งแล้ว เขาอายุ 29 ปี และทุกคนก็คาดหวังจากเขามากกว่านี้


ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (แมนฯ ยูไนเต็ด)

(จาก อาแจ็กซ์ - 40 ล้านปอนด์)

    เขามาถึงด้วยข่าวที่เรียกว่าดังกระหึ่มเลย แต่จนถึงตอนนี้กลับได้ลงเล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 2 นัด โดยมีรายงานว่า ฟาน เดอ เบ็ค พร้อมที่จะยุติฝันร้ายในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งที่เพิ่งอยู่ได้ไม่นาน

    รายงานจาก เดลี่ สตาร์ เปิดเผยว่าดาวเตะดัตช์แมนเตรียมที่จะเปิดอกคุยกับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก่อนจบฤดูกาล แต่ก็ต้องการที่จะย้ายทีมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางค้าแข้งของเขา

    ฟาน เดอ เบ็ค ลงเล่นตัวจริงไป 11 นัดรวมทุกรายการ โดย 15 เกมในนั้นมาจากม้านั่งสำรอง โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มักจะเลือกคนอื่นก่อนหน้าเขาอยู่เสมอ

    เขาต้องพบว่าตัวเองเป็นรอง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา และ เฟร็ด ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส นั้นเป็นคนที่ใครจะมายังตำแหน่งตัวทำเกมรุกไม่ได้อยู่แล้ว

    ขณะที่ แวร์เนอร์, เบล และ ติอาโก้ ยังคงได้โอกาส แม้พวกเขาจะเล่นไม่น่าประทับใจอยู่บ้าง แต่กับ ฟาน เดอ เบ็ค แล้วเขาแทบจะเอาแต่นั่งดูเพื่อนเล่นในฤดูกาลแรกกับ ผีแดง

    ความกังวลอันใหญ่หลวงก็คือความเชื่อมั่นของมิดฟิลด์ดัตช์แมนที่น่าจะเหลือน้อยมากแล้ว และ ฟาน เดอ เบ็ค ก็เหมือนว่าจะส่งสัญญาณบางอย่างว่าเขาเริ่มจะหงุดหงิดกับสถานการณ์ของตัวเองแล้วด้วย


ฮาคิม ซิเย็ค (เชลซี)

(จาก อาแจ็กซ์ - 33.3 ล้านปอนด์)

    ที่คืออีกหนึ่งแนวรุกของ เชลซี ที่ล้มเหลวกับความคาดหวังที่ค่อนข้างสูง

    แม้จะไม่ได้ดูน่าผิดหวังเท่ากับ แวร์เนอร์ แต่ ซิเย็ค ก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มระดับเดียวกับที่เขาเคยทำไว้ที่ อาแจ็กซ์ ซึ่งทำให้เขาได้ย้ายมาลุยพรีเมียร์ลีก

    นอกจากการสร้างสรรค์เกมแล้ว ความสามารถในการเล่นลูกตั้งเตะของ ซิเย็ค ก็ดูผิดแปลกไปเช่นกัน ขณะที่เขากำลังมองหาโอกาสในยุคของ ทูเคิ่ล เพราะแสงอันวูบวาบในช่วงต้นซีซั่นกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เหมือนจะดับไปแล้ว

    ดาวเตะทีมชาติโมร็อกโก ยิงได้เพียงประตูเดียวจาก 15 นัดในพรีเมียร์ลีก มองยังไงมันก็ยังไม่คุ้มค่าตัวที่จ่ายไปอยู่ดี


ไค ฮาแวร์ตซ์ (เชลซี)

(จาก เลเวอร์คูเซ่น - 89 ล้านปอนด์)

    ยิ่งเงินก้อนใหญ่ ความคาดหวังยิ่งใหญ่กว่า และนั่นทำให้เขายังดูเหมือนล้มลุกคลุกคลานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อยู่เลย

    ด้วยอาการบาดเจ็บ และการต่อสู้กับการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้การปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษของเขากลายเป็นเรื่องยากขึ้น

    ฮาแวร์ตซ์ ประสบความสำเร็จอย่างมากในเยอรมันเกิดจากความสามารถของเขาในการหาพื้นที่ว่างอันถูกต้อง ซึ่งคนอื่นๆ ไม่สามารถทำได้

    ปัญหาก็คือ เขาพบว่ามันยากกว่าสำหรับการทำประตูที่อังกฤษ โดย ฮาแวร์ตซ์ ถูกปรับไปเล่นตำแหน่งเบอร์ 9 ตลอด 2 นัดหลังสุด ซึ่งสถิติยิง 1 ลูก จาก 21 เกมในพรีเมียร์ลีก เขาจำต้องปรับปรุงให้เร็วถ้าเขาอยากจะเป็นแกนหลักของ ทูเคิ่ล


วิลเลี่ยน (อาร์เซน่อล)

(จาก เชลซี - ฟรี)

    วิลเลี่ยน แตกต่างจากคนอื่นในลิสต์นี้ เนื่องจากเขาย้ายทีมแบบไม่ได้มีค่าตัวที่จะต้องทำการพิสูจน์ แต่เขาก็ยังเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของแฟนๆ

    การย้ายไป อาร์เซน่อล ของ วิลเลี่ยน หลังแยกทางกับ เชลซี ดูเหมือนจะเป็นการทำธุรกิจที่ฉลาด หลังจากประเดิมเกมแรกด้วย 2 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก ทว่าจากนั้นก็ไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง

    จากนัดแรกที่กลายเป็นที่นิยมในแฟนตาซี ฟุตบอล ทว่าอีก 11 นัดถัดมาในลีกสูงสุด เขาก็มีเพิ่มมาอีกแอสซิสต์เดียว ซึ่งมันกลายเป็นความผิดหวังอย่างรวดเร็ว

    นอกจากนี้ ค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ที่ได้รับจากสโมสรนอร์ทลอนดอน มันก็ควรที่จะเล่นให้ได้สมกับความคาดหวังมากกว่านี้

    กับการที่ไม่มีประตูเลยตลอด 30 นัดที่ลงเล่นรวมทุกรายการ มันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงเป็นขวัญใจสำหรับบรรดานักวิจารณ์


นาธาน อาเก้ (แมนฯ ซิตี้)

(จาก บอร์นมัธ - 40 ล้านปอนด์)

    เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บที่ตามติดตัวไม่หยุด มันเลยทำให้ชื่อของ อาเก้ แทบจะกลายเป็นคนที่ถูกลืมสำหรับซีซั่นประเดิมกับ แมนฯ ซิตี้

    อาเก้ ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อ เมื่อเดือนธันวาคมในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล และจนถึงตอนนี้ก็ยังกลับมาลงสนามไม่ได้เลย

    เขาได้ลงสนามไปเพียง 6 เกมในลีกฤดูกาลนี้ (รวมทุกรายการ 9 นัด) และเขาก็ได้แค่เฝ้าดูเพื่อนร่วมทีมที่ถูกเซ็นสัญญามาในตลาดเดียวกันอย่าง รูเบน ดิอาส เฉิดฉายอย่างมากในการคุมแนวรับ เรือใบ

    จนถึงตอนนี้ อาเก้ มองเห็นสิ่งเดียวได้ว่าการที่เขาลงสนามมากกว่า 5 นัดก็เพียงพอที่จะทำให้คอของเขามีเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือนคนอื่นๆ

    เขาไม่ได้มาจาก บอร์นมัธ ด้วยค่าตัวที่ถูกอะไร แม้ว่าต้นสังกัดเดิมจากตกชั้น แต่ อาเก้ ก็ไม่ได้ตอบแทนมันได้อย่างคุ้มค่า

    งานในการเสริมความแข็งแกร่งให้แนวรับของ แมนฯ ซิตี้ นั้นเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่มันก็ยากยิ่งไปอีกเมื่อต้องเจออาการบาดเจ็บตามเล่นงาน ดูแล้วอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มันอาจจะสร้างหรือทำลายฤดูกาลหน้าของเขาได้เลย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด