:::     :::

อีกหนึ่งมุมของ "วิคตอร์ ลินเดเลิฟ"

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
4,019
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สามารถยกระดับฟอร์มของตัวเองขึ้นมา

สำหรับวิคตอร์ ลินเดเลิฟ ปราการหลังของทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถปักหลักในแนวรับได้เหนียวแน่นขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาต้องประสบปัญหา โดยเฉพาะผลงานในสนาม และการรักษาความคงที่ จนถูกแฟนบอลโจมตี และตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้ง


กระนั้น การก้าวมาเป็นกองหลังทีมชาติสวีเดน และสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างปีศาจแดงถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องฝ่าฟันกับอะไรมาอย่างมากมาย และไม่เคยได้รับอะไรมาง่ายๆ จนสามารถพิสูจน์ตัวเองในการเล่นฟุตบอลระดับสูง แม้จะเหลือหนทางอีกยาวไกลให้เขาพิสูจน์ตัวเองก็ตาม


ช่วงนี้ เราไปติดตามบางช่วงบางตอนของลินเดเลิฟ ผ่านช่วงชีวิตวัยเด็กที่น่าสนใจ จากปากของคนใกล้ชิด รวมถึงคนที่ติดตามพัฒนาการของเขามาโดยตลอด .... ไม่แน่ว่า เราอาจพบอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจในตัวเขา และมองเขาในอีกมุมมองใหม่ๆก็เป็นได้ 

ลินเดเลิฟ เกิดที่เมืองวาสเตราส ประเทศสวีเดน เติบโตมาพร้อมกับการเล่นฟุตบอล เขาได้รับการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวจากคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเชียร์ หรือขับรถพาไปฝึกซ้อม เรียกได้ว่า เขามีกำลังใจอยู่เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งใน หรือนอกสนามแข่งขัน


ขณะที่อุปนิสัยส่วนตัวของเขา คือการใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง และนั่นเป็นสิ่งที่ถูกนำมาถ่ายทอดในสนามฟุตบอลด้วย เขาเป็นคนที่มองผลงานของทีมเป็นหลัก และพร้อมทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทีมคว้าชัยชนะมาครอง หากไม่เป็นไปตามนั้น เขาจะต้องพยายามทำให้มันดีขึ้นมา


โซลเว โกเตสัน โค้ชทีมเยาวชนของไอเค ฟรานเค่ สโมสรแรกของลินเดเลิฟ ออกมาย้อนความทรงจำวันวานว่า ลูกศิษย์ของเขาเป็นคนที่ลงสนาม พร้อมกับความรู้สึกที่อยากให้ทีมได้รับสิ่งที่ดีที่สุดออกไป แม้บางครั้ง ความพ่ายแพ้จะแลกมากับหยดน้ำตาก็ตาม


โดยกล่าวว่า "ผมยังคงจดจำได้เสมอ ตอนนั้นลินเดเลิฟ อายุเพียง 8-9 ขวบเท่านั้น เขารับหน้าที่สังหารเป็นคนลูกจุดโทษเป็นคนสุดท้าย ที่สำคัญคือ เกมนั้นเกิดขึ้นในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ผลสุดท้าย เขากลับยิงข้ามคานไปไกล !!! พร้อมกับจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทีม”

โกเตสัน กล่าวเพิ่มเติมว่า “เกมดังกล่าวที่ต้องเจอกับความพ่ายแพ้ ส่งผลให้ ลินเดเลิฟ อารมณ์เสียเป็นอย่างมากเลยทีเดียว จากนั้น เขาก็รีบวิ่งเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ ผมรีบเดินตามไป พร้อมกับเจอเขานั่งอยู่ตรงต้นไม้ พร้อมกับกำลังเสียใจ และร้องไห้ออกมา"


"ลินเดเลิฟ คิดว่า ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนพ่ายแพ้ ผมบอกกับเขาให้ใจเย็นลง และปลอบใจว่าไม่มีใครโกรธเขาเลย บางที อาจเป็นเพราะนิสัยของเขาคือต้องการชัยชนะเท่านั้น"


ทัศนคติเหล่านั้น ค่อยหล่อหลอมให้ลินเดเลิฟ กลายเป็นนักฟุตบอลที่ดีมากขึ้น จนปัจจุบัน เขาก้าวมาเล่นกับยอดทีมของโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และติดทีมชาติสวีเดน ชุดใหญ่


แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปคือ ลินเดเลิฟ ยังเป็นเด็กที่พร้อมทำเพื่อคนอื่นเสมอ โดยในวันเปิดตัวกับทัพ "ปีศาจแดง" เขาบอกว่าเพื่อนร่วมทีมสามารถอุ่นใจได้ เพราะเขาจะยืนปักหลักเฝ้าแผงหลัง และจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด 

ปีเตอร์ ลุนด์ควิสต์ อีกหนึ่งบุคคลใกล้ชิดออกมากล่าวว่าตามความเห็นของผมแล้ว ลินเดเลิฟ ไม่เหมือนรุ่นพี่ในทีมชาติสวีเดนอย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิช เรียกว่าแตกต่างกันอย่างสุดขั้วเลยทีเดียว


ลินเดเลิฟ ไม่ใช่คนที่ป่าวประกาศว่า -ข้านี่แหล่ะ เจ๋งที่สุด และเก่งกาจที่สุด- หรือต้องการให้ทุกคนหันมาฟังเขาเพียงคนเดียว เขาเป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะ และมีเรื่องราวตลกกับเพื่อนร่วมทีม เขาใช้สองเท้าเป็นเครื่องมือพูดแทน"


ขณะที่ลินเดเลิฟ ออกมาทิ้งท้ายถึงอุปนิสัยส่วนตัวว่าผมเป็นชาวสวีดิช และเป็นคนจิตใจดี มันไม่ใช่เรื่องผิด ผมชอบปฏิบัติตนกับคนอื่นด้วยความเคารพ ผมถูกเลี้ยงมาแบบนั้น" 


"ตอนอยู่ในสนาม ผมอาจเป็นตัวของตัวเองมากหน่อยในช่วงเริ่มแรก แต่พฤติกรรมนอกสนามในช่วงแรกๆ ผมก็เป็นพวกชอบอยู่เงียบๆ พร้อมกับคอยสังเกตคนรอบข้าง และค่อยตัดสิน 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด