:::     :::

ของดีเดือนมกรา(2)

วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,921
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
(ต่อจากเมื่อวานนี้) กลับมาต่อกัน กับการเสริมทัพที่สุดแสนคุ้มค่าในช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาว ที่กุนซือหลายคนมักพูดว่า ซื้อยาก และ เข้าเป้าน้อย

เนมานย่า วีดิช (สปาร์ตัก มอสโก - แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2006)

ปราการหลังภูผา เป็นอีกหนึ่งเซนเตอร์ฮาล์ฟสายพันธุ์แกร่งที่เป็นผลผลิตมาจากลีกรัสเซีย ด้วยค่าตัวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายให้ สปาร์ตัก มอสโก ไปเพียง 7 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมา มหาศาลหลายเท่าตัว
ว่ากันว่า วีดิช คือหนึ่งในต้นแบบของเซนเตอร์ฮาล์ฟยุคใหม่ เพราะมีความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ ลูกกลางอากาศ ทักษะบอลพื้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการจะเป็นนักเตะระดับโลก ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งใดก็ตามคือ ความคงเส้นคงวา หรือ ความสม่ำเสมอ
การย้ายมาเมื่อต้นมกราคม ปี 2006 วีดิช เข้ามาสานต่อความยิ่งใหญ่ของ ปีศาจแดง โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 300 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนชิพ กับ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ อย่างละ 1 สมัย ในปี 2008 และ ลีกคัพ อีก 3 สมัย
คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ (นิว อิงแลนด์ เรฟโวลูชั่น - ฟูแล่ม ปี 2007)
กองหน้าตัวกระเปี๊ยก ถูกแมวมองตาเหยี่ยวของ ฟูแล่ม สะกดรอยตามทุกฝีก้าว ก่อนเสนอให้ต้นสังกัดเจียดเงิน 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สอยตัวมาจาก นิว อิงแลนด์ เรฟโวลูชั่น หลังสร้างปรากฏการณ์ด้วยการเป็น รุคกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ ของ เมเจอร์ลีก ในปี 2004
การปรับตัวในถิ่น คราเวน ค็อทเทจ ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีรุ่นใหญ่อย่าง ไบรอัน แม็คไบรด์ กับ คาร์ลอส โบคาเนกรา คอยประคองอยู่แล้ว เดมพ์ซี่ย์ กลายเป็นดาวซัลโวของ ฟูแล่ม 2 ฤดูกาลติด เช่นเดียวกับการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร 2 ซีซั่นนั้น
ก่อนอำลาไป ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 6 ล้านปอนด์ ในปี 2012 เดมพ์ซี่ย์ ปิดฉาก คราเวน ค็อทเทจ ด้วยการลงเล่นไป 225 นัด ยิงได้ 60 ประตู 
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (เวสต์แฮม - ลิเวอร์พูล ปี 2007)
กองกลางอาร์เจนไตน์ สร้างชื่อเปรี้ยงปร้างขึ้นมากับ ริเวอร์เพลท ต่อด้วย โครินเธียนส์ ในลีกบราซิล ก่อนจะย้ายทีมแบบน่าฉงนงงงวยไป เวสต์แฮม พร้อมๆ กับ คาร์ลอส เตเวซ (ชนิดมันต้องมีเงี่ยนงำแน่นอน)
แม้ ลิเวอร์พูล ต้องปวดหัวและทำงานหนัก ในการยื่นเรื่องต่อ ฟีฟ่า และ พรีเมียร์ลีก สำหรับการเซ็นคว้าตัว มาสเคราโน่ มาจาก เวสต์แฮม 6 เดือนหลังจากนั้น เพราะตามกฏ ฟีฟ่า ห้ามนักเตะลงเล่นกับ 3 สโมสร ใน 1 ฤดูกาล ก่อนจะได้รับไฟเขียว
มาสเคราโน่ กลายเป็นตัวหลักในถิ่น แอนฟิลด์ ตลอด 3 ฤดูกาลครึ่ง ที่ลงรับใช้ทีมไปกว่า 139 นัด ก่อนย้ายไป บาร์เซโลน่า ตามสูตรสำเร็จ 22 ล้านปอนด์
แกรี่ เคฮิลล์ (โบลตัน - เชลซี ปี 2012)
แม้ผลงานของ โบลตัน จะกระท่อนกระแท่นดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างหนัก แต่ เชลซี ก็ปิ๊งฟอร์มและเจียดเงิน 7 ล้านปอนด์ ดูดของดีที่สุดในทีมอย่าง เคฮิลล์ ไปร่วมทัพกลางฤดูกาล ก่อนที่บทสรุปของฤดูกาลนั้น ต้นสังกัดเก่าของกองหลังทีมชาติอังกฤษต้องตกชั้น
จากวันนั้น ถึงวันนี้ เคฮิลล์ รับใช้ เชลซี ทะลุหลัก 250 นัดไปแล้ว คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ฤดูกาล 2014-15, 2016-17 และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เอฟเอ คัพ ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่มาเหยียบ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้มีส่วนร่วมแค่ครึ่งฤดูกาลก็ตาม
ความสำเร็จส่วนตัว เคฮิลล์ ยังติดทีมยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ ถึง 3 ฤดูกาล และปัจจุบัน กลายเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ
แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (เชลซี - ลิเวอร์พูล ปี 2013)
เด็กหนุ่มจากรั้วเยาวชน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจก้าวเท้าไปยัง เชลซี บันไดอีกขั้น ที่แม้จะมีความสำเร็จร่วมกันคือแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เหมือน สเตอร์ริดจ์ จะไม่มีตัวตน ภายใต้ร่มเงาของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
การตัดสินใจครั้งสำคัญเกิดขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2013 เมื่อย้ายไปยัง ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวไม่ถูกไม่แพง 12 ล้านปอนด์ และเกือบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มภาคภูมิในซีซั่น 2013-14 แต่ไปพลาดในช่วงโค้งสุดท้าย
ซีซั่น 2013-14 ยังติดตาตรึงใจ เพราะ สเตอร์ริดจ์ กลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกที่ยิงประตูในลีก 7 นัดติดต่อกัน ก่อนจะกลายเป็น 8 นัดติด ซึ่งเป็นคนที่สองในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทำได้ในเวลานั้น และจบซีซั่นที่ 21 ประตูในลีก เป็นรองดาวซัลโว ตามหลังคู่ขา หลุยส์ ซัวเรซ
หวังว่า เดือนมกราคมปีนี้ จะเกิดปรากฏการณ์เสริมทัพเจ๋งๆ เกิดขึ้นบ้าง สักคนสองคนก็ยังดี...

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด