:::     :::

เกมชิงดำที่ชาวบาสโก้รอคอย

วันพฤหัสบดีที่ 01 เมษายน 2564 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,208
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกมชิงชนะเลิศของศึก โกปา เดล เรย์ ซีซั่น 2019-2020 ระหว่าง เรอัล โซเซียดาด กับ แอธเลติก บิลเบา ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกมากว่าหนึ่งปีได้ฤกษ์ลงดวลกันในวันเสาร์นี้เพื่อชี้ขาดว่าฝ่ายใดจะเป็นเบอร์หนึ่งของแคว้นบาส์

ศึก โกปา เดล เรย์ ซีซั่น 2019-2020 ระหว่าง แอธเลติก บิลเบา กับ เรอัล โซเซียดาด ที่ฟันฝ่าอุปสรรคการแพร่ระบาดของเชื้อ'โควิด-19' เตรียมตัวลงฟาดแข้งกันบนสังเวียน 'เอสตาดิโอ ลา การ์ตูฆา' ของเมืองเซบีย่าในวันเสาร์ที่ 3 เมษายนนี้ 

สองสโมสรยักษ์ใหญ่ของแคว้นบาสก์เห็นตรงกันว่าเกมชิงชนะเลิศของศึก โกปา เดล เรย์ ซีซั่นที่ผ่านมาสมควรเลื่อนโปรแกรมแข่งขันแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากทั้งสองทีมต่างต้องการให้แฟนบอลของพวกเขามีส่วนร่วมกับเกมประวัติศาสตร์ โดยยอมสละสิทธิ์ตั๋วฟุตบอลยุโรปในโควตาฟุตบอลถ้วยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามสหพันธ์ฟุตบอลสเปนไม่สามารถปล่อยให้เกมชิงชนะเลิศของศึก โกปา เดล เรย์ ซีซั่นก่อนยืดเยื้อไปมากกว่านี้ ก่อนกำหนดวันลงฟาดแข้งในวันเสาร์ที่ 3 เมษายน เนื่องจากเกมชิงดำของฤดูกาลนี้จ่อลงสนามแล้วเช่นกัน ซึ่งเป็นการดวลกันระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ แอธเลติก บิลเบา ในวันที่ 17 เมษายนนี้ 

ทว่าความหวังที่จะเห็นแฟนบอลเข้ามามีส่วนร่วมในสนามกลายเป็นหมันเนื่องจากรัฐบาลเมืองกระทิงไม่อนุญาตให้เปิดสังเวียนรองรับแฟนบอลท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะที่ยังไม่คลี่คลาย


เกมชิงชนะเลิศของศึก โกปา เดล เรย์ ระหว่าง เรอัล โซเซียดาด กับ แอธเลติก บิลเบา เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ของผองชนชาวแคว้นบาสก์ แม้ว่าฝ่ายหลังจะประสบความสำเร็จในรายการนี้เหนือกว่าชัดเจนก็ตาม

แอธเลติก บิลเบา เคยคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ 23 สมัย จากการเข้าชิงชนะเลิศ 37 ครั้ง ส่วน เรอัล โซเซียดาด คว้าแชมป์รายการนี้เพียง 2 สมัย จากการเข้าชิงดำ 7 ครั้ง 

ทั้งสองทีมเคยพบกันในนัดชิงชนะเลิศตั้งแต่ยุคโบราณเมื่อปี 1910 ซึ่ง แอธเลติก บิลเบา เฉือนชนะ เรอัล โซเซียดาด 1-0 ก่อนจะโคจรมาเผชิญหน้ากันครั้งแรกในยุค โกปา เดล เรย์ แต่โชคร้ายที่มันเกิดขึ้นระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อ'โควิด-19' ทำให้แฟนๆของทั้งสองฝ่ายไม่มีส่วนร่วมกับเกมประวัติศาสตร์ 

สเปน กำลังอยู่ในช่วงรับมือกับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะแคว้นบาสก์ที่ยังคงอยู่ภายใต้การคุมเข้มเพื่อจำกัดการแพร่ระบาด ทั้งบาร์และร้านอาหารทั้งหมดจะต้องปิดเวลา 20.00 น. และผู้คนจะเข้ากลับบ้านก่อนเวลาเคอร์ฟิว 22.00 น. จากมาตรการดังกล่าวทำให้แฟนๆของทั้งสองฝ่ายทำได้เพียงให้กำลังใจทีมหน้าจอทีวีเท่านั้น 


อินญากี้ วิลเลียมส์ กองหน้าวัย 26 ปีของ แอธเลติก บิลเบา กล่าวถึงการรอคอยแมตช์ชิงดำของศึก โกปา เดล เรย์ มานานกว่าหนึ่งปีว่า 'มันเป็นเรื่องยากเพราะท้ายที่สุดเราไม่บรรลุสิ่งที่ต้องการเติมเต็ม ลา การ์ตูฆา'

'มันเป็นเกมชิงชนะเลิศประวัติศาสตร์ที่ถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเปิดสนามให้แฟนบอลเข้าชมเกม มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่มีใครอยู่บนอัฒจันทร์ แต่นอกเหนือจากนั้นเราต้องรู้สึกภูมิใจในจุดที่เราอยู่และสิ่งที่เราประสบความสำเร็จ การสร้างประวัติศาสตร์ที่เราสามารถทำได้ เราจะพยายามใส่ไอซิ่งบนหน้าเค้ก'

วิลเลียมส์ เคยสวมบทฮีโร่ของ แอธเลติก บิลเบา หลังการทำประตูชัยดับ บาร์เซโลน่า ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-2 คว้าแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ซีซั่นนี้ แต่เขายังไม่คิดว่าตนเองเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ของสโมสรด้วยวัยเพียง 26 ปี 

'ความจริงคือผมไม่คิดแบบนั้น หลายครั้งที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่หลายคนที่ผ่านเข้ามาในสโมสรสร้างประวัติศาสตร์ของพวกเขา แต่โชคไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์หรือผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและผมรู้สึกโชคดีที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์กับทีมที่คว้าแชมป์และเป็นที่จดจำในสิ่งที่เราประสบความสำเร็จ'


กองหน้าวัย 26 ปียังกล่าวถึงแมตช์สำคัญในวันเสาร์นี้ว่า 'ผมรอคอยที่จะเล่นเกมนี้มาเป็นเวลานาน เราทุกคนต่างตื่นเต้นกับเกมนี้เพราะมันจะเป็นเกมที่มีหลากหลายอารมณ์และเราต้องไม่กลัวว่าจะล้มเหลว แต่ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลเสมอ'

แอธเลติก บิลเบา มีโอกาสคว้า 3 แชมป์ในช่วงปีนี้หลังฟาดแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ มาเป็นรางวัลแรกของปี ก่อนมีคิวลงดวล เรอัล โซเซียดาด บนเวที โกปา เดล เรย์ รอบชิงชนะเลิศของซีซั่นที่ผ่านมา ตบท้ายด้วยเกมชิงดำรายการเดียวกันของฤดูกาลนี้กับ บาร์เซโลน่า ในวันที่ 17 เมษายน 

'ชัดเจนว่าเราตระหนักถึงสิ่งที่เราสามารถประสบความสำเร็จได้ เราทำสำเร็จในรายการ ซูเปอร์ คัพ เราไม่ได้เป็นตัวเต็งของคนส่วนใหญ่และเราประสบความสำเร็จ ตอนนี้เราสามารถเพิ่มเติมอีกสองรายการ ความคิดในการสร้างประวัติศาสตร์นั้นหลอกหลอนจิตใจเราและมันไม่ได้เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน เราตระหนักถึงสิ่งที่เราสามารถทำได้และมันจะเป็นสำเร็จสำหรับ บิลเบา และแฟนๆ แอธเลติก ทุกคน ในเดือนมกราคม ผมมีรอยสัก ซูเปอร์ คัพ และผมยังเว้นที่่ว่างไว้สำหรับแชมป์โกปาด้วย'


สำหรับเกมชิงชนะเลิศระหว่าง แอธเลติก บิลเบา กับ เรอัล โซเซียดาด ค่ำคืนวันเสาร์นี้มีโอกาสออกได้ทุกหน้า รวมถึงการเล่นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษและอาจถึงฎีกาด้วยการดวลจุดโทษ ถ้ามีคนบอกคุณว่าคุณจะคว้าชัยชนะในเกมดาร์บี้แมตช์ด้วยการดวลเป้า คุณจะรู้สึกอย่างไร?

'ผมหวังว่าจะเป็นแบบนั้น เราผ่านเข้ารอบมาแบบยากลำบากและเจ็บปวด เรารู้ถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี มันเป็น ดีเอ็นเอ ของนักรบแอธเลติก สิงโตไม่เคยยอมแพ้จนกว่าจะตาย เรารู้วิธีการเล่นเกมประเภทนี้เป็นอย่างดี เรามีนักเตะที่มีประสบการณ์โชกโชนในการเล่นเกมลักษณะนี้ที่สามารถช่วยเราได้ เจ้านายยังทำให้เรามั่นใจ มันเป็นหนึ่งเกมและเราจะพยายามทำให้มันเป็นมากกว่าเกมหนึ่ง มันสามารถทำให้เราสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ แต่เราไม่จำเป็นต้องคลั่งไปกับมันมากนัก'

วิลเลียมส์ ยังกล่าวถึงการยิงประตูประวัติศาสตร์ของเขาในศึก ซูเปอร์ คัพ ว่า 'ผมดูมันหลายครั้งและผมฝันถึงมันซ้ำๆหลายวัน แต่ราวกับว่ามันเป็นของเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆด้วย ผมหวังว่าจะสามารถทำมันได้อีก การคว้า 3 แชมป์จะทำให้เราถูกจดจำในฐานะซูเปอร์ทีม'


ขณะที่ อาริตซ์ เอลูสตอนโด้ กองหลัง เรอัล โซเซียดาด ตั้งตารอคอยเกมชิงชนะเลิศบนสังเวียน 'ลา การ์ตูฆา' ด้วยใจจดจ่อไม่น้อยไปกว่าทีมคู่ปรับร่วมแคว้นบาสก์เช่นเดียวกัน หลัง 'ลา เรอัล' เข้าถึงเกมชิงดำรายการนี้ครั้งล่าสุดตั้งแต่ซีซั่น 1987-1988 

'มันแน่นอนอยู่แล้ว ผมเติบโตมาจากทีมเยาวชน เข้ามาอยู่ ซูเบียต้า มานานหลายปี มันเป็นความฝันที่ได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่และค้าแข้งกับสโมสรไปตลอดชีวิตคุณ และการคว้าแชมป์แรกนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้มันจะดูเหมือนห่างไกลในช่วงต้นฤดูกาล แต่เราสามารถผลักดันตัวเองจนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศและเราตั้งตารอคอยมันจริงๆ'

กองหลังวัย 27 ปียังกล่าวถึงการคั่วแชมป์ โกปา เดล เรย์ วันเสาร์นี้ว่า 'ผมคิดว่าสิ่งที่เราประสบความสำเร็จได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่เราจะพยายามทำทุกอย่างเพราะไม่ใช่เพียงแค่การลงเล่นรอบชิงชนะเลิศ แต่เราต้องการชนะ และเราจะพยายามเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ตลอดชีวิตและเพื่อทำให้แน่ใจว่ามีการจารึกไว้ว่าเราเป็นแชมป์ โกปา'


เมื่อถูกยิงคำถามแทงใจดำว่าการปราชัยต่อทีมคู่ปรับร่วมแคว้นบาสก์อย่าง แอธเลติก บิลเบา จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติหรือไม่?

'ผมไม่คิดอย่างนั้น สิ่งเดียวที่อยู่ในใจคือเมื่อเกมชิงชนะเลิศมาถึงและชนะ ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ เพราะเราคิดถึงแต่การคว้าชัยชนะเท่านั้น ทีมมองโลกแง่ดีและรู้ดีว่าพวกเราสามารถบรรลุสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไปในความทรงจำของทุกคน'

ส่วนฝั่งใดจะคว้าแชมป์เพื่อจารึกชื่อตัวเองอยู่ในความทรงจำตลอดไปจะเป็น เรอัล โซเซียดาด หรือ แอธเลติก บิลเบา เราคงจะทราบคำตอบในวันเสาร์นี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด