:::     :::

แค้นที่ยังไม่ถูกชำระ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สกอร์ 3-1 ที่ เรอัล มาดริด จัดการ ลิเวอร์พูล เสียอยู่หมัดเมื่อคืนนี้ นอกจากจะเสียดายในความผิดพลาดที่ง่ายไปหน่อยกับประตู 2-1 และ 3-1 แต่บรรดาเดอะ ค็อปส่วนใหญ่คงมีความเห็นตรงกันนะครับว่าราชันชุดขาวเขาเหนือกว่าจริงๆ โดยเฉพาะแดนกลาง

เกมนี้ ลิเวอร์พูล เลือกใส่ นาบี เกอิต้า ออกสตาร์ทตัวจริงโดยมี ไวจ์นัลดุม และ ฟาบินโญ่ เป็นพาร์ทเนอร์ตรงกลางสนาม ขณะที่ เรอัล มาดริด ใช้งาน โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช และ คาเซมิโร่ ซึ่งกองกลางทั้ง 3 คนของราชันชุดขาวคุมเกมให้ทีมได้อย่างหมดจดตั้งแต่เริ่มเขี่ยลูกจนถึงนาทีสุดท้ายของเกมเลยทีเดียว

ช่วง 15 นาทีแรก เจ้าบ้่านรู้จุดอ่อนของหงส์แดงเป็นอย่างดี พวกเขาเพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนหน้าไล่มาจนถึงแดนกลางอย่างเป็นระบบ โดยที่ 6 คนของชุดขาวในแดนบนไม่หลุดจากตำแหน่งของตัวเองเลย วิ่งบีบแค่ในโซนที่ตัวเองรับผิดชอบก็จริง แต่มันครอบคลุมพื้นที่ไว้ได้อย่างหมดจด จนทำให้แข้งหงส์แดงตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ พาลให้เสียบอลง่าย โดยเฉพาะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์​-อาร์โนลด์ และ นาบี เกอิต้า

นาบี กลายเป็นเด็กน้อยไปเลยเมื่อดวลกับ 3 กองกลางที่คลาสอยู่ในขั้นระดับโลกของมาดริด โดยนาบีเล่นได้ไม่สมกับที่ คล็อปป์ ไว้วางใจให้ลงตัวจริงเลยสักนิด สถิติของเขาในเกมนี้คือจ่ายบอลสำเร็จเพียง 85% โดยที่เป็นการส่งในแดนตัวเองมากถึง 12 จาก 17 ครั้ง และแม้จะมีชอตที่เลี้ยงหลบ 2 ผู้เล่นได้อย่างสวยงามแต่จังหวะสุดท้ายเขาก็ทำบอลเสียอีกอยู่ดี จนทำให้ คล็อปป์ อดรดทนไม่ไหวต้องรีบถอดออกตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก แล้วใส่ ติอาโก้ ลงสนามมาแทน

ขณะที่ เทรนท์ เองนั้น ถ้าลงรายละเอียดเราจะพบว่านี่คือเกมที่เขาเล่นไม่ดีเช่นกัน และมีส่วนต่อ 2 ประตูแรกที่มาดริดยิงได้ด้วยซ้ำ

ประตูแรกในนาทีที่ 26 โครส วางบอลยาวอย่างแม่นยำจากระยะกว่า 60 หลาไปตรงพื้นที่ว่างระหว่างเซนเตอร์กับแบ็ค ก่อนที่ วินิซิอุส จะสปีดมาตามไลน์แล้วยิงสวน อลิสซน เข้าไปอย่างสวยงาม ซึ่งถ้ามองอย่างละเอียดจะพบว่า เทรนท์ นั้นหลุดสายตาจาก วินิซิอุส จนเป็นที่มาของประตูดังกล่าว โดยที่ทั้งเขาและ แนท ฟิลลิปส์ ต่างก็รับผิดชอบลูกนี้ไปทั้งคู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่ประตูที่ 2 นั้น เทรนท์ รับไปเต็มๆ กับการโหม่งคืนหลังเบาเกินไปจนถูก อเซนซิโอ โฉบมายิงเข้าไปง่ายๆ ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกด้วยสถิติอันไม่น่าจดจำ เพราะ เรอัล มาดริด ได้ยิงถึง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 3 หนแถมได้ถึง 2 ประตู ขณะที่หงส์แดงไม่ได้ยิงเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 เลยทีเดียวที่จบครึ่งแรกด้วยสถิติแบบนี้

เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง การที่มี ติอาโก้ อยู่ในสนามทำให้เกมของหงส์แดงเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และได้ประตูตีตื้นมาตั้งแต่ 5 นาทีแรกจาก โม ซาล่าห์ ซึ่งนอกจากจะเป็นประตูที่ปลุกความคึกคักให้กับเดอะ ค็อป ขึ้นมาได้แล้ว นี่ยังเป็น อเวย์ โกล ที่อาจมีผลต่อเกมนัดที่ 2 อย่างยิ่งยวดก็ได้

เหตุผลหลักๆ ที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ในเกมนี้ ผมแยกย่อยออกมาได้ 3 ข้อหลักๆ ครับ


1) คุณภาพผู้เล่นของเรอัล มาดริด

หากไม่หลอกตัวเอง เราต้องยอมรับว่าขุมกำลังของพวกเขาแต่ละคนถือว่าห่างชั้นกับ ลิเวอร์พูล อยู่พอสมควร เอาแค่ 3 คนในแดนกลางนั้นก็ดีพอที่จะปราบทุกทีมในยุโรปได้หมดอยู่แล้ว

คลาสบอลของ โครส กับ โมดริช แค่ 2 คนสามารถทำลายโซนการยืนแนวรับหงส์แดงได้ง่ายๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการวางบอลยาว การจ่ายทะลุช่อง หรือการพลิกหนีตัวประกบ ทั้ง 2 คนนี้สามารถทำให้เกิดความแตกต่างได้จากการเล่นแค่ 1 หรือ 2 จังหวะเท่านั้น

สถิติของ โครส ในเกมนี้คือจ่ายบอลสำเร็จ 68 จาก 75 ครั้ง แถมเป็นการจ่ายบอลในแดนคู่แข่งเกินครึ่งอีกต่างหาก ความยอดเยี่ยมอีกข้อก็คือเขาวางบอลยาวสำเร็จ 100% และสร้่างโอกาสทำประตูให้ทีมอีก 4 หนด้วยกัน ส่วน โมดริช เองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ดาวเตะชาวโครแอตจ่ายบอลสำเร็จ 47 จาก 56 ครั้ง และวางบอลยาวเข้าเป้าอีกถึง 5 ครั้ง

ในขณะที่ คาเซมิโร่ แม้จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องการสร้างสรรค์เกมแบบทั้ง 2 คนก็จริง แต่นี่คือตัวเก็บกวาดที่สำคัญมากและเป็นจุดที่ทำให้เกมตรงกลางของมาดิดเอาชนะลิเวอร์พูลได้ตลอด 90 นาที โดย คาเซมิโร่ แย่งบอลชนะถึง 9 ครั้ง แถมยังยืนตำแหน่งตรงจุดยุทธศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

แดนหน้าของมาดริด ความเก๋าของ เบนเซม่า ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้ แนท ฟิลลิปส์ เจอกับปัญหาตลอดทั้งเกมเช่นกัน และถึงแม้เบนซ์จะไม่ได้มีชื่อบนสกอร์บอร์ดก็ตาม แต่การเคลื่อนที่และการพักบอลของเขาคืออาวุธเด็ดที่ช่วยให้เกมรุกของเจ้าบ้านสมดุล ลงตัว และปิดบัญชีได้ตามเป้า


2) แท็กติกที่ละเอียดของซีดาน

ผมสังเกตุว่าเกมนี้ ซิซู เน้นเป็นพิเศษกับเกมแดนกลางและแดนบนเพื่อปกปิดความอ่อนยวบในแนวรับที่ขาดทั้ง รามอส และ วาราน ครับ

แนวรับทั้ง 4 คนไม่ว่าจะเป็น วาซเกซ, มิลิเตา, เฟร์นานเดซ, ละ เมนดี้ จะไม่เติมเกมขึ้นสูงเลย พวกเขารักษาพื้นที่ในแนวรับเอาไว้อย่างแน่นหนั่น เราแทบจะไม่เห็นตัวรุกเร็วๆ ของลิเวอร์พูล​ทั้งหลายได้พื้นที่โฉบไปเล่นตรงพื้นที่สุดท้ายในแบบที่ วินิซิอุส หรือ อเซนซิโอ ทำเลย แม้จะมีบ้างที่เปิดช่องแต่ก็จะมี คาเซมิโร่ ตามมาวอแว เช่นเดียวกับแนวรุกหงส์ที่เกมนี้ก็พากันหลุดฟอร์มกันอีก โดยเฉพาะ มาเน่


3) ความผิดพลาดส่วนบุคคล

ในเกมสำคัญแบบนี้ ความผิดพลาดของนักเตะเล็กๆ น้อยๆ คือจุดที่ตัดสินเกมมานักต่อนักแล้ว และเกมนี้นักเตะหงส์แดงเองก็ก่อความผิดพลาดมากกว่าเสียด้วย อย่างที่วิเคราะห์​ไปแล้วในตอนต้น

แม้ ลิเวอร์พูล จะแพ้ด้วยสกอร์ขาดก็จริง แต่การได้อเวย์โกล คืนมา 1 ลูกก็ยังถือว่าพอจะมีความหวังอยู่ เพียงแค่เกมนัดที่ 2 นั้นหงส์แดงอาจต้องละเอียดมากกว่านี้ในทุกจุด โดยเฉพาะเกมแดนกลางที่จะมาทดลองแล้วผิดพลาดแบบเกมนี้อีกไม่ได้แล้ว

สรุปการดวลกันยกแรกนี้ ราชันชุดขาวชนะอย่างเป็นเอกฉันท์ แต่เหรียญมี 2 ด้านและแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบนี้มีเกมให้แก้มืออีกนัด หวังว่าเราจะเห็นปาฏิหาริย์ที่แอนฟิลด์แบบที่เคยทำได้มาแล้วตอนเจอกับ บาร์เซโลน่า อีกสักครั้ง


แม้รู้ว่ายาก แต่สำหรับฟุตบอล นอกจากจะมีลมอยู่ข้างในแล้ว มันยังมีสิ่งที่เรียกว่า "ความหวัง" ซ่อนเอาไว้ด้วยเสมอ



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด