:::     :::

เสมอแต่แพ้ "วีเออาร์"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในหลายครั้งที่ อาร์เซน่อล สะดุดทำคะแนนตกหล่นมักเป็นความผิดพลาดของตัวเอง แต่การลงสนามนัดล่าสุดต้องยอมรับว่า "วีเออาร์" เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่มีผลอย่างมาก

อาร์เซน่อล ทำได้เพียงต้องไล่ตีเสมอ ฟูแล่ม 1-1 ในช่วงทดเจ็บ เป็นหนึ่งคะแนนที่เหมือน "แพ้" ทว่าไม่ใช่แพ้ต่อคู่แข่งหากแต่แพ้ต่อ วีเออาร์

นัดนี้ มีการใช้ วีเออาร์ ทั้งหมด 4 ครั้ง ฟูแล่ม ได้ประโยชน์ใน 3 ครั้งแรก ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้ประโยชน์เพียงครั้งเดียวซึ่งทำให้ได้ประตูตีเสมอในวินาทีสุดท้าย

วีเออาร์ ครั้งแรกทำให้ อาร์เซน่อล พลาดได้ประตูออกนำจากลูกโหม่งของ ดานี่ เซบายอส ทว่า วีเออาร์ เช็กจังหวะก่อนหน้านั้นที่ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ โหม่งเช็ดให้เพื่อน โดยวีเออาร์ตีเส้นระบุว่าปลายสตั๊ดของ บูคาโย่ ซาก้า "เหลื่อม" ล้ำอยู่เล็กน้อยจึงกลายเป็นการล้ำหน้า 

ดูจากการตีเส้นก็แน่นอนว่าปลายสตั๊ดของ ซาก้า ล้ำจริง แต่ก็มีเครื่องหมายคำถามอยู่ดีว่าเป็นการเลือก "เฟรม" สำหรับตีเส้นในเสี้ยววินาทีแบบนี้ทำได้ "ถูกต้อง" แล้วหรือยัง เพราะแค่คลาดเคลื่อนเพียง 0.1 วินาที ก็ได้ภาพที่ต่างกันแล้วระหว่าง "ล้ำ" หรือ "ไม่ล้ำ" 

อาร์เซน่อล จึงพลาดได้ประตูออกนำอย่างน่าเสียดาย แถมการใช้ วีเออาร์ 2 ครั้งซ้อนในเหตุการณ์เดียวของจังหวะต่อมาก็ยังเป็นฝ่ายเสียประโยชน์และเสียประตูให้ ฟูแล่ม ไปก่อน

เคร็ก พาวสัน ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์เป่าให้เจ้าสัวน้อยได้จุดโทษในต้นครึ่งหลังในจังหวะที่ กาเบรียล มากัลเญส ไปสกัดใส่ อีวาน คาวาเลยโร่ 

ปืนใหญ่ เกือบได้ลุ้นรอดตัวเมื่อมีการเช็ก วีเออาร์ ย้อนไปในจังหวะแรกที่ ฟูแล่ม ทำเกมรุกว่าล้ำหน้าหรือไม่ แต่วีเออาร์ก็ตัดสินออกมาว่า "ไม่ล้ำหน้า" ดังนั้นจึงเป็นจุดโทษก่อนเป็น จอช มาย่า ยิงผ่านมือ แม็ต ไรอัน นายทวารสำรองของอาร์เซน่อล ที่ได้โอกาสลงตัวจริงในเกมนี้

จากที่น่าจะได้ประตูนำก่อนในท้ายครึ่งแรก กลายเป็นฝ่ายตามหลังก่อนเข้าสู่ 30 นาทีสุดท้าย รูปโฉมของเกมพลิกโฉมหน้าไปทันทีและทั้งหมดมาจากการที่มี "วีเออาร์" เกี่ยวข้อง

"เราเริ่มต้นเกมได้ดีมาก สามารถคอนโทรลเกมได้และสร้างโอกาสลุ้นประตู เรายิงได้แล้วแต่ถูกปฏิเสธในแบบน่าผิดหวังเอามากๆ แต่เราก็เดินหน้าต่อ เราไม่ปล่อยให้พวกเขาได้ยิงตรงกรอบอีก แต่แล้วเราก็เสียจุดโทษซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าเกมโดยสิ้นเชิง" อาร์เตต้า สรุปถึงจุดเปลี่ยนของเกมนี้

อาร์เตต้า ยืนยันว่าทีมของตนเองสมควรเป็นผู้ชนะและน่าจะยิงได้ 3-4 ประตูด้วยซ้ำ แต่ด้วยผลของการตัดสินจากวีเออาร์ที่ออกมาแบบนี้ทำให้ทีมต้องตกที่นั่งลำบากและต้องลุ้นจนถึงช่วงทดเจ็บกับประตูตีเสมอ 

ปืนใหญ่ ได้ประตูในนาที 97 ที่ ซาก้า เปิดเตะมุมให้ แม็ต ไรอัน ซึ่งขึ้นมาช่วยเกมรุกก่อนโหม่งชงไปถึง เซบายอส ได้ยิงติดเซฟจังหวะ แต่บอลเด้งเข้าทาง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ จิ้มจ่อๆ เข้าไป


ลูกโหม่งของ เซบายอส ถูกจับล้ำหน้าไปก่อน

ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ในจังหวะนี้เพื่อดูว่า ร็อบ โฮลดิ้ง มีส่วนกับการเล่นหรือไม่เพราะอาจถูกมองว่าขัดขวางการป้องกันประตูของ อัลฟงส์ อเรโอล่า แต่จากภาพช้าเห็นได้ชัดว่าปราการหลังชาวอังกฤษไม่ได้มีส่วนในการป้องกันประตูของนายทวารฟูแล่ม อาร์เซน่อล สมควรได้ประตูตีเสมอ การตัดสินของ วีเออาร์ เข้าทาง อาร์เซน่อล บ้าง 

หากเป็นวันที่ซวยเต็มรูปแบบ อาร์เซน่อล อาจถูกริบประตูนี้ได้เลยทั้งที่หากไม่มีจังหวะอื่นเกี่ยวข้อง ก็ไม่ควรถูกริบคืนอยู่ดี

แต่ถ้าตัดเรื่องวีเออาร์ออกไปและวิเคราะห์การเล่นของ อาร์เซน่อล ว่าทำได้ดีเพียงใด และสมควรเป็นผู้ชนะอย่างที่ อาร์เตต้า ว่าไว้หรือไม่

นัดนี้ "ปืนใหญ่" มีทั้งช่วงดีและแย่ โดยตลอด 65 นาทีแรก ทีมสร้างโอกาสลุ้นประตูได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น (ไม่นับจังหวะโหม่งของ เซบายอส ที่ถูกจับล้ำหน้าก่อน และอีกจังหวะช่วงทดเจ็บครึ่งแรกที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตวัดบอลริมเส้นโดนผู้เล่นฟูแล่มเปลี่ยนทางเข้าประตูแต่ถูกไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อน)

แต่ว่าในช่วง 25 นาทีสุดท้ายรวมถึงช่วงทดเจ็บ ทีมโหมรุกมากขึ้นจนได้ลุ้นยิงอีกถึง 14 ครั้งและได้ประตูตีเสมอจนได้ 

ในฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล มีค่าเฉลี่ยลุ้นยิงประตูในบ้านอยู่ที่ 11.6 ครั้งต่อนัดซึ่ง "แย่สุด" นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติกันมาในฤดูกาล 2003-04 แต่การเร่งเครื่องช่วงท้ายก็ยังทำให้การหาโอกาสทั้งหมดดีกว่าค่าเฉลี่ยของฤดูกาล

ทว่าจาก 18 ครั้งที่ได้ลุ้นยิงประตู เข้ากรอบได้เพียง 5 ครั้งซึ่งหากตัด 2 ครั้งที่ เซบายอส ยิงและ เอ็นเคเทียห์ ซ้ำออกไป ช่วงเวลาอื่นในเกมมียิงเข้ากรอบแค่ 3 ครั้งเท่านั้น 

ความเฉียบคมในการทำประตูคือเรื่องที่ อาร์เซน่อล ยังขาดความคงเส้นคงวา ย้อนไปในเกมยูโรปา ลีก ที่บุกชนะ สลาเวีย ปราก 4-0 เกมรุกของทีมเด็ดขาดมากๆ ที่รัวยิงถึง 3 ประตูใน 24 นาทีแรก แต่พอกลับไม่สามารถรักษาจังหวะที่เฉียบคมนี้เอาไว้ได้เมื่อกลับมาลุยในลีก

ก่อนเกมนี้ อาร์เตต้า มีปัญหาเบื้องต้นอยู่แล้วเมื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด ตัวทำเกมคนสำคัญยังไม่หายเจ็บข้อเท้า ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ก็เพิ่งฟื้นจากไข้มาลาเรีย ยังไม่พร้อมช่วยทีม แถมระหว่างเกมก็ต้องเสีย อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่ช่วงหลังเริ่มคืนฟอร์มเก่งไปอีก ทั้งหมดล้วนมีผลต่อการเล่นในจังหวะสุดท้าย

กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ วูบวาบและมีส่วนร่วมในเกมรุกหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ละเอียดเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเพราะบาดเจ็บไปนานและอาจต้องใช้เวลาอีกหน่อยในการเรียกฟิลลิ่งเดิมๆ เหมือนที่เคยทำให้เห็นมาแล้วในฤดูกาลก่อน กลับมาให้ได้ 

ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล จึงได้เพียงทีมหนีตายอย่าง ฟูแล่ม ในบ้านตัวเอง และทำให้การลุ้นโควตายุโรปเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด