ฟอร์มการเล่นที่ลืมไม่ลง
เนย์มาร์ ในเกมที่ช่วยให้ บาร์เซโลน่า พลิกนรกผ่าน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่ในเวลาต่อมา เปแอสเช จะทุ่มเงินเป็นสถิติโลกยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาเพื่อดึงดาวเตะบราซิเลี่ยนไปร่วมทีม
เปแอสเช กุมความได้เปรียบมหาศาลจากนัดแรกที่ยิงชนะขาดลอย 4-0 ในนัดสองที่คัมป์ นู บาร์ซ่าโหมสุดตัวก่อนได้ 3 ประตูปลุกความหวัง แต่ เอดิสัน คาวานี่ ก็มาทำประตูให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 3-1 และมีค่าเท่าตัวเพราะเป็นอะเวย์โกลซึ่งหมายความว่าบาร์ซ่าต้องยิงชนะ 6-1 ให้ได้
เวลาไหลรวยรินเหลือเพียง 3 นาทีสุดท้าย กับช่วงทดเจ็บอีก 4 นาที บาร์ซ่า ต้องยิง 3 ประตูเพื่อโกงความตาย และฮีโร่ของพวกเขาก็คือ เนย์มาร์
อดีตแข้งซานโตสวิ่งพล่านมาตลอดทั้งเกมจนถึงช่วงเวลาบีบหัวใจที่รับหน้ามที่สังหารฟรีคิกในนาที 88 จากนั้นซัดจุดโทษอีกลูกในนาทีสุดท้าย และเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นช่วงทดเจ็บ เขาวางบอลอันสมบูรณ์แบบให้ เซร์จี้ โรแบร์โต้ หลุดกัปดักล้ำหน้าไปตวัดตุงตาข่าย
"ไม่มีอะไรเป็นไปไม่สำหรับคนที่มีความเชื่อ" เนย์มาร์ กล่าวถึงค่ำคืนแห่งความทรงจำของบาร์เซโลน่า
ผู้ปิดทองหลังพระ
มีหลายคนที่ทำงานหนักเพื่อทีม ชนิดที่เรียกได้ว่าขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ของเชลซี หรือกุนซืออย่าง ฌอน ไดช์ ที่พาเบิร์นลี่ย์ทำผลงานได้เยี่ยมยอดเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม หากต้องเลือกสักคนคงต้องให้ วิลฟรีด ซาฮา ของคริสตัล พาเลซ ที่ว่ากันว่าหากไม่รับแข้งดังในกลุ่ม "ท็อปซิกซ์" แล้ว ปีกขวัญใจแฟนบอลเซลเฮิร์สท์ ปาร์ค คือผู้เล่นที่ดีที่สุดก็ว่าได้
ผลงานที่ดีขึ้นผิดหูผิดของของ คริสตัล พาเลซ ในยุค รอย ฮ็อดจ์สัน คงต้องให้เครดิตอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะการที่ ซาฮา กลับมาฟิตสมบูรณ์และเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มจนหลายทีมใหญ่ทั้ง เชลซี และ สเปอร์ จ้องกระชากตัวไปร่วมทีมในเดือมกราคมนี้
หาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เรียกสเปอร์สว่า "แฮร์รี เคน ทีม" คงไม่เกินเลยนักที่เราจะเรียกพาเลซว่าเป็น "วิลฟรีด ซาฮา ทีม"
แจ้งเกิดเต็มตัว...คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
เอ็มบั๊ปเป้ เพิ่งอายุครบ 19 ปี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ของปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้แฟนบอลทั่วโลกต่างรับรู้ถึงฝีเท้าอันเปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่างไร้ข้อกังขา
ฤดูกาลก่อน "น้องเป้" พาโมนาโกหยุดการผูกขาดของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยการผงาดแชมป์ลีก เอิง ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี พร้อมทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสมีครบทั้งทักษะ ความสามารถ สปีด ความฉลาดในการเรียนรู้ และสิ่งแวดล้อมหนุนส่งให้ยกระดับมากยิ่งขึ้นหลังย้ายจากโมนาโกมาร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในฤดูกาลนี้
เมื่อหมดยุคของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ หัวหอกความเร็วสูงวัย 19 ปีคนนี้แหละที่เป็นหนึ่งในแข้งตัวเต็งบัลลงดอร์คนต่อไป
ทีมน่าประทับใจ
ตำแหน่งนี้ยกให้ เบิร์นลี่ย์ ของกุนซือ ฌอน ไดช์ ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเวทีพรีเมียร์ลีกทั้งที่ไร้สตาร์ดังเชิดหน้าชูตา
เบิร์นลี่ย์ อาจไม่ได้เล่นเกมรุกดุดันแบบ แมนฯ ซิตี้ แถมเปอร์เซ็นต์ครองบอลในแต่ละเกมต่ำเตี่ยเริ่ยดิน และทำประตูได้น้อย แต่สำคัญคือการยืนหยัดท้าทายบรรดาทีมหัวแถวอย่างไม่เกรงกลัว พวกเขาสู้ยิบตาแบบไม่สนว่ากำลังเผชิญหน้ากับใคร
ฤดูกาลนี้ เบิร์ลี่ย์ หาญกล้าบุกชนะ เชลซี ถึงรัง รวมถึงมีแต้มตลอดในการไปเยือน ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส, เอฟเวอร์ตัน และ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งทีมใหญ่ลุ้นแชมป์ด้วยกันเองยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไดช์ เค้นเอาศักยภาพของลูกทีมออกมาได้อย่างเต็มที่ เล่นในแบบฉบับตัวเองเพื่อผลการแข่งขันที่ต้องการ แสดงให้หลายทีมเห็นว่าหากสามารถหาวิธีการที่ใช่สำหรับแต่ละนัดได้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีข้ออ้างเรื่องเงินทองที่น้อยกว่าบรรดายักษ์ใหญ่
นี่คือตัวอย่างที่ดีที่สุดในแง่การรวมใจสู้ ทำงานหนัก มีระบบการจัดการในทีมที่ดี รวมถึงมีกุนซือที่ดีอย่าง ฌอน ไดช์
โมเมนต์แห่งปี
ฟุตบอลเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาหลายต่อหลายอย่าง และสำหรับแฟนบอลเรือใบด้วยแล้ว คงไม่สามารถเรียกร้องความสุขจากการเชียร์ทีมรักได้มากกว่าที่เป็นอยู่
เรือใบสีฟ้าออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้อย่างร้อนแรงจนสร้างสถิติใหม่ชนะติดต่อกันในลีกได้ถึง 18 นัด พร้อมตัวเลขการทำประตูเฉลี่ยเกิน 3 ประตูต่อนัด
ทีมของเป๊ป ทุ่มทุนไปไม่น้อยก็จริง แต่ผลลัพท์ที่ออกมาก็คุ้มค่า และได้ใจแฟนบอลกับฟุตบอลเกมรุก สวนทางกับหลายทีมที่เน้นเกมรับและสนใจเพียงผลการแข่งขัน
นอกจากนี้ เป๊ป ยังพัฒนาผู้เล่นหลายคนให้ก้าวขึ้นมาอีกระดับไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์, เลรอย ซาเน่, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ จอห์น สโตนส์
แมนฯ ซิตี้ ทิ้งห่างคู่แข่งในลีกเกินสิบคะแนน โอกาสแชมป์อยู่ในมือตัวเอง ขณะที่รายการอื่นก็ไปได้สวย และอยู่บนเส้นทางประวัติศาสตร์กวาดทั้ง 4 แชมป์ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
พวกเขามีคุณสมบัติที่จะประสบความสำเร็จและเป็นที่จดจำไม่ว่าจะเป็นโค้ชที่มีฝีมือ นักเตะอยู่ในวัยฉกาจฉกรรจ์ เกมรุกลงตัวและไหลลื่น เกมรับเหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม และหลายนัดที่เหมือนจะติดขัดก็ยังเอาตัวรอด ลุยเข้าใส่จนวินาทีสุดท้ายจนได้ประตูที่ต้องการ
ยังไม่รู้ว่าฤดูกาลอันน่าตื่นเต้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะจบลงอย่างไร แต่เท่าที่เห็นในตอนนี้ก็พอจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดของโลกไปแล้ว
เท่าที่ไล่ย้อนหลังทบทวนดูคงไม่มีปีใดที่แข้งดังต่างพร้อมใจประกาศแขวนสตั๊ดอำลาฟลอร์หญ้าที่พวกเขาหลงรักมากมายและพร้อมเพียงกันเท่าปี 2017 ที่ผ่านมา
แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ชาบี อลอนโซ่, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เดิร์ค เค้าท์, ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ, อันเดรีย ปีร์โล่, กาก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, เซ โรแบร์โต้ และ โทมัส โรซิชกี้ ต่างปิดฉากอาชีพองตัวเองลงทั้งหมด ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันสุดเหลือเชื่อของแต่ละคน
ขณะที่การอำลาทีมชาติอิตาลีอย่างชอกช้ำหลังพลาดตั๋วฟุตบอลโลกของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ก็เศร้าสะเทือนใจไม่น้อยไปกว่ากัน และคงได้ปิดฉากอาชีพเต็มตัวหลังจบฤดูกาลนี้หากยังไม่สามารถปลดล็อกคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างที่ต้องการได้เสียที
รวมตัวเลขน่าสนใจ
24 : คือจำนวนทีมทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติที่ แฮร์รี่ เคน ยิงประตูได้ตลอดปี 2017 ที่เขาทำสถิติซัลโวมากสุด 56 ประตู
626 : ค่าฉีกสัญญา หน่วยเป็นล้านปอนด์ที่บาร์เซโลน่าใส่ไว้ในสัญญาฉบับใหม่ของ ลิโอเนล เมสซี่
60 : คือจำนวนปีที่ อิตาลี ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก่อนสิ้นสุดลงเมื่อตกรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 จากการพ่ายสวีเดนในรอบเพลย์ออฟ
