:::     :::

"รอยคีนโอเวอร์เรท?" และความเหมือนของแมนยู-ลีดส์จากปาก Alan Smith

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,515
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อลัน สมิธ เชื่อว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับลีดส์ยูไนเต็ด สองทีมนี้มีอะไรที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก ซึ่งมันมากกว่าที่แฟนบอลคู่อริของทั้งสองฝ่ายอยากจะยอมรับเรื่องดังกล่าว และประเด็นที่รอย คีนถูกมองว่าโอเวอร์เรท กับการเป็นตัวแทนคีโน่ให้ได้ของสมัดเจอร์

อลัน สมิธเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ย้ายข้ามฝั่งเทือกเขาเพนไนน์สที่คั่นกลางจากลีดส์มาแมนยูไนเต็ดในปี2004 นั่นจึงทำให้เขาอยู่ในสถานะที่สามารถเปรียบเทียบสโมสรทั้งสองนี้ได้ ซึ่งปีศาจแดงกับยูงทองก็มีคิวที่กำลังจะลงฟัดกันในวันอาทิตย์สุดสัปดาห์นี้ที่สนาม Elland Road

สมัดเจอร์ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในสกู๊ป UTD Podcast เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วซึ่งบทสัมภาษณ์มีความยาวเป็นชั่วโมงๆ และหนึ่งในหลายๆเรื่องที่นำมาพูดคุยกันนั้น อดีตนักเตะยูงทอง-ปีศาจแดง วัย40ปีรายนี้ กล่าวว่า เพราะความคล้ายคลึงระหว่างถิ่นแลงคาเชียร์กับยอร์คเชียร์นั้นทำให้เขามาปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตที่โอลด์แทรฟฟอร์ดได้ง่ายมากๆ

"คุณก็รู้ดีเกี่ยวกับpassionที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองสโมสร นั่นแหละสาเหตุที่ผมรักการลงเล่นให้กับทั้งสองที่แห่งนี้ ทั้งคู่โคตรเหมือนกันมากๆ"

"แฟนลีดส์คงไม่ชอบสักเท่าไหร่ถ้าผมจะพูดนะ แต่ว่าคาแรคเตอร์เฉพาะตัวของทั้งสองสโมสรนั้นโคตรของโคตรคล้ายกันเลยในแง่ของความเชื่อ, ประวัติศาสตร์สโมสร, บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสโมสร รวมถึงสไตล์ด้วย"

"passionของแฟนบอลเหมือนกันเป๊ะ ผมจึงคิดว่ามันคงเป็นสาเหตุว่าทำไมการย้ายทีมของผมมันจึงสบายมากในขวบปีแรก"

"การมาอยู่ในทีมที่รายล้อมไปด้วยนักเตะระดับโลกหลายๆคน มันยิ่งทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อยด้วย"

เกมวันอาทิตย์นี้ระหว่างลีดส์ยูไนเต็ด vs แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เอลแลนด์โร้ด นัดล้างตาจากนัดแรกที่โอลด์แทรฟฟอร์ดนั้น เป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนผีจะต้องจดจำในฤดูกาล 2020/21 เพราะการเจอกันครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขานั้นต้องย้อนกลับไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2004 เลยทีเดียว

สมิธเป็นผู้พังประตูตีเสมอให้ยูงทองในเกมเสมอกัน 1-1 นัดนั้น แต่หลังจากนั้นเขาก็สร้างความเดือดดาลให้กับแฟนลีดส์ด้วยการมาเซ็นสัญญากับปีศาจแดง หลังจากที่สโมสรในวัยเด็กของตัวเขาเองได้ตกชั้นลงไปเดอะแชมเปี้ยนชิพอย่างเป็นทางการ

แต่ถามว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากการย้ายข้ามฟากมาฝากชีวิตในสังเวียนเหย้าของคู่อริซึ่งมีรหัสไปรษณีย์ M16 0RA. อย่างโอลด์แทรฟฟอร์ดนั้น มันมีแต่เรื่องที่จะเดือดกันอย่างเดียวหรือไม่? ก็ไม่ถึงขนาดนั้น

เพราะการย้ายทีมในครั้งนั้นมันดีต่อทุกๆฝ่ายอย่างมาก สมิธจะได้พิสูจน์ตัวเองกับทีมที่อยู่ในระดับสูงสุด ในขณะที่ลีดส์เองก็ได้กำไรจากการขายกลับคืนไป ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากทางด้านการเงินพอดี

"ตอนที่เอริค(คันโตน่า)ย้ายไปแมนยูไนเต็ด ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กๆอยู่ และผมก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ปาหินใส่รถบัสทีมแมนยูด้วยมั้งตอนที่เขาเดินทางมาที่นี่ (ฮา) ไม่ๆๆ หรืออาจะไม่ได้ทำมั้ง แต่คุณก็คงเข้าใจที่ผมจะสื่อนะ ผมยังลงเล่นกับลีดส์อยู่ ตอนที่ริโอ(เฟอร์ดินานด์)ย้ายออกจากทีมมาอยู่แมนยูแล้ว และผมคิดว่ากรณีนี้มันต่างออกไปนิดหน่อยสำหรับผม เพราะผมเป็นหนึ่งในนักเตะที่เป็นสมบัติของสโมสร ถ้ามองในลักษณะนั้น"

"ผมอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่สิบขวบเลย ดังนั้นมันก็เลยเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาที่ผมเลือกจุดหมายปลายทางย้ายทีมเช่นนี้"

"ถ้าหากจะถามผม ผมคิดว่าพวกเขาควรจะภูมิใจที่เด็กปั้นตั้งแต่อายุน้อยๆของพวกเขาสามารถก้าวเดินไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะมีคุณภาพมากพอ"

"จริงอยู่ว่าเราไม่ควรจะลืมเรื่องที่ว่ามันมีความเป็นปฏิปักษ์กันระหว่างลีดส์กับแมนยูไนเต็ดอยู่ ซึ่งจริงๆมันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับผมนะ เนื่องจากว่ามันเป็นการตัดสินใจโดยยึดเหตุผลที่ว่ามันดีกับการเงินของลีดส์ด้วย และก็ดีกับการเล่นฟุตบอลของผมด้วยเช่นกัน"

นอกจากเรื่องราวการย้ายทีมในครั้งนี้ของเขาแล้ว เรื่องราวหลังจากได้เข้ามาอยู่ในโรงละครแห่งความฝัน Alan Smith ยังยืนยันว่า ชื่อเสียงด้านความน่าสะพรึงกลัวของ Roy Keane ในการเป็นผู้นำทีมนั้น มันไปบดบังความสามารถอันสุดยอดในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลางเป็นอย่างมาก

จากการเป็นแขกรับเชิญให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวดังกล่าว สมิธก็ถูกถามในประเด็นที่ว่า รอย คีน นั้น "โอเวอร์เรท" หรือไม่ จากคำวิจารณ์ที่มีข้อสงสัยในตัวเขา ซึ่งดาวเตะจากยอร์คเชียร์รายนี้ก็ตอบกลับอย่างหนักแน่น โดยอธิบายว่า ฟอร์มการเล่นของคีโน่ตอนที่อยู่กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และช่วงยุคทองของเขากับแมนยูไนเต็ดนั้น เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงคลาสการเล่นระดับสูงอย่างมาก ในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลางของเขา

"ผมจะบอกว่าผมดูรอย คีนตั้งแต่สมัยอยู่น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และตอนที่เขาย้ายมาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใหม่ๆ เราจะยึดเรื่องนั้นเป็นหลักเลย เพราะคนส่วนใหญ่มักจะลืมประเด็นนี้ และพวกเขามองไม่เห็นภาพรวมกว้างๆเกี่ยวกับการพัฒนาของรอยในการเป็นนักเตะ และเขาพัฒนาขึ้นมาเป็นนักเตะที่ขาดไม่ได้ ผ่านปัญหาอาการบาดเจ็บ และอื่นๆอีกมากมาย"

"จริงๆคำถามนี้ สำหรับผมแล้วไม่จำเป็นต้องตอบเลยด้วยซ้ำ เรื่องที่ว่า [รอย คีน overratedรึเปล่า] คุณก็ดูเอาเลยว่าเขาเล่นได้ดีขนาดไหนตอนเป็นมิดฟิลด์ box to box ในสมัยยังหนุ่มๆ และสุดยอดเพียงใดกับการเล่นมิดฟิลด์ตัวรับในช่วงปลายๆอาชีพ"

สมิธยังกล่าวอีกว่า แรงขับและความมุ่งมั่นที่เข้มข้นของคีน บางทีมันทำให้ผู้คนมองข้ามคลาสบอลของเขาไป หากมุมมองไม่ได้มาจากเพื่อนร่วมอาชีพของเขา

"คุณไปถามใครก็ได้ที่เคยลงเล่นกับเขา หรือลงปะทะกับเขามาก่อน ผมจะบอกว่า99%จะตอบเหมือนกันหมดแน่นอน"

"ไม่ใช่เพราะว่ารอย คีนเป็นหัวหน้าทีมของตัวเองนะ แต่ถามแบบนี้มันคือการไม่ให้เกียรติเขาในฐานะนักฟุตบอลด้วย เพราะไม่ใช่ว่าใครจะมาเป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ได้ มีความเป็นผู้นำอย่างเดียวมันไม่พอ

ส่วนเรื่องที่บอกว่าเขา overrated มันเป็นคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยแฟร์สักเท่าไหร่ สำหรับการพูดถึงคนที่อาจจะเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวกลางที่เก่งที่สุดของพรีเมียร์ลีกเลยซะด้วยซ้ำ"

เดิมทีสมิธนั้นลงเล่นเป็นstrikerตัวจบสกอร์ในช่วงแรกๆสมัยอยู่เอลแลนด์โร้ด แต่ถูกใช้ลงแทนตำแหน่งมิดฟิลด์บ่อยครั้งขึ้นหลังจากย้ายมาลงเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันในการที่พยายามจะ"เดินตามรอย" คีนให้ได้

"ไม่มีใครจะมาแทนรอยคีนได้ ทั้งในฐานะผู้เล่น ทั้งคาแรคเตอร์ที่เขามี โดยเฉพาะกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด"

"ผมยังไม่คิดว่าทำได้สำเร็จ และมันจำเป็นอย่างมากที่เราต้องการคนอย่างรอย คีน อยู่ในห้องแต่งตัว หรืออยู่ในสนามเหมือนอย่างที่รอยเป็น ไม่มีใครเลียนแบบเขาได้ เพราะงั้นผมเลยต้องพยายามทำงานในตำแหน่งเดียวกันนี้ให้ดีที่สุด ด้วยความรู้สึกประมาณว่า 'นายจะต้องเป็นรอย คีน' แบบนี้ให้ได้ ซึ่งผมก็เป็นแบบคีนไม่ได้จริงๆ"

"ถ้ารอยฟิตสมบูรณ์ ผมคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้นก็ได้"

"บางทีการเปลี่ยนตำแหน่งมันอาจเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานาน มากกว่าที่จะต้องทำด้วยความจำเป็นแบบเร่งด่วน ส่วนเรื่องศักยภาพนั้น บางทีผมอาจจะนำมาใช้ได้เพราะว่าผมเข้าแทคเกิลได้ และก็กล้าพอที่จะเข้าบอล และความแกร่งทางกายภาพก็เพียงพอจะเอาอยู่ แต่ไม่ใช่เพราะว่าสมรรถภาพที่แท้จริงของผมจะการันตีตำแหน่งนั้นได้ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรอย และมันเศร้าใจที่เขาจบเส้นทางตรงนั้นและย้ายออกไปเซลติค ซึ่งผมไม่มีโอกาสเรียนรู้จากเขาอีกต่อไป"

สมิธยังบอกอีกว่าเขายังคงรู้สึกอัศจรรย์ใจในช่วงเวลาที่ตัวเองอยู่โอลด์แทรฟฟอร์ด และเปิดเผยว่าการกระหายความสำเร็จในตัวคีนนั้นเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ในทีมที่เต็มไปด้วยคู่แข่งชั้นยอดอยู่เต็มไปหมด

"ผมมองย้อนกลับไปแล้วนึกๆดูว่า 'อะไรเป็นแรงขับที่ทำให้พวกเขานักเตะกลุ่มนี้พยายามทำให้มั่นใจว่าเขาจะทำได้สำเร็จอยู่ตลอดเวลา?' สำหรับผมคือข้อแตกต่างที่ใหญ่หลวงที่สุดเลย คือการที่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในทีมต่างก็เรียกร้องซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น

"พวกเขามีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน คีน กิ๊กส์ สโคลส์ พวกเนวิลล์ ทั้งหมดมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเขาทุกคนมีความต้องการภายในที่อยากจะเป็นที่สุดด้วยกันทั้งหมด ซึ่งมีทีมฟุตบอลเพียงแค่ไม่กี่ทีมเท่านั้นที่มีกลุ่มนักเตะลักษณะแบบนี้อยู่รวมตัวกัน ในช่วงเวลาหลายๆปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมไปจนถึงประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่ผ่านมาของเกมฟุตบอลเลยเท่าที่ผมรู้ ไม่กี่ทีมจริงๆที่ไปถึงระดับนั้นได้ และทุกคนก็ยังคงตามหาทีมแบบนั้นให้ได้เจออีกครั้ง"

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่นักเตะรายนี้เปิดเผยให้เราฟัง เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวมากมาย ทั้งเหตุผลเรื่องการยอมย้ายทีมข้ามฟากโดยตรงระหว่างโคตรคู่อริ และต่อเรื่องราวที่ถูกถามเกี่ยวกับรอย คีน ต่อเรื่องที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนจะเก่งเกินกว่าความเป็นจริง ทุกอย่างมีคำตอบหมดแล้ว

ต้องบอกว่าสำหรับอลัน สมิธ เป็นนักเตะที่ชอบที่สุด ติดลิสต์ท็อปทรีตลอดกาลในดวงใจผู้เขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นทั้งแฟนบอลลีดส์กับแมนยูไนเต็ดในเวลาเดียวกันแล้ว การย้ายทีมของสมิธจากยูงทองมาอยู่กับปีศาจแดง ถือเป็นดีลในฝันของเราอย่างมากที่ไม่รู้อีกกี่ชาติจะเกิดขึ้นอีก นับตั้งแต่ดีลของคันโตน่าและสมิธเป็นต้นมา

น่าเสียดายว่าช่วงเวลาของสมัดเจอร์กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อุตส่าห์บุญมี ได้ย้ายมาอยู่ยูไนเต็ดแล้ว แต่เวลานั้นทีมก็มีนักเตะชั้นอ๋องอยู่เต็มไปหมดซึ่งฝีเท้าเหนือกว่าเขาจริงๆในตำแหน่งกองหน้า ไม่ว่าจะเป็นรุด ฟาน นิสเตอรอย, เวย์น รูนีย์ หรือหลุยส์ ซาฮา

อันนี้ต้องยอมรับจริงๆ เพราะสำหรับที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญสุด และกองหน้าก็ต้องพังประตูเท่านั้น ดังนั้นจึงเกิดทางออกด้วยการลองใช้อลัน สมิธเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ ตามคำแนะนำของรอย คีน อาจารย์และโรลโมเดลของสมัดเจอร์ในการเล่นตำแหน่ง Defensive Midfielder

แน่นอนว่า ความบ้าระห่ำระดับกระซวกไส้แตกของการไล่เสียบคู่แข่งด้วยไม้เสียบลูกชิ้นที่ปักไว้ปลายสตั๊ดของเขา จนคู่แข่งลงไปดิ้นพราดๆ ถือเป็นความบันเทิงที่มันส์สะใจระดับห้าดาวที่สนุกกว่าการดูคนเหล็ก2029ภาค2 ในบิ๊กซินีม่า โปรแกรมเพชรหนังพันล้านซะอีกสำหรับแฟนบอลและติ่งเบอร์หนึ่งอย่างเรา

แต่ก็ต้องยอมรับอีกครั้งว่าในการมาเล่นตำแหน่งกองกลางมันก็ยังไปไม่สุดทางอยู่ดี แม้ว่าช่วงปลายๆสมัยอยู่ลีดส์ก็เริ่มต้องทำแบบนั้นมาบ้าง เพราะทีมมีกองหน้าตัวใหม่ๆเข้ามาเสริมทีมตลอด ไม่ว่าจะร็อบบี้ คีน หรือร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดังนั้นสมิธจึงต้องลองลงกองกลางให้ทีมมาบ้าง ซึ่งก็อยู่ในระดับที่พอเล่นได้

แต่การเล่นมิดฟิลด์ตัวรับมันก็มีขีดจำกัดสำคัญอยู่ หากว่าเป็นการใช้งานในการทำลายเกมคู่แข่งอย่างเดียวก็พอจะได้ แต่มิติของเขาไม่เพียงพอจะใช้ยืนตำแหน่งนี้ได้อย่างเหมาะสมไปตลอด อย่างที่เจ้าตัวก็พูดไว้เอง

และยิ่งการบาดเจ็บหนักหลังจากเล่นเกมรับอย่างทุ่มเทสุดชีวิตเข้าไปบล็อคลูกยิงที่ไม่มีนักบอลคนไหนบนโลกนี้บ้าเลือดวิ่งเข้าไปบล็อคลูกยิงของยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ยิ่งทำให้อนาคตของสมิธมืดมนหนักเข้าไปอีก

ภาพที่แฟนแมนยูเจ็บปวดมากที่สุดที่สมิธขาหักในเกมแดงเดือด และถูกหามออกจากสนามแอนฟิลด์ไป พร้อมให้ออกซิเจนไปด้วยอย่างที่หัวใจแฟนบอลแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากเจ้าถิ่นอย่างเดอะค็อปอย่างสมเกียรติในความกล้าหาญและทุ่มเทเพื่อสโมสรในทุกๆนัดที่ลงสนาม

แต่หลังจากนั้นสมัดเจอร์ไม่สามารถกลับมาอยู่ในฟอร์มสุดยอดได้อีกเลย และต้องเล่นในลักษณะประคองตัวเท่านั้น ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับนิวคาสเซิล, เอ็มเคดอนส์ ก่อนจะแขวนสตั๊ดกับน็อตต์ เคาน์ตี้ในปี2018

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แม้เขาจะไม่ใช่กองหน้าที่ยิงคู่แข่งระเบิดระเบ้อ ไม่ใช่นักเตะที่เล่นฟุตบอลเก่งที่สุด แต่สิ่งที่เราพูดได้ก็คือ อลัน สมิธ คือตัวแทนเบอร์หนึ่งของ "ความทุ่มเท" และ "ความกล้าหาญ" ที่เล่นเกมบู๊ล้างผลาญในสนามอย่างแท้จริง

เพราะถ้าเอ่ยคำนี้ ภาพที่จะขึ้นมาคือการวิ่งไล่บอลในสนามอย่างสุดกำลังอย่างไม่หยุดยั้งของเขา และการเข้าบอลสุดตัวโดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ ขอเพียงแค่เอาบอลกลับมาให้ทีมได้แค่นั้น เขาจะพุ่งเข้าเสียบโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น

มันคือความสะใจของPassionและความทุ่มเทระดับทะลุปรอทแตกที่สุดในสนามคนนึง แบบที่ไม่คิดว่าจะมีใครบ้าเลือดได้เช่นนี้อีกแล้ว ซึ่งในยุคนี้ก็หาได้ยากจริงๆ

และนั่นแหละที่มันทำให้เราประทับใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ ในฐานะนักเตะที่ชอบที่สุดตลอดกาลในดวงใจอีกคนนึง

เมื่อใดก็ตามที่เกมการแข่งขันหมุนเวียนมาเป็น "สงครามดอกกุหลาบ" ที่เป็นการเจอกันระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับลีดส์ยูไนเต็ดขึ้นมา เขาคือชื่อแรกที่จะผุดขึ้นมาก่อนทุกครั้ง ในฐานะความทรงจำที่เป็นลูกหม้อแฟนพันธุ์แท้ของยูงทอง ผู้ซึ่งหาญกล้าย้ายมาสู่ทีมที่แฟนบอลของเขาเองเกลียดขี้หน้าที่สุดอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

แต่ย้ายมาก็ลงเล่นให้แมนยูด้วยความทุ่มเทสุดชีวิตอย่างโคตรเท่ในสีเสื้อแดงเพลิงของปีศาจแดงเช่นกัน จนเอาชนะใจแฟนบอลแมนยูไนเต็ดได้สำเร็จ

เจ้าชายผู้ปักดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวไว้ในหัวใจ .. Alan Smith

-ศาลาผี-

References

https://www.manutd.com/en/news/detail/utd-podcast-alan-smith-talks-united-leeds-and-his-2004-transfer

https://www.manutd.com/en/news/detail/utd-podcast-alan-smith-says-the-class-of-former-man-utd-captain-roy-keane-should-not-be-disrespected

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด