พบกันในวันอาทิตย์อุทัย
อาจด้วยบังเอิญ โรงแรมที่ฉันอยู่ (Ramada at Zhongshan Park) ตั้งตรงข้ามที่พักนักฟุตบอลซีเกมส์
(Days Hotel) แบบที่มีเพียงสวนเล็กๆกั้นไว้ ทำให้ฉันแทบเห็นทุกกิจกรรมการฝึกซ้อมของทีมชุดนี้
และเขาที่อายุน้อยสุดในทีม
ท่ามกลางกลิ่นอายความเศร้า ฉันเห็นแววตาที่แข็งกร้าว มันคือแววตาที่พร้อมสู้เพื่อให้ทีมชนะ ก่อนชื่อ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ จะเป็นหนึ่งในคีย์แมนช่วยทีมคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ
มูนวอล์กเข็มนาฬิกากลับไป เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่เติบโตตามวัฏจักรลูกหนังฉบับไทย เริ่มเล่นฟุตบอลสมัยเรียน มงฟอร์ตวิทยา เชียงใหม่ พบตัวเองในถิ่นอีสานใต้บนถนนนักเตะอาชีพของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวัยเพียง 15 ปี
หลังเสริมสร้างประสบการณ์ฟุตบอล 2-3 ปี “อินซ์” ถูกส่งไปบ้านใกล้เรือนเคียงที่ สุรินทร์ และทำผลงานได้จนถูกผายมือคารวะ “ปราสาทสายฟ้า” ดันเขาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่สโมสร ขณะที่เขามีอายุ 18
อย่างไรก็ดี การอยู่ท่ามกลางพ่อค้าแข้งมากฝีตีน ส่งให้เจ้าตัวได้รับโอกาสเพียงหยิบมือ ก่อนเป็น บางกอกกลาส เอฟซี ที่ยื่นมือมาขอ “อินซ์” ไปชุบฝีเท้า
ทว่าหลังจากนั้นชื่อ เชาว์วัฒน์ จะเงียบงันในสารบบดาวรุ่ง
แม้จะมีชื่อติดทีมชาติสม่ำเสมอ หากแต่ในรั้ว ลีโอ สเตเดียม เขาเป็นเพียง “อะไหล่” ที่คอยทดแทนรุ่นพี่คนอื่นภายในทีม คนฟุตบอลข้างฉันหลายคนบอกในวงสนทนาลูกหนังแกล้มเบียร์ ขวบวัยแห่งการพัฒนาของ “อินซ์” หยุดหมุนแล้ว เขาจะเป็นเพียงนักฟุตบอลธรรมดาที่เตรียมบอกลายูนิฟอร์มทีมชาติ หลังผ่านวัย 23 ปี
“ลางเนื้อชอบลางยา” ความคิดใครความคิดมัน ฉันเพียงยิ้มรับพลางกระดกแก้วเบียร์แทนคำตอบ
เอาเข้าจริงฉันทราบตั้งแต่หลังแมตช์ที่ บางกอกกล๊าส แพ้ พัทยา 2-5 ช่วงท้ายฤดูกาลแล้วว่า สโมสรอาจไม่ใช้งาน “อินซ์” ในปี 2018 แต่เหมือนโชคชะตาจะเขียนสคริปต์ให้เขาได้ไปต่อในวันอาทิตย์อุทัย เมื่อ เซเรโซ โอซากา ยักษ์ใหญ่แถบภูมิภาคคันไซ เจ้าของ 2 แชมป์ (วายบีซี ลูวาน คัพ และ ถ้วยพระจักรพรรดิ) ยื่นข้อเสนอมาถึงเขา
ถนนลูกหนังสายใหม่ถูกเกลี่ยรอ “อินซ์” แม้เจ้าตัวจะเคยถูกส่งไปร่วมซ้อมกับทีมที่ญี่ปุ่นมา ทว่าหนนี้คือการลงฟลอร์หญ้าภาคปฏิบัติของจริง ไม่มีห้องเรียนสี่เหลี่ยม มีแต่เพื่อนร่วมทีมต่างสัญชาติ อากาศที่พร้อมบาดทุกอณูขุมขน และสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่า “ความกดดัน”
นั่นคือบททดสอบภาคปฏิบัติที่ “อินซ์ ต้องเจอนอกจากวิชาลูกหนังในแดนอาทิตย์อุทัย
อาจเป็นระยะเวลาเพียง 3 เดือน ที่เวทีสีเขียวในเมืองโอซากาผายมือรับ เชาว์วัฒน์ และคงไม่ต่างจาก “วีซ่าลูกหนัง” ที่ให้โอกาสเขาได้อาละวาดฝีตีนได้เต็มที่ หากเจ๋งจริงวีซ่าฉบับใหม่อาจถูกหยิบยื่นให้อยู่ต่อ แต่ถ้าไม่เขาคงกลับมาตะบันชีวิตที่ปทุมธานี ตามเดิม
พ่อของอินซ์ เคยบอกไว้ เขาหวังว่าการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ว่าจะได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ หรือ ทีม U-23 เขาต้องการให้ลูกเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้มากที่สุด เพราะรู้เต็มอกว่าลูกถูกความมั่นใจลักขโมยไป จากการได้ลงสนามเพียงจำกัด
ปัจจุบันขณะ “อินซ์” ถอดยูนิฟอร์มทีมชาติ U-23 ชุดชิงแชมป์เอเชียวางไว้ พร้อมเตรียมเกาะนกเหล็กไปลงซ้อมกับ เซเรโซ โอซากา ในช่วงพรีซีซั่นที่จะถึง
ไม่ได้รู้จักมักจี่สนิทถึงขั้นเปลือยชีวิตกัน แต่เป็นเพียงคนๆหนึ่งที่เคยสัมภาษณ์ “อินซ์” ตามหน้าที่การงาน และอยากเห็น เชาว์วัฒน์ คนเดิมกลับมาร่ายมนต์ลูกหนังให้ดูอีกครั้ง
ขอให้โชคดีที่โอซากา...