:::     :::

ขุมกำลังน่าจับตาของ3น้องใหม่

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,141
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การเลื่อนชั้นขึ้นมาของ หนองบัว พิชญ เอฟซี, เชียงใหม่ เอฟซี และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด นอกจากเป็นที่จับตามองของทุกๆคนแล้ว ยังรวมถึงบรรดาแข้งไทยของพวกเขา ที่กำลังจะได้มาเฉิดฉายบนลีกสูงสุดอีกด้วย ซึ่งทั้ง 3 ทีมนั้นจะมีใครบ้างที่น่าสนใจ วันนี้เรารวบรวมเอาไว้สักทีมละ 2 คนมาให้ทุกคนได้ชมกันครับ


หนองบัว พิชญ เอฟซี

 ด้วยความรักในถิ่นกำเนิด การเทคโอเวอร์ หนองบัว พิชญ เอฟซี ของ สุเทพ ภู่มงคลสุริยา พร้อมกับการเข้ามาเป็นประธานสโมสร สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีมอย่างมาก เพราะการได้แชมป์ไทยลีก 2 ถือเป็นเมเจอร์แรกในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นทีมแรกอีกด้วย


ยุทธพงษ์ ศรีละคร (เซนเตอร์ฮาล์ฟ)

 จากที่เคยเป็นอดีตนักมวยไทยและนักมวยสากล ตั้งแต่ 9 ขวบ ต่อยมวยมากกว่า 100 ไฟท์ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะผันตัวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในวัย 23 ขวบ จนผ่านการแข้งมากับหลายทีม

 ไม่ว่าจะเป็น อยุธยา เอฟซี ปี 2009 , สระบุรี เอฟซี ปี 2010-2015 , สุโขทัย เอฟซี ปี 2016-2018 , ศรีสะเกษ เอฟซี ปี 2019 และล่าสุดกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ในปี 2020 ซึ่งทีมนี้เองที่เขาพาผงาดคว้าแชมป์ไทยลีก 2 

 และยังเป็นทีมที่ 3 ในชีวิตอันน่าจนจำ สำหรับการพาเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเมืองไทยแบบสง่าผ่าเผย รวมทั้งได้รับการต่อสัญญาให้อยู่ในถิ่น "พญาไก่ชน" ออกไปอีก 1 ฤดูกาล เพื่อการันตีว่าอายุ 35 ปีของเขา กลับไม่ใช่ปัญหาของ "กัปตันเจ๋ง"

 ชื่อของ ยุทธพงษ์ ศรีละคร น่าจะเป็นโลโก้ที่ผงาดกับคำว่า "ปลุกใจ" เพราะก่อนเขาลงสนาม เขาจะพูดคีย์เวิร์ดในการล้อมวงรวมพลัง เพื่อปลุกใจให้กับเพื่อนๆนักเตะทุกคนลงไปเก็บชัยชนะเพื่อแฟนบอลให้ได้

 ขณะเดียวกันการดูแลร่างกายที่ยังยอดเยี่ยม เข้าชั้นดีทุกๆสัดส่วน นี่คือหนึ่งความเป็นมืออาชีพของดาวเตะที่ถือกำเนิดใน จ.ขอนแก่น อย่างมาก สมแล้วที่ "พญาไก่ชน" มอบสัญญาฉบับใหม่มาให้กับปราการหลังผู้นี้

 การเล่นไทยลีกหนที่ 3 กับสโมสรที่ 3 ของเขาจะเป็นอย่างไร บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่น่าติดตามอย่างแท้จริง


ณัฐพงษ์ ขจรมาลี (ผู้รักษาประตู)

 นี่คือ ดีลที่น่าถวิลหาอย่างมากสำหรับการเลื่อนชั้นครั้งนี้ของ หนองบัว พิชญ เอฟซี เพราะการเป็นแชมป์ ลีก คัพ 2019 ของ พีที ประจวบ เอฟซี นั้น มาจากชายที่สวมหมวกลงไปเฝ้าเสาแทน ขวัญชัย สุขล้อม เพราะติดสัญญายืมตัวในการเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 หลังหมดสัญญากับ "ต่อพิฆาต" ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้ของ "อิคคิว"ณัฐพงษ์ ขจรมาลี ค่อนข้างมีความสำคัญอย่างมาก เพราะนี่เป็นดีลที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี เลือกมากับมือแถมยังได้อยู่กับกุนซือคู่บุญอย่าง "โค้ชวัง"ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล

 เขากับ "โค้ชวัง" จะร่วมงานกันเป็นสถานีที่ 4 ต่อจาก เพื่อนตำรวจ, ชัยนาท ฮอร์นบิล และอ พีที ประจวบ เอฟซี แน่นอนว่าอาจจะเป็นเครื่องการันตีความสามารถ ที่อดีตกองกลางเท้าหนักทีมชาติไทย มองเห็นจากผู้รักษาประตูร่างยาวคนนี้

 ขณะเดียวกันจุดเด่นของ "อิคคิว" ไม่ใช่เพียงแค่รูปร่างที่สูงโปร่งเท่านั้น เพราะความขยัน ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท ทั้งในการฝึกซ้อมตลอดจนการลงสนาม ทำให้เขาได้รับการยอมรับอย่างมากในวงการมือกาวของเมืองไทย ณ เวลานี้

 อีกคนที่สามารถการันตีได้ก็คือ "โค้ชเค"พรรษา มีสัตย์ธรรม อดีตโค้ชผู้รักษาประตู พีที ประจวบ เอฟซี ที่จะตามมาร่วมงานกันในถิ่น "พญาไก่ชน" ซึ่งเขาเองยอมรับในทัศนคติของ "อิคคิว" อย่างมาก แม้ว่าในช่วงอยู่ถิ่น "ต่อพิฆาต" อาจจะเป็นตัวสำรองก็ตาม

 ในวัย 27 กะรัต ถือว่ากำลังเป็นวัยสุกงอมอย่างมากของนายด่านรายนี้ เชื่อว่าเขาจะเป็นขวัญใจคนใหม่ของสาวก หนองบัว พิชญ เอฟซี ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

 ต่อกันที่รองแชมป์จากไทยลีก 2 ภายใต้การคุมทีมของกุนซือใหม่ถอดด้าม "โค้ชอั๋น" สุรพงษ์ คงเทพ สโมสรแห่งนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น ในการผงาดมาสู่ลีกสูงสุดได้อย่างน่าชื่นชม โดยพวกเขาเองมีดาวเด่นที่มาจากลีกพระรองอันน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว


รณพีร์ เชยคำดี (กองหลัง)

 หนึ่งในแข้งที่น่าจับตามองอย่างมากของทีมน้องใหม่ในไทยลีก 2021-2022 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกๆคนอยากจะเห็นฟอร์มการเล่นทีแข็งแกร่งของหลังบ้าน เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ซึ่งเขาลงสนาม 30 นัด 2,507 นาที มีส่วนช่วยให้ทีมแซง ขอนแก่น ยูไนเต็ด ผงาดเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดโดยอัตโนมัติเป็นหนแรกของประวัติศาสตร์สโมสร

เรากำลังพูดถึง "รณพีร์ เชยคำดี" แนวรับร่างยักษ์วัย 28 กะรัต ที่กำลังจะได้กลับมาลุยเวทีลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังจากเคยเล่นมาแล้วกับ อุบล ยูเอ็มที เมื่อปี 2018 โดยหมอนี่เคยเป็นอดีตเยาวชน บีอีซี เทโรศาสน ชุดคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ รุ่นเดียวกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลเมกเกอร์ทีมชาติไทย และ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในศึกเจลีก ของญี่ปุ่น ก่อนย้ายออกไปหาโอกาสเล่นอาชีพกับหลายๆ สโมสร ทั้ง ประจวบ เอฟซี, อุทัยธานี ฟอเรสต์, ลำพูน วอริเออร์ จนย้ายมาร่วมทีม ลำปาง เอฟซี ในปี 2015 

และด้วยส่วนสูงชะรูด 190 เซนติเมตร ทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายทีม โดยเฉพาะ การท่าเรือ เอฟซี แต่ในที่สุดเขาก็เลือกสิ่งที่หัวใจเรียกหา

 การย้ายมาอยู่กับเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ปีที่ผ่านมา พร้อมกับช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ คือ สิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นแกนหลักของทีม แน่นอนว่าจะมีจุดเด่นในเรื่องลูกกลางอากาศ แต่ความหนักในการเล่น, เปิดบอลจากแดนหลังแบบแนวรับสมัยใหม่ 

 หรือ PASSION ในความกระหายอยากจะได้รับชัยชนะ แสดงออกมาในทุกเกมอย่างขัดเจน แน่นอนว่าไทยลีก มีแต่บรรดาแนวรุกที่ "เขี้ยวลากดิน" จะเป็นโจทย์ที่สำคัญว่า เขาพร้อมรับมือเพื่อบันไดสู่ "ทีมชาติไทย" ได้หรือไม่?


พูลศักดิ์ มาสุข (ริมเส้น)

 "สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้ เพราะพ่อคือฮีโร่ของผม พ่อคือคนที่เชื่อมั่นและคอยสนับสนุนผม ในเรื่องของฟุตบอลตลอดมา พอเปลี่ยนชื่อแล้วรู้สึกชีวิตดีขึ้นมากครับ เหมือนมีแรงผลักดันให้ทำหน้าที่สนับสนุนสิ่งดีๆ เหมือนพ่อผมเคยทำไว้ครับ เวลาใช้ชีวิตก็จะนึกถึงคุณพ่อ แล้วเดินตามเขา"

 นี่คือสาเหตุ ศราวุฒิ มาสุข ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น "พูลศักดิ์" เพราะเป็นชื่อเดียวกับคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อของศราวุฒิมีชื่อว่า "พูนศักดิ์" หนุ่ยจึงตัดสินใจใช้ชื่อเดียวกัน แต่สะกดต่างกัน เป็นชื่อ "พูลศักดิ์" เพื่อระลึกถึงคุณพ่ออยู่เสมอ เวลาเล่นฟุตบอล 

 และมันก็ตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยม นับตั้งแต่อดีตปีกทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ 2013 และแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014, 2016 ย้ายมาร่วมทีมในช่วงตลาดซื้อขายรอบพิเศษ ซึ่งเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้น

 ด้วยความเร็วทางริมเส้น ผสานกับประสบการณ์ที่ผ่านทุกลีกมาอย่างโชกโชน แถมยังเคยเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด นั่นทำให้เขาเป็นอีกหนึ่งแข้งอาวุโสในทีมที่สามารถบรรเลงผลงานยอดเยี่ยม

 จากสถิติของ "หนุ่ย"ที่ลงสนาม 24 นัด ทำ 5 ประตู 5 แอสซิสต์ ทำให้เขาได้รับการขยายสัญญาออกไปอีก 1 ฤดูกาล เพื่อตอบแทนความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความกระหายในการกลับมาสู่เส้นทางของยอดผู้เล่นชั้นนำอีกครั้ง

 ดูๆแล้วการขึ้นมาไทยลีกหนนี้ ก็น่าจับตามองจริงๆ กับผลงานของดาวเตะที่ชื่อ "พูลศักดิ์ มาสุข" ว่าจะสามารถช่วยทีมได้มากขนาดไหน


ขอนแก่น ยูไนเต็ด

 โควตาสุดท้ายที่เลื่อนชั้นมาสู่ไทยลีก หลังมีการเพลย์ออฟกับ นครปฐม ยูไนเต็ด ซึ่งต้องตัดสินถึงการฏีกากับช็อตซัดจุดโทษ ซึ่งต้องถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของเหล่า "จงอางผยอง" อย่างแท้จริง และมี 2 ผู้เล่นที่น่าจับตามองเหลือเกิน


สุวิทย์ ไปพรมราช (แบ็คซ้าย)

 การนั่งรถจากนั่งรถจากหมู่บ้านเล็กๆในจังหวัดมหาสารคามกับไปคัดตัวเข้าสู่อะคาเดมี่ของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง 2 ครั้ง ก่อนมาประสบความสำเร็จในหนสุดท้าย พร้อมกับอยู่ที่นั่นอีก 2 ปี แต่ก็ไม่ได้ไปต่อกับทีม

 ทำให้ "โจ้แจ๋ว" สุวิทย์ ไปพรมราช ต้องระเห็จไปคัดกับทีมอื่นอีกหลายครั้ง และได้เทิร์นโปรกับ กาฬสินธุ์ เอฟซี ก่อนไปที่ หนองบัว พิชญ เอฟซี ในซีซั่น 2017 จนถูกปล่อยยืมตัวให้กับสโมสร โคปูน วอริเออร์ส อดีตทีมดังในไทยลีก 4 ของ โซนกรุงเทพและปริมณฑลในปี 2018 

 กระทั่งปี 2019 จุดเปลี่ยนของเขา คือ การได้มาอยู่ที่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด และถูกปรับจากกองกลางมาเป็นแบ็คซ้าย จนฟอร์มเปรี้ยงปร้าง พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 3 มาครองพร้อมกับพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกรองในรอบ 5 ปี นับจากทีมกลับมาสู่สารบบลูกหนังไทยซีซั่น 2018 

 ด้วยฟอร์มการเล่นแบบเติมเกมกราบซ้ายไม่มีหยุด ผสานกับการลงไปเล่นเกมรับที่รวดเร็ว ทำให้เขากลายเป็นดาวเตะที่น่าจับตามองคนหนึ่ง จนมาถึงการเล่นระดับไทยลีก 2 ที่เข้าพัฒนาตัวเองขึ้นมามากๆ 

 และเป็นอีก 1 คีย์สำคัญที่พาทีมเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งทั้ง 4 เกมเจ้าตัวสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นเอกอุออกมาให้ได้เห็น โดยเฉพาะการประสานงานกับ ชิษณุพงษ์ โชติ รุ่นน้องปีกซ้ายที่ยืมมาจาก ชลบุรี เอฟซี แต่เล่นดีแบบเนียนตา กระทั่งทีมเลื่อนชั้นมาสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ

 อย่างไรก็ตามจุดที่เขาต้องปรับปรุงให้ได้ ก็คือ ร่างกายที่จะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ เพราะการเล่นในไทยลีกนั้น ต้องเจอกับเกมรุกคู่แข่งที่ยากกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่เชื่อว่า "วัยรุ่นโคกเครือ" ก็เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว


นรงค์ฤทธิ์ บุญสุข (เซนเตอร์ฮาล์ฟ)

 เจ้าของความสูง 189 ซม. เริ่มต้นค้าแข้งด้วยวัย 19 ปี จากทีมเยาวชนของ พัทยา ยูไนเต็ด (ชื่อเดิมก่อนเปลี่ยนเป็น สมุทรปราการซิตี้ ในปัจจุบัน) จากนั้นก็ไปลงเล่นในระดับไทยลีกร่วมทัพกับศรีสะเกษ เอฟซี แล้วย้ายไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรพีทีที ระยอง และสุโขทัย เอฟซี

 เรากำลังพูดถึง "ต๋อง" นรงค์ฤทธิ์ บุญสุข ที่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด สามารถปิดดีลคว้าตัวลุยไทยลีก 2021-2022 ได้สำเร็จ หลังจากมีการพูดคุยกับทาง สุโขทัย เอฟซี และเปิดตัวในสัญญาถาวรได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 การเข้ามาสู่ทัพ "จงอางผยอง"ของเขาในช่วงเลกสอง มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้หลังบ้านแข็งขึ้นเป็นกอง จากการมาขันน็อตในส่วนที่ขาดหายไป พร้อมกับการใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่พาทีมเลื่อนชั้นไปเล่นในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง

 อันที่จริงแล้วเขาเคยติดทีมนักเรียนไทย มาแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งในรุ่นนั้นมี สารัช อยู่เย็น กองกลางตัวหลักของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นเพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงการเล่นให้กับทีมอายุไม่เกิน 22 ปี ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกที่ลาว ภายใต้การคุมทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง

 อีก 1 จุดเด่นที่ทำให้เขากลายเป็นคีย์แมนหลักในเกมรับของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด นั่นคือ ทัศนคติที่ก้มหน้าก้มตาทำงานหนักลูกเดียว โดยพร้อมรับฟังโค้ชทุกคนเพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม

 ขึ้นมาไทยลีกคราวนี้ เราคงจะได้เห็นประสบการณ์ของเขาที่เคยผ่านกับ พีทีที ระยอง และสุโขทัย เอฟซี มาใช้กับ "จงอางผยอง" เพื่อหยุดเกมบุกของคู่แข่งได้อย่างน่าดูชม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด