:::     :::

ส่องกุนซือไทยลีก 2021-2022 (ตอน 1)

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,552
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในที่สุด 16 ทีมไทยลีก 2021-2022 ก็มีกุนซือที่ครบกันทั้ง 16 สโมสรกันแล้ว ซึ่งบทความนี้จะขอพาแฟนบอลทุกคน ไปรู้จักกับ 8 โค้ชล็อตแรก ว่าจะมีใครกันบ้างที่ย้ายมาคุมทีมใหม่ หรือกำลังจะสานงานต่อจากภารกิจฤดูกาลก่อน


ขอนแก่น ยูไนเต็ด - คาร์ลอส เอดูอาร์โด แปร์ไรรา 

 แม้  “โค้ชบอส” ปฎิภัทร รอบรู้ จะพา ขอนแก่น ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นถึง 2 ครั้ง จากไทยลีก 3 มา T2 และสู่ลีกสูงสุด ทว่าด้วยกฏที่ตัวกุนซือจะต้องมี "เอ ไลเซนส์" เป็นอย่างน้อย ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นผู้ช่วย เพื่อไปอบรมโค้ชอัพเลเวลตัวเองขึ้นในปีนี้

 นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ "จงอางผยอง" ดึง คาร์ลอส เอดูอาร์โด แปร์ไรร่า ดีกรีโปร ไลเซนส์ เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมาพร้อมกับผู้ช่วยชาวบราซิล "ดิเอโก" ซึ่งทำงานร่วมกับ "โค้ชบอส", "โค้ชแมน" ธนา ชะนะบุตร, "โค้ชวัฒน์" ศุภกร ฆารดา และ "โค้ชด้วง" อภิสิทธิ์ ด้วงช่วย

 เทรนเนอร์วัย 41 ปี มีผลงานคุมทีมในประเทศไทย เชียงราย ยูไนเต็ด และเชียงราย ซิตี้ 2017, เชียงใหม่ เอฟซี 2018, เชียงราย ยูไนเต็ด (ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค) 2019, เชียงใหม่ ยูไนเต็ด 2020 และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ผู้ช่วยโค้ช) 2020-21 

 ที่สำคัญเขายังมีเลือดเนื้อเชื้อไขในการเป็นหลานชายของกุนซือระดับตำนานของบราซิลอย่าง คาร์ลอส อัลแบร์โต้ แปร์ไรร่า ซึ่งลุงแท้ๆ ของเขาก็คือคนที่พา บราซิล คว้าแชมป์โลกปี 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา ในยุคที่มี เบเบโต้, ดุงก้า นำทัพนั่นเอง


เชียงใหม่ ยูไนเต็ด - สุรพงษ์ คงเทพ

 ไม่น่าจะมีอะไรพลิกโผอีกแล้ว สำหรับกุนซือคนใหม่ของ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่านี่เป็นการกลับไปสู่แดนล้านนาอีกครั้ง สำหรับ "โค้ชอั๋น" สุรพงษ์ คงเทพ หลังจากเคยทำทีม เชียงใหม่ เอฟซี มาแล้วในปี 2019

 ตอนนั้นเขาเข้าไปแทน คาร์ลอส เอดูอาร์โด แปร์ไรรา แม้ว่าสถานการณ์ของทีมจะไม่สามารถยืนหยัดต่อไปในลีกสูงสุดได้ แต่พวกเขาก็ต่อกรกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเกมสุดท้ายอย่างดุเดือด จนเสมอไป 1-1 ทำให้ "ปราสาทสายฟ้า" ไม่ได้แชมป์ในปีนั้น

 เอาจริงๆกุนซือรายนี้โดดเด่นอย่างมากในการปั้นนักเตะโนเนม ก้าวไปเล่นในทีมชาติไทยชุดใหญ่มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, สุริยา สิงห์มุ้ย สมัยที่คุม โปลิศ เทโร เอฟซี จบอันดับ 8 หรือจะเป็น เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ซึ่งพัฒนาตัวเองที่ สมุทรปราการซิตี้

 น่าสนใจอย่างยิ่งกับการคุมทีมครั้งนี้ของ "โค้ชอั๋น" กับบรรยากาศเก่าในเมืองล้านนา และรังเหย้าที่มีมนต์ขลังอย่างสนามสมโภช 700 ปี ซึ่งกำลังถูกปรับปรุงใหม่ให้สวยงามตระการตามากกว่าเดิม

  

หนองบัว พิชญ เอฟซี - ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล

 นี่คือการออกเดินทางสู่ภาคอีสานครั้งแรก ในการรับบทบาท "กุนซือใหญ่" ของ "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หลังปิดฉากการคุมทีม พีที ประจวบ เอฟซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยผลงานพาทีมคว้าแชมป์ ลีกคัพ 2019 เฉือนชนะจุดโทษ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยประตูรวม 9-8

 การไปครั้งนี้ของ "โค้ชวัง" น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ตรงที่เขาจะได้มีโอกาสร่วมงานกับ ธีระเวคิน สีหะวงศ์ ผู้อำนวยการสโมสร หนองบัว พิชญ เอฟซี คนปัจจุบัน โดย "โค้ชกล่ำ" เคยเป็นนักเตะในคาถาของอดีตกองกลางทีมชาติไทย สมัยที่คุมทีม พัทยา ยูไนเต็ด

 ยิ่งกว่านั้นสายตาที่เฉียบแหลมของ สุเทพ ภู่มงคลสุริยา ประธานสโมสร ที่เป็นคนเลือก "โค้ชวัง"มากับมือ น่าจะทำให้เขาตอบโจทย์อย่างมาก โดยเฉพาะการเน้นการเล่นแบบสู้สุดใจทุกวินาทีที่อยู่สนาม นี่คือจุดเด่นในการสร้างทีมของแม่ทัพคนนี้

 เอาเป็นว่าในซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง สาวก "พญาไก่ชน" คงจะได้เห็นรูปโฉมใหม่ ซึ่งไม่เพียงแค่เดินหน้าบุกอย่างเดียว แต่ทุกองค์ประกอบของทีมจะสมดุลกันมากขึ้น โดยเฉพาะเกมรับที่เหนียวแน่น พร้อมฟาดฟันกับทุกๆทีมในไทยลีก


สุพรรณบุรี เอฟซี - อเดบาโย่ กาเดโบ

 ในช่วงท้ายซีซั่นก่อน อดีตแนวรับไนจีเรียรายนี้ โดนกดดันจากแฟนบอล สุพรรณบุรี เอฟซี อย่างหนัก โดยเฉพาะการที่เขาพาทีมมาลุ้นหนีตกชั้นเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน แต่สุดท้ายก็เป็นเขานี่แหละ ที่สามารถพาทีมรอดตกชั้นได้แบบสนั่นรังเหย้า "ช้างศึกยุทธหัตถี"

 แม้จะมีเสียงค่อนขอดในการทำทีมของเขา แต่บอกได้เลยว่า "อเดบาโย่ กาเดโบ" ก็ไม่เคยปริปากบ่นใดใดออกมา ตรงกันข้ามเขากลับก้มหน้าทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ จนสุดท้ายก็พาทีมอยู่รอดมาถึงฤดูกาลใหม่

 อย่างไรก็ตามชอยส์ของเขานั้นดูจะยากเหมือนกัน เมื่อทีมตัดสินใจปล่อยนักเตะตัวหลักที่ใกล้หมดสัญญาอย่าง กษิดิ์เดช เวทยาวงษ์ ไปให้กับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และมีข่าวว่ากำลังจะขาย สุพรรณ ทองสงค์ กัปตันทีมหัวใจเกมรับไปให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือทีมอื่นๆ รวมถึง ปานเดชา เงินประเสริฐ ที่ย้ายไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด เพื่อแลกเงินก้อนโตมาบริหารทีมต่อ

 รวมทั้งตัวต่างชาติก็เปลี่ยนใหม่หมด หลังคู่หูแนวรุก เลอันโดร อัสซัมเซา กับ แฮร์ริสัน ไคออน เลือกไปอยู่ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด และ อาเลฟ วิเอร่า โยกไปขันเกมรับให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ต้องรอดู "อเดบาโย่ กาเดโบ้" จะมีการเสริมทัพอย่างไรกัน โดยล่าสุดทีมก็ได้จัดการต่อสัญญา พาทริค เดย์โต้ และ พาทริค ไรเชลท์ สองนักเตะทีมชาติฟิลิปปินส์ และจัดการคว้าตัว มาร์ติน เอ็นจิว่า ตัวรุกเอลซัลวาดอร์ และ ฮาเหม็ด บัคห์เตียรี่ กองหลังชาวอิหร่าน มาร่วมทีมแล้ว


ชลบุรี เอฟซี - สะสม พบประเสริฐ

 ผลงานการจบรองแชมป์ เอฟเอ คัพ 2020 ถูกยกย่องอย่างมาก แม้ว่าจะแพ้จุดโทษให้กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ก็ตาม แต่ว่าบรรดาเหล่าดาวรุ่งในเกมนั้นกลับทำผลงานได้ดีจนเกินคาด ทำให้ทุกคนเริ่มคาดหวาดถึงอนาคตของ ชลบุรี เอฟซี ขึ้นมาทันที

 จากนั้นไม่กี่วันต่อมา "ฉลามชล" ก็เริ่มเสริมทัพแบบดุสุดๆ  ไล่จาก การดึง เดนนิส มูริลโล่ รองดาวซัลโวมาประจำการแดนหน้า และได้คู่หูจาก นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี อย่าง จิดี คานยุค มาร่วมงานกันอีกครั้ง พ่วงด้วย ยู บยองซู กองหน้าดีกรีอดีตนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ชุดใหญ่ มาจาก อยุธยา ยูไนเต็ด 

 ขณะเดียวกันยังมีตัวละครลับอย่าง อันโตนิโอ แสนใจรักษ์ แนวรับจากลูกครึ่งไทย-สวีเดน เข้ามาแบบเซอร์ไพรส์ และ ทัตพิชา อักษรศรี เข้ามาแย่งมือหนึ่งกับ ชนินทร์ แซ่เอียะ นี่คือขุมกำลังของ "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ที่ดูดีไม่น้อย

 เมื่อมารวมกับกลุ่มดาวรุ่งผลผลิตจากอคาเดมี่ที่เติบโตขึ้นมาไล่เรี่ยกัน ทั้ง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, กฤษดา กาแมน, สหรัฐ สนธิสวัสดิ์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ทรงชัย ทองฉ่ำ, สัมพันธ์ เกษี รวมทั้งตัวเก๋าๆทั้ง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, นพนนท์ คชพลายุกต์ ดูแล้วเป็นทีมที่น่าจับตามองจริงๆ


โปลิศ เทโร เอฟซี - รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค

 การขยายสัญญาไปอีก 1 ฤดูกาล เพื่อคุมทีม โปลิศ เทโร เอฟซี นั่นทำให้ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ทำสถิติใหม่ด้วยการเป็นโค้ชที่ยืนหยัดยาวนานที่สุดของสโมสร อีกทั้งได้รับการยอมรับจากแฟนบอลตัวเองมากมายทีเดียว 

 จุดเด่นที่เห็นได้ชัดจากการคุมทีมของ "โค้ชอ้น" ก็คือ การเลือกใช้ทรัพยากรที่มี และเหมาะกับสภาวะทางการเงินของโมสร ที่อาจจะไม่ใช่ "เจ้าบุญทุ่ม" เหมือนเมื่อครั้งอดีตกาลก็ว่าได้ แต่เขาเป็นคนที่ดึงศักยภาพของผู้เล่นที่จะใช้ออกมาได้ดีอย่างน่าชื่นชม

 ในเลกสองที่ผ่านมา สิ่งที่สร้างอิมแพ็คให้ทีมอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ การได้ "ลีซอ"ธีรเทพ วิโนทัย มาดึง Passion ให้กับทีม เล่นด้วยความหิวกระหายในชัยชนะมากขึ้น รวมทั้งมี ดราแกน บอสโควิช มาช่วยสร้างจินตนาการในเกมรุก ผลที่ออกก็ทำให้ทีมรอดตกชั้นสำเร็จ แม้ฤดูกาล "โบเล่" จะไม่ได้อยู่กับทีมต่อ แต่ข่าวดีก็คือ "ลีซอ" จะยังคอยเป็นพี่ใหญ่ให้น้องๆ ในทีม "มังกรโล่ห์เงิน" ต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล

 ซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง ทางทีมก็มีการเสริมทัพเข้ามาน่าดูเหมือนกันทั้งโควตาต่างชาติและเอเชีย ท้ายที่สุดแล้ว "โค้ชอ้น" จะสามารถพาทีมพุ่งทะยานอันดับได้ดีกว่าปีก่อนหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าค้นหาจากกุนซือรูปหล่อคนนี้ต่อไป 


พีที ประจวบ เอฟซี - มาซามิ ทากิ

 ถ้าวัดด้วยเรื่องของการกุมบังเหียน ต้องยอมรับว่ากุนซือคนใหม่ของ พีที ประจวบ เอฟซี เข้าขั้นมากพอดู เพราะเขาเคยผ่านประสบการณ์การคุมทัพหลายทีมในเมืองไทยทั้ง ระยอง เอฟซี, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ไทยฮอนด้า มาแล้ว

 แม้จะไม่สามารถพา ระยอง เอฟซี รอดพ้นจากการตกชั้น แต่ มาซามิ ทากิ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถปลุกเลือดนักสู้สไตล์ "ซามูไร" ให้กับแข้ง "ม้านิลมังกร" ต่อกรกับทุกทีมในช่วงท้ายซีซั่นอย่างสนุก จนปั้นมูลค่าของตัวเองขึ้นมา

 แน่นอนว่าฤดูกาลใหม่เขาย่อมได้รับการจับตามองอย่างมาก ในฐานะที่ก้าวมาคุมทัพ "ต่อพิฆาต" เพราะอย่าลืมว่ากุนซือคนเก่าอย่าง "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาทีมเป็นแชมป์ลีก คัพ 2019 ซึ่งเป็นโทรฟี่แรกของสโมสรระดับเมเจอร์ในเมืองไทย

 ถ้ามองกันที่องค์ประกอบของทีมแล้ว ขุมกำลังสำคัญๆ ของพวกเขายังอยู่เป็นส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่ต้องมาลุ้นกันว่าการทำงานของแม่ทัพเลือดบูชิโด จะสามารถพาทีมจบดีกว่าที่ 10 ของตาราง จากฤดูกาลที่ผ่านมาหรือไม่


นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี - ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น

 ชื่อของ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เป็นอีก 1 สุดยอดกุนซือดาวรุ่งแห่งยุคของเมืองไทย แม้เริ่มต้นกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ได้ไม่ดีนัก จนเวลานั้นมีหลายคนเริ่มกล่าวถึงอนาคตของ "โค้ชโจ" ว่าจะสามารถคุมทีมได้จนจบซีซั่นได้หรือไม่

ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถรบกวนจิตใจ เพราะเขาใช้วิธีการหลอมรวมผู้เล่นทุกคน ไล่ปรับโครงสร้างไปตามสเต็ปแบบไม่รีบร้อน จนสามารถพา "สวาทแคท" กลับมาอยู่ในจุดที่ผลงานดีเยี่ยม จนไม่แพ้ใครถึง 9 เกมติดต่อกัน แถมเก็บคลีนชีตได้เป็นว่าเล่น พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าเขานี่แหละคือหนึ่งในโค้ชระดับแนวหน้าของไทยลีกคนหนึ่ง

 มาถึงฤดูกาลใหม่ "โค้ชโจ" ย่อมเป็นที่จับตามองมากขึ้น โดยเฉพาะการเสีย 2 ผู้เล่นในเกมรุกต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จิดี้ คานยุค และ เดนนิส มูริลโล่ ที่ย้ายไปเล่นให้กับ ชลบุรี เอฟซี แบบแพ็คคู่ นี่เป็นโจทย์สำคัญว่าเขาจะสร้างเกมรุกได้ดีขนาดไหน อย่างไรก็ตามคนที่ลงมือทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาอย่างเขา รวมทั้งการมีจิตวิทยาและปรัชญาในการทำทีมที่เต็มเปี่ยมมากๆ ก็ยังสามารถคาดหวังได้ว่าเขาจะสามารถบรรเลง "น้องแมว" ให้ออกมาดุดัน หรืออาจจะดีขึ้นกว่าฤดูกาลใหม่ก็ได้ และต้องอย่าลืมว่า สถิติการคุมทีมของ "โค้ชโจ" กับแต่ละสโมสรนั้นยาวนานเกินกว่า 100 นัดทุกทีม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด