:::     :::

'CBJ' หายไปไหน

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,636
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กองหลังรายนี้ทะลุจากทีมอะคาเดมี่ขึ้นมายังทีมชุดใหญ่พร้อมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และก็เคยมีชื่อในเน็กซ์เจนปี 2016 แต่ล่าสุดนี้กลับต้องเล่นอยู่ในลีก ทู

    ครั้งล่าสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ตอนปี 2017 พวกเขามีแข้งโฮมโกรว์น 2 รายอยู่ในทีม

    แรชฟอร์ด กลายเป็นคีย์แมนหลัก ขณะที่ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ อยู่ที่ม้านั่งสำรองในเกมเอาชนะ อาแจ็กซ์

    หันมามองที่ คาเมรอน บอร์ธวิค-แจ็คสัน เองก็เป็นเพื่อนร่วมทีมอะคาเดมี่ของทั้งสองที่ก้าวขึ้นมายังทีมชุดใหญ่ ผีแดง ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ ฟาน กัล

    แทนที่จะได้ลิ้มรสกับความยิ่งใหญ่ในสต็อคโฮล์ม กระนั้น บอร์ธวิค-แจ็คสัน กลับต้องมองสิ่งเหล่านั้นจากทีมชุดยู-23 หลังกลับมาจากการยืมตัวกับ วูล์ฟส์

    แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ดาวเตะวัย 24 ปี ในตอนนี้คงรู้สึกว่าเขาน่าจะทำได้แบบนั้น และควรที่จะอยู่ที่นั่น

    "มันเป็นเรื่องดีที่ได้อยู่กับคนเหล่านั้น มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นพวกเขาทำได้ดี คว้าถ้วยรางวัลได้"

    "สำหรับผมการกลับมาจากการยืมตัวที่ไม่ประสบความสำเร็จ ผมจะเป็นต้องรีเซ็ตใหม่"

    บอร์ธวิค-แจ็คสัน เข้าร่วมทีม ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ และได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยวัย 18 ปี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2015 นัดพบ เวสต์บรอมวิช โดยลงสนามช่วง 15 นาทีสุดท้ายของศึกพรีเมียร์ลีก

    เขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว หลังจาก ลุค ชอว์ บาดเจ็บ เช่นเดียวกับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย นั่นทำให้ ผีแดง ขาดขุมกำลังในพื้นที่ฟูลแบ็ก เขาได้ลงเล่นนัดที่ 2 ในเกมพบ โวล์ฟสบวร์ก ในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่ง ยูไนเต็ด แพ้ 2-3 และตกรอบแบ่งกลุ่ม

    บอร์ธวิค-แจ็คสัน ได้พูดถึงการประเดิมสนามของเขาว่า "มันเร็วมาก ผมไม่ได้ซ้อมกับพวกเขามาก่อน ผมได้ซ้อมสองเซสชั่นในวันศุกร์กับการวิ่งหลังจากนั้น เพราะผมมีแผนที่จะหยุดในช่วงสุดสัปดาห์"

    "ผมอยู่ในห้องอาบน้ำ และ วอร์เรน จอยซ์ ผู้จัดการทีมยู-23 ก็บอกว่า 'แคม ไปเอาชุดวอร์มของนายมาแล้วกลับบ้านไป พรุ่งนี้นายจะได้อยู่บนม้านั่ง"

    "มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง ผมโตมาพร้อมการเป็นสาวก ยูไนเต็ด มันคือทุกสิ่งที่ผมต้องการจะทำ"

    บอร์ธวิค-แจ็คสัน ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ฤดูกาล 2015-16 ไป 14 นัด แถมยังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมยู-21 หลังได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ใน 50 เน็กซ์เจนของเว็บไซต์ โกล โดยรั้งอันดับ 33 เหนือกว่า อุสมาน เดมเบเล่ และ สตีเว่น เบิร์กไวน์

    โกล กล่าวในเวลานั้นว่า "ความสามารถในลูกกลางอากาศของ บอร์ธวิค-แจ็คสัน ทำให้เขามีเกมรับที่น่าประทับใจ และยังมีความเร็วในระยะสั้นด้วย

    "ชื่อของเขาจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความเป็นสตาร์ของเขา"

    หลังได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ในยุค ฟาน กัล บอร์ธวิค-แจ็คสัน ก็มอบคำชมให้กับตำนานโค้ชชาวดัตช์อย่างเต็มที่ "เขายอดเยี่ยมสำหรับผม เขาเชื่อใจ คุณก็ได้เห็นแล้ว เกมที่สองของผมคือเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ต้องการชัยชนะ ผมเพิ่งจะเล่นฟุตบอลอาชีพก่อนหน้านั้นไปเพียง 15 นาทีเท่านั้น"

    นอกจากนี้ เขายังยืนยันว่าความโด่งดังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ได้รบกวนสมาธิในหัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ผมเป็นนักเตะแบบสบายๆ คุณสามารถเห็นได้จากสไตล์การเล่นของผม ผมไม่ได้กังวลอะไร ผมกำลังเล่นกับนักเตะที่ดี มันยากที่จะผิดพลาดเมื่อคุณทำงานร่วมกับนักฟุตบอลระดับโลก"

    "พวกเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกต้อนรับ รอบตัวผมมี คริส สมอลลิ่ง, เจสซี่ ลินการ์ด, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ดาเล่ย์ บลินด์ พวกเขาทุกคนดีกับผม

    ด้วยความที่เป็นสตาร์ของเขาที่แคร์ริงตัน บอร์ธวิค-แจ็คสัน ได้สัญญาใหม่ 4 ปีเป็นการตอบแทนในซัมเมอร์นั้น ทว่าเขาก็ไม่เคยได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่กับสโมสรอีกเลย

    ฟาน กัล ถูกไล่ออก และ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาแทนที่ ซึ่งนายใหญ่ชาวโปรตุเกสก็ไม่เคยให้โอกาส บอร์ธวิค-แจ็คสัน แม้แต่น้อย

    "ผมไม่คิดว่าเขาประเมินผมเลย ผมไม่ใช่นักเตะในแบบของเขา ผมได้รับบาดเจ็บในช่วงปรีซีซั่นนั้นด้วยแหละ ดังนั้นมันจึงไม่มีเวลาในการสร้างความประทับใจให้กับเขามากนัก

    "เขาฝากข้อความคนอื่นอย่าง นิคกี้ บัตต์ มาบอกผมว่า 'ผู้จัดการทีมต้องการให้นายย้ายออกไปแบบยืมตัว' การไป วูล์ฟส์ คือการย้ายทีมครั้งใหญ่ สโมสรใหญ่ ในช่วงเวลาที่ดี"

    ในช่วงที่เจรจาข้อตกลงใหม่นั้นเกิดขึ้นสมัยของ ฟาน กัล แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาเซ็นสัญญา มูรินโญ่ เข้ามาอยู่ในตำแหน่งแล้ว ซึ่งเขายืนยันว่าก็ไม่ได้เสียใจอะไร "ในตอนนั้นมันเป็นสิ่งถูกต้องที่จะทำ ผมได้รับการจัดอันดับไว้สูงที่ ยูไนเต็ด ผมกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ด้วยมุมมองของการแข่งขันกับ ลุค ชอว์"

    บอร์ธวิค-แจ็คสัน ต้องถูกปล่อยยืมตัวหลายครั้ง และไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ไม่ว่าจะเป็นกับ วูล์ฟส์, ลีดส์ และ ทรานเมียร์ ซึ่งทั้งหมดต่างก็ถูกยกเลิกก่อนครบเวลา

    ช่วงเวลาของเขาในถิ่นโมลินิวซ์ ถือว่าเป็นเวลาที่สโมสรแปรปรวนอย่างมาก มันเป็นซีซั่นก่อนที่กลุ่มทุน โฟซุน อินเตอร์เนชันแนล จะเข้ามาเป็นเจ้าของทีม ซึ่งสโมสรเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึง 3 คน และจบอันดับกลางตารางในแชมเปี้ยนชิพ ซึ่ง บอร์ธวิค-แจ็คสัน ต้องอยู่บนความลำบากจากความไม่ลงรอยนั้น

    "เกมแรกที่ผมเล่นให้ วูล์ฟส์ ผมได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เกมถัดมา ผมกลับต้องไปนั่งดูบนสแตนด์ เขา (วอลเตอร์ เซงก้า กุนซือ วูล์ฟส์ ในตอนนั้น) ทำการเปลี่ยนถึง 9 ตำแหน่ง พวกเขามีขนาดทีมที่ใหญ่ ผมคิดว่า 'เฮ้ย! ที่นี่มันยังไงวะเนี่ย?"

    "เซงก้า อยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน จากนั้นผู้ช่วยซึ่งชอบผมก็ได้คุมทีม 3 เกม ก่อนที่ (พอล) แลมเบิร์ต จะเข้ามา"

    "ผมถูกมองข้าม ในช่วงท้ายฤดูกาลผมต้องไปอยู่ในทีมยู-18 หรือไม่ก็ตอนที่พวกเขากำลังเตรียมซ้อมทีม และผมต้องไปซ้อมกับผู้รักษาประตู มันบ้ามาก"

    "มันเป็นเรื่องยากในตอนนั้น ผมมาจาก ยูไนเต็ด ทำได้ดี ได้เล่นเกมใหญ่ เขาให้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง หรือแบ็กซ้าย เขาไม่เชื่อมั่นใจตัวผม"

    "ผมไปหาเขาเพื่อถามว่าผมต้องทำยังไงเพื่อปรับปรุงในการกลับมาอยู่ในทีม เขาบอกว่า 'อดแทน ซ้อมให้ดี' มันไม่มีคำตอบที่ชัดเจน"

    ที่ ลีดส์ สมัยก่อนที่ มาร์เซโล่ บีเอลซ่า จะมา สิ่งต่างๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน "ผู้อำนวยการฟุตบอลนำผมเข้ามา เขาต้องการผมมาตั้งแต่ซีซั่นก่อน ผู้จัดการทีม (โธมัส คริสเตนเซ่น) ไม่ได้พูดอะไร หากผู้จัดการทีมไม่ต้องการคุณ นั่นก็คือการต่อสู้ที่แพ้ไปแล้ว"

    "ผมได้พบกับประธาน เขากระตือรือร้นมาก เขาบอกว่า 'ผมตื่นเต้นที่คุณมาที่นี่' ดูเหมือนจะเป็นการย้ายที่สมบูรณ์แบบ ลีดส์ ก็เป็นทีมใหญ่ มันดูเหมือนเป็นการย้ายที่ดีที่สุดในเวลานั้น ผมไม่เสียใจเลย มันอาจได้ผลแบบที่แตกต่างออกไป"

    ด้วยแรงผลักดันใดๆ ที่ถูกสร้างขึ้นกับ ยูไนเต็ด มันได้ตายจากอย่างกระทันหัน และ บอร์ธวิค-แจ็คสัน ซึ่งไม่ได้เป็นดาวรุ่งอีกแล้วก็ถูกทิ้งได้ต้องอยู่อย่างเดียวดาย

    "ฤดูกาลแรกมีเพียง วอร์เรย จอยซ์ เท่านั้นที่ดูแลผม จากนั้นเขาก็จากไป จนถึงเดือนมกราคม ผมไม่ได้รับการติดต่อจากใครเลยที่ ยูไนเต็ด ผมไม่ได้ลงเล่น และผมก็คิดแล้วว่า ผมมีค่าอยู่ไหม?"

    ในที่สุด บอร์ธวิค-แจ็คสัน ก็ถูกปล่อยตัว หลังอยู่กับสโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กถึง 16 ปี ในปี 2020

    เขาโพสต์ข้อความที่เต็มไปด้วยอารมณ์ในอินสตาแกรม "การเติบโตมาในฐานะเด็กจากแมนเชสเตอร์ ทั้งหมดก็คือผม้องการเล่นให้ ยูไนเต็ด การประเดิมของผมกับทีมที่ผมเติบโตมาด้วยการเชียร์นั้นคือฝันที่เป็นจริง และวันนั้นจะอยู่ในใจของผมตลอดไป"

    "ผมรู้ว่ามันกำลังจะมาถึง เราได้รับคำแนะนำล่วงหน้าตั้งแต่ซัมเมอร์ ดังนั้นจึงมีเวลาหนึ่งปีที่จะเตรียมตัว มันไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร"

    เขาย้ายไปยังทีมลีกระดับ 4 ของประเทศอย่าง โอลด์แฮม ด้วยสัญญา 1 ปี แต่หลังจากนั้นเขาก็แยกทางออกมา และตอนนี้ก็กลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์บนวัย 24 ปี

    ตอนนี้ บอร์ธวิค-แจ็คสัน กำลังมองหาโอกาสที่จะโชว์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นในฐานะมืออาชีพระดับสูง และก็ไม่ยอมแพ้ที่จะกลับไปเล่นในระดับท็อปของฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง

    "ตั้งแต่ผมออกจาก ยูไนเต็ด ผมก็ถอยหลังเพื่อที่จะขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้า ผมไปยังลีก ทู กับกรอบความคิดที่จะไต่ไปลีก วัน จากนั้นก็แชมเปี้ยนชิพ และก็ขึ้นไปอีก"

    "ผมไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งอีกแล้ว ผมต้องแสดงตัวเองอย่างจริงจัง นี่คือโลกที่ต้องต่อสู้อย่างโหดเหี้ยม คุณต้องทำงานให้ได้"

    "ผมผ่าน 2-3 ฤดูกาลที่ยากลำบาก นั่นทำให้คาแร็คเตอร์ของผมพัฒนาขึ้นในการรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อกลับไปอยู่ในจุดสูงสุด ฤดูกาลนี้ยิ่งใหญ่มาก ผมหวังว่าจะได้ไปอยู่ในลีก วัน หวังว่าผมจะได้รับความสนใจจากทีมลีกที่สูงกว่า มันก็เหมือนการเดินทีละก้าว"

    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด