ทีมยอดเยี่ยมแห่งปี 5 ลีกใหญ่ยุโรป
จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ะะบาดอย่างหนัก ทำให้เกมฟุตบอลมีหลายอย่างต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ห้ามแฟนบอลเข้าชมสนาม
บรรดาสาวก "ฮาร์ดคอร์" ที่ตามเชียร์ทีมรักไม่เคยพลาดไม่ว่าจะเหย้าหรือเยือนคงรู้สึกแปลกที่ต้องนั่งดูเกมอยู่ที่บ้านเท่านั้น
แต่ปัจจุบันดูสถานการณ์จะดูขึ้น วัคซีนมีให้ฉีดกันแล้วและเริ่มให้แฟนบอลได้เข้าชมเกมในสนาม ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายอันดีว่าในฤดูกาลหน้าคงจะได้เห็นแฟนๆกลับมาชมเกมกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
กับซีซั่นที่เพิ่งผ่านพ้นไป แต่ละลีกล้วนได้แชมป์ซึ่งก็คงมีแค่ที่ลีก เอิง ฝรั่งเศสที่ดูจะพลิกโผไปสักหน่อยเป็น ลีลล์ ที่ปาดหน้า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้แชมป์ไปครอง ส่วนลา ลีกา สเปน เป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ครองแชมป์เหนือ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า
ส่วนอีกสามลีกที่เหลืออย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เข้าป้ายไปอย่างไม่ยากเย็น เช่นเดียวกับ บาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกา เยอรมัน และ อินเตอร์ มิลาน ของ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
นี่คือ 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมจาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่ยกเอาผลงานส่วนตัวที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมตำแหน่งเดียวกัน
ผู้รักษาประตู
ไมค์ เมญ็อง
สโมสร : ลีลล์
หลังจากที่เกือบได้ย้ายไปอยู่กับ เชลซี เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่สุดท้ายทาง "สิงห์บลูส์" เลือก เอดูอาร์ เมนดี้ ขณะที่ ไมค์ เมญ็อง อยู่กับ ลีลล์ ต่อไป
แต่ว่านั่นกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเจ้าตัวลงเฝ้าเสาเต็มทั้ง 38 เกมให้สโมสรซีซั่นนี้พร้อมกับช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก เอิงเหนือยักษ์ใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปครองได้อย่างยอดเยี่ยม
ตลอดทั้ง 38 เกมที่ยืนด้านสุดท้ายให้กับทีม เมญ็อง ปล่อยให้บอลผ่านมือไปสู่ก้นตาข่ายเพียงแค่ 23 ลูกเท่านั้น น้อยที่สุดในลีก เฉลี่ยแค่ 0.61 ลูกต่อเกมเท่านั้น และยังเก็บคลีนชีตได้ถึง 21 เกม มากที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปอีกด้วย
แต่จากรายงานล่าสุดเจ้าตัวจะไม่ได้อยู่กับทีมต่อไปแล้วเมื่อทาง เอซี มิลาน ดึงตัวไปเฝ้าเสาให้กับทีมเป็นที่เรียบร้อยแทนที่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่เตรียมอำลาทีมไป ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมือกาววัย 25 ปีรายนี้เลย
กองหลัง
แบ็กขวา
อาชารฟ ฮาคิมี่
สโมสร : อินเตอร์ มิลาน
จากแข้งที่ไม่เป็นที่ต้องการของ เรอัล มาดริด สู่การยืมตัวไปเล่นกับ ดอร์ทมุนด์ 2 ซีซั่นจนกลายเป็นแบ็กขวาฟอร์มแรงกระทั่ง อินเตอร์ มิลาน ทุ่ม 40 ล้านยูโรคว้าไปร่วมทีมซัมเมอร์ปี 2020 ที่ผ่านมา
การย้ายมาค้าแข้งกับทีม "งูใหญ่" เหมือนกับการเค้นศักยภาพที่ดีที่สุดของ อาชารฟ ฮาคิมี่ ออกมา ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เล่นแบบ "วิง-แบ็ก" ทำให้แข้งทีมชาติโมร็อกโกสามารถเปิดเกมบุกได้แบบไม่ต้องห่วงเกมรับมากนัก และนั่นคือการดึงสิ่งที่ดีที่สุดของเจ้าตัวออกมาเลย
อันที่จริงตอนที่ค้าแข้งในเยอรมันกับทีม "เสือเหลือง" ทาง ฮาคิมี่ ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากอยู่แล้ว แต่กับการมาเล่นในอิตาลียิ่งโดดเด่นเหลือเกิน
ผลงาน 7 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 37 เกมในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี กลายเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ทีมผงาดไปคว้าแชมป์ "สคูเด็ตโต้" มาครองอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 11 ปีเลย
เซนเตอร์
รูเบน ดิอาส
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาคมนักข่าวของอังกฤษ นี่คือนักเตะที่เข้ามาเติมเต็มในเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วเสียประตูง่ายจนโดน ลิเวอร์พูล ทิ้งขาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง
มาปีนี้กับการดึงเซนเตอร์ทีมชาติโปรตุเกสมาร่วมทีม "เรือใบ" ก็กลับมาครองความยิ่งใหญ่ในเวทีลูกหนังเมืองผู้ดีอีกครั้งด้วยการทวงแชมป์ลีกกลับมารวมถึงแชมป์คาราบาว คัพอีกปี และยังช่วยทีมเข้าถิ่งรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย
ด้วยผลงานอันโดดเด่นนี่เองทำให้ค่าตัว 68 ล้านยูโรที่ แมนซ ซิตี้ ยอมจ่ายให้กับ เบนฟิก้า กลายเป็นถูกไปเลยเมื่อเทียบกับความสำเร็จ
อย่าแปลกใจหากการประกาศทีมยอดเยี่ยมของอังกฤษไม่ว่าจะสื่อไหนจะมีชื่อของ รูเบน ดิอาส ติดทีม รวมถึงในระดับเวทียุโรปด้วย
อเลสซานโดร บาสโตนี่
สโมสร : อินเตอร์ มิลาน
อีกหนึ่งนักเตะจาก อินเตอร์ มิลาน ที่มีชื่อติดทีมและเป็นกองหลังเช่นเดียวกับ อาชราฟ ฮาคิมี่ นี่ถือเป็นปีทองสำหรับเกมรับของพลพรรงูใหญ่เลยทีเดียว
ด้วยเกมรับที่แข็งแกร่งของทีมนี่เองที่ทำให้ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแห่งแดนรองเท้าบู๊ตในปีนี้ไปครอง
ที่เด็ดของ อเลสซานโดร บาสโตนี่ นอกจากจะเป็นเซนเตอร์เท้าซ้ายที่ไม่ได้หากันง่ายๆแล้ว ทีเด็ดของเจ้าตัวคือการพาบอลจากแดนหลังขึ้นมาช่วยเกมรุกของทีมอยู่บ่อยครั้ง ถือเป็นการช่วยเพิ่มมิติในเกมบุกของทีมได้เป็นอย่างดี
แม้เป็นกองหลังแต่มีสถิติวิ่งระยะทางถึง 6,299 หลาในฤดูกาลที่ผ่านมา มีแค่ 4 คนเท่านั้นในลีกที่มากกว่า ถือเป็นกองหลังสารพัดกระโยชน์คนหนึ่งเลย
แบ็กซ้าย
ลุค ชอว์
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จากนักเตะที่ดูท่าว่าจะต้องกลายเป็นเพียงแค่แข้งเกรดบีและเป็นตัวสำรองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ ลุค ชอว์ กลับทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมจะเป็นหนึ่งในแข้งที่โชว์ผลงานน่าเซอร์ไพรส์ที่สุดคนหนึ่งเลย
แบ็กทีมชาติอังกฤษกลายเป็นแข้งตัวหลักของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำให้ อเล็กซ์ เตลลิส ที่ถูกดึงมาร่วมทีมเพื่อจะมายึดตำแหน่งกลายเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น
แข้งวัย 25 ปีถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวาที่สุในทีมซีซั่นนี้ และยังเป็นกองหลังที่สร้างโอกาสพังประตูได้มากที่สุดในบรรดาแข้งใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปถึง 66 ครั้งเลย เท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ ด้วยซ้ำ
บทสรุปปีนี้ทำ 1 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกจากการลงสนามทั้งหมด 32 เกม
กองกลางตัวรับ
โยชัว คิมมิช
สโมสร : บาเยิร์น มิวนิค
จากนักเตะแบ็กขวาที่ถูกจับมาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ แต่ต้องบอกว่า โยชัว คิมมิช ทำได้อย่างไร้ที่ติกับ บาเยิร์น มิวนิค ทำให้ทีมไม่ต้องไปเสียเงินซื้อผู้เล่นในตำแหน่งนี้เลย
ในซีซั่นนี้แข้งทีมชาติเยอรมันมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นคือเรื่องของการเป็นคนออกบอลให้ทีมหลังจากที่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า อำลาทีมไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
4 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้ด้วยให้ทีมหยิบแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมันมาครองอีกสมัย และถือเป็นการคว้าแชมปื 6 สมัยติดต่อกันของเจ้าตัวนับตั้งมาอยู่กับทีมด้วย
ไม่มีนักเตะคนไหนที่ในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ที่จ่ายบอลทะลุช่องมากกว่า คิมมิช 11 ครั้ง และผ่านบอลไปข้างหน้าถึง 230 ครั้ง เท่านั้นยังไม่พอในลีกมีแค่ 3 คนเท่านั้นที่มีอัตราการสับไกต่อเกมมากกว่า คิมมิช ที่กดได้ถึง 408 ครั้งต่อเกมอีกด้วย
มิดฟิลด์ตัวกลาง
มาร์กอส ยอเรนเต้
สโมสร : แอตเลติโก มาดริด
กองกลางทีมชาติสเปนที่มีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล็งดึงไปร่วมทีมในกรณีที่ไม่สามารถรั้งตัว ปอล ป็อกบา เอาไว้ได้
ซีซั่นนี้กลายเป็นปีที่ มาร์กอส ยอเรนเต้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นที่สุดในเส้นทางอาชีพจากการปรับของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ไม่ใช่ให้เป็นแค่กองกลางผ่านบอลไปให้เพื่อนอย่างเดียว แต่ปรับให้เจ้าตัวสามารถเติมขึ้นไปทำประตูด้วยตัวเองอีกด้วย
ซีซั่นนี้ ยอเรนเต้ กดไป 12 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ ในลา ลีกา เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมสยบทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ผงาดไปคว้าแชมป์ลีกมาครองอย่างยิ่งใหญ่
นอกจากจะเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางแล้ว เจ้าตัวยังสามารถดันขึ้นไปเล่นเป็นหน้าต่ำได้อีกด้วย และจากการตัวเลขที่ออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวมีความครบเครื่องมากแค่นไห
บรูโน่ แฟร์นันด์ส
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ต้องบอกว่านับตั้งแต่ที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ย้ายมาค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาคือกองกลางที่ผลงานร้อนแรงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
ไม่เพียงแค่เข้ามาช่วยทีมให้ทัพ "ปีศาจแดง" กลับมาอยู่ระดับแถวหน้าของประเทศเท่านั้น แต่ยังยกระดับเพื่อนร่วมทีมให้เค้นศักยภาพกลับมาทำผลงานได้เป็นอย่างดี
ฤดูกาลนี้เพิ่งทำสถิติเป็นกองกลางของสโมสรพรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 28 ประตูรวมทุกรายการ ทำลายสถิติของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ทำเอาไว้ 27 ประตู
นับรวมทุกรายการซีซั่นนี้มีส่วนร่วมกับประตูของทีมถึง 45 ลูกจาก 58 เกม แบ่งเป็น 28 ประตูกับ 17 แอสซิสต์ โดยนับตั้งแต่มาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดเจ้าตัวทำไปแล้วทั้งสิ้น 40 ประตูกับ 25 แอสซิสต์จาก 80 เกมด้วย
มิดฟิลด์ตัวรุก
ลิโอเนล เมสซี่
สโมสร : บาร์เซโลน่า
ท่ามกลางฤดูกาลอันน่าผิดหวังของ บาร์เซโลน่า แต่ผลงานส่วนตัว ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยังคงความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ไม่มีตก
แม้ว่าจะออกสตาร์ทอย่างน่าผิดหวังทำได้เพียง 7 ประตูจาก 14 เกมแรก ท่ามกลางกระแสเรื่องความไม่พอใจและต้องการย้ายออกจากทีม แต่ด้วยสัญญาที่มีอยู่ทำให้ต้องทนอยู่กับทีมต่อไปในซีซั่นนี้
แต่กระนั้นสตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่าก็ค่อยทะลวงตาข่ายให้กับทีมเป็นกอบเป็นกำ เบ็ดเสร็จกดไป 30 ลูกกับ 11 แอสซิสต์ เข้าป้ายคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปได้อย่างขาดลอย แม้ว่าทีมจะหมดลุ้นแชมป์ไปตั้งแต่ก่อนเกมสุดท้ายก็ตาม
ต้องบอกว่าหากมองที่ตัวเลขแล้งสถิติของ เมสซี่ ยึดหัวหาดของลา ลีกา สเปนประจำฤดูกาลนี้ทั้งในเรื่องของประตูและแอสซิสต์, การสับไก, สร้างโอกาสทำประตู, ผ่านบอลทะลุช่อง, เข้าเขตโทษคู่แข่ง, เรียกฟาวล์รวมถึงสัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งคืออันดับ 1 ทั้งหมด!
กองหน้า
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
สโมสร : บาเยิร์น มิวนิค
กองหน้าที่ฟอร์มแรงที่สุดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และต้องบอกว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ฟอร์มแรงแบบนี้มาหลายปีแล้วนับตั้งแต่มาค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค
และซีซั่น 2020/21 นี่แหละที่เจ้าตัวประกาศศักดาอีกครั้งด้วยการทะลวงตาข่ายคู่แข่งครั้งแล้วครั้งแล้ว สิริรวมกดไปถึง 41 ประตู ทำลายสถิติของ แกร์ด มุลเลอร์ ที่ทำไป 40 ประตูในปีเดียวเมื่อปี 1971/72 หรือเมื่อ 49 ปีที่แล้วเลย
ตลอดการลงสนาม 29 เกมในบุนเดสลีกา เลวานดอฟสกี้ หาโอกาสสับไกได้ถึง 137 ครั้ง เป็นการยิงเข้ากรอบ 68 ครั้งหรือครึ่งหนึ่ง และเป็นประตูไป 41 ลูก
นอกจากจะเป็นแชมป์บุนเดสลีกาแล้ว เจ้าตัวยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำหรือดาวซัลโวยุโรปไปครองแบบสบายๆด้วย
แฮร์รี่ เคน
สโมสร : สโมสร
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่เห็น แฮร์รี่ เคน ที่ขึ้นว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกจะทะลวงตาข่ายเป็นกอบเป็นกำในการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากที่ทำมันมาอย่างนั้นมาหลายต่อหลายปี
ตลอด 35 เกมในลีกซีซั่นนี้ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษกด 23 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ เฉลี่ยนแล้วจะมีส่วนร่วมกับประตูของเกมอยู่ทุกนัดเลย พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวรวมถึงรางวัลแข้งแอสซิสต์มากที่สุดประจำฤดูกาล 2020/21 ไปครอง ถือเป็นนักเตะคนแรกที่ควบสองรางวัลนับตั้งแต่ที่ แอนดี้ โคล ทำได้ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993/94 เลย
แม้ สเปอร์ส จะจบในอันดับที่ไกลเหลือเชื่ออย่างอันดับ 7 แต่ชื่อของ เคน ไม่เคยร้างจากการทำประตูนานจนแฟนลืม ในนาทีนี้นี่คือกองหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดไปแล้วทั้งยิง โหม่ง หรือผ่านบอลให้เพื่อน
และคงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ด้วยฟอร์มแบบนี้แต่ทีมไร้โทรฟี่จะทำให้เจ้าตัวมองหาสโมสรใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้