การเดินทางไปครั้งนี้สิ่งที่น่าสนใจ คือ "ช้างศึก" ไม่มี 3 ขุนพลเอกอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ขอถอนตัวเนื่องจากสภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์เต็ม 100 เปอร์เซนต์

รวมไปถึง ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้าย โยโกฮามา เอฟ มารินอส ที่ติดเรื่องการเดินทางกลับไปกักตัวในญี่ปุ่น และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลเมกเกอร์ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ซึ่งมีอาการบาดเจ็บเล่นงานจากการซ้อมกับต้นสังกัด

เราจะลองมาคาดเดาเล่นๆ กันว่า ในเกมที่จะพบกับ อินโดนีเซีย ซึ่งไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32 จะถ่ายทอดสด กลับมาในเวลา 23.45 น. นั้น มีใครน่าจะได้โอกาสจาก อากิระ นิชิโนะ ลงสนามกันบ้าง

ผู้รักษาประตู

ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน

หนึ่งในผู้รักษาประตูประสบการณ์สูงที่สุดของทีม และเป็นเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีม "ช้างศึก" ชุดนี้ ถ้ามองกันในฤดูกาลที่ผ่านมาเขาอาจไม่ได้พาทีมคว้าแชมป์ใดๆ แต่ด้วยการผ่านสังเวียนร้อนหนาวมาเยอะ จนก้าวมาเป็นตัวหลักของทีมชาติไทย นับตั้งแต่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ หลุดออกจากทีม ก็น่าจะมีโอกาสสูงที่เขาจะได้เฝ้าเสาในการเจอกับ อินโดนีเซีย

แบ็คขวา

นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม

ฟอร์มที่มาตรฐานตลอดทั้งซีซั่น เกมรุกเยี่ยม เกมรับมีวินัย และได้รับการชื่นชมอย่างมากในด้านการดูแลร่างกาย ยิ่งด้วยประสบการณ์ในการติดทีมชาติไทยมานาน ดูแล้วเขาเองก็น่าจะได้เป็น 11 ตัวจริงในเกมแรก โดยเฉพาะหากเล่นในระบบหลัง 4 ที่เจ้าตัวสามารถรับบทบาทฟูลแบ็คได้ไม่เป็นสองรองใคร

แบ็คซ้าย

ศศลักษณ์ ไหประโคน

เมื่อไร้ ธีราทร บุญมาทัน ในการมาร่วมทีมชาติไทย ตำแหน่งแบ็คซ้ายที่หลายคนพุ่งเป้ามา ก็คงจะหนีไม่พ้น "เจ้าพี" เพราะฟอร์มที่ร้ายกาจมากๆในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นการเรียกความมั่นใจ ก่อนที่เขาจะเดินทางไปร่วมทีม ชนบุค ฮุนได ใน เคลีก ของเกาหลีใต้ หลังจบทัวร์นาเมนต์นี้

เซนเตอร์ฮาล์ฟ

พรรษา เหมวิบูลย์

เจ้าของความสูง 192 ซม. ตัวเลือกลำดับต้นๆของทีมชาติไทยในตำแหน่งนี้ น่าจะยังเป็นของ "เจ้าโย่ง" เพราะมีความเข้าใจในแผนการเล่นเกมรับมากพอสมควร อีกอย่างเขายังทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่่ผ่านมา และไม่มีอาการบาดเจ็บคอยรบกวนใจเหมือนซีซั่นก่อนๆ

มานูเอล ทอม เบียรห์ 

พาร์ทเนอร์ของ พรรษา เหมวิบูลย์ ชั่วโมงนี้คงจะหนีไม่พ้นดาวเตะลูกครึ่งเยอรมัน ด้วยความที่เล่นเกมรับได้โดดเด่น โดยเฉพาะการอ่านเกมบอลโยนยาวของ อินโดนีเซีย มีเปอร์เซนต์ไม่น้อยที่ อากิระ นิชิโนะ เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น จะเลือกใช้เขาลงสนาม

กองกลาง

พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล

การกวาดล้างแนวรุกของอิเหนาด่านแรก คงจะต้องมองมาที่มิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่ผ่านเกมระดับนานาชาติมาเยอะ นั่นทำให้เรามองถึงดาวเตะจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด รายนี้ ซึ่งความฟิตทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และช่วงหลังก็เป็นตัวหลักในตำแหน่งนี้ในยุคของ นิชิโนะ อีกด้วย

สารัช อยู่เย็น

ถ้ามี พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล อยู่ในทีม คงจะต้องมองถึงห้องเครื่องจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นตัวคอยลิงค์เกม หลังจาก อากิระ นิชิโนะ มักจะใช้คู่นี้ในการเป็นแดนกลางมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นการจับคู่ที่มีความเข้าใจกัน แถมยังได้ประโยชน์ในการออกบอลยาวในแนวลึกอีกด้วย

กองกลางตัวรุก

สุมัญญา ปุริสาย

นี่คือตำแหน่งที่ต้องหาทางเลือกเข้ามาแทน ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซึ่งหายจากอาการบาดเจ็บไม่ทัน หากจะให้มองแล้วตัวสร้างสรรค์เกมที่ทุกคนมองอยู่คงจะหนีไม่พ้นเขาคนนี้ ยิ่งเกมเสมอกับ ทาจิกิสถาน ทำไป 2 แอสซิสต์ให้กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ยิง 2 ประตู ดูแล้วคงจะสร้างความแตกต่างได้ไม่น้อย

ปีกซ้าย

สุภโชค สารชาติ

เมื่อมีเขาลงสนามในฤดูกาลที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเกมรุกของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดูวูบวาบยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการที่เขาสามารถปั้นเกมเอง และยิงประตูได้ทั้งในและนอกเขตโทษ อีกทั้งยังเป็นตัวเลือกแรกในทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ช่วงหลายเกมที่ผ่านมา

ปีกขวา

เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์

ดาวซัลโวของทีมชาติไทย ในรายการ เอเอฟซี ยู 23 แชมเปี้ยนส์ ชิพ 2020 พร้อมกับการได้เจ้าพ่อแอสซิสต์ไทยลีกซีซั่นที่ผ่านมา 14 ลูก นี่จะเป็นการตอบโจทย์ที่ดีของทีม ในช่วงที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ห่างหายจากแมตช์ฟิตไปหลายนัด รวมทั้งความกระหายของเขาที่อยากลงสนามก็มีมากอีกด้วย

กองหน้า

ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

การทำ 2 ประตู ในนาทีที่ 54 และ 61 ช่วยให้ทีมชาติไทยเสมอ ทาจิกิสถาน 2-2 ในแมตช์อุ่นเครื่อง ด้วยวัยเพียง 18 ปี 9 เดือน 27 วัน ดูแล้วมีโอกาสไม่น้อยที่ อากิระ นิชิโนะ จะเลือกเขาลงบู๊ในเกมนี้ เพราะด้วยความมั่นใจที่กำลังมา ผสานกับความกระหายในการล่าตาข่ายของดาวรุ่งรายนี้

อย่างไรก็ตามตัวนักเตะและระบบการเล่นที่ลองจัดมานี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และจากที่ผ่านๆ มา แทบไม่เคยมีนัดไหนที่เราเดาใจ อากิระ นิชิโนะ ได้ถูกเลยสักเกม สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะได้ลงหรือไม่ ก็คือตัวแทนของพวกเราชาวไทยอยู่ดี วันพฤหัสบดีที่ 3 มิ.ย. นี้เวลา 23.45 น. เรามาคอยช่วยกันส่งกำลังใจให้ "ช้างศึก" ประเดิมเก็บ 3 แต้มแรกในดินแดนตะวันออกกลางให้จงได้กัน