หลังจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้การแข่งขันที่ควรจะเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเลื่อนมากลางปีนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของบางชาติ และเป็นข้อเสียของบางชาติเช่นกัน

ถึงกระนั้นการแข่งขันในช่วงกลางเดือนนี้ยังไงก็คงจะเกิดขึ้นแน่นอน และช่วงนี้ก็เป็นการเตรียมพร้อมในเกมอุ่นเครื่องสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง

ท่ามกลางฤดูกาลที่ไม่ปกติตั้งแต่ปีที่แล้วทำให้โปรแกรมฟุตบอลลีกยุโรปต้องเล่นกันอย่างต่อเนื่อง สภาพนักเตะแต่ละคนต้องบอกว่ากรอบกันเลยทีเดียว

แต่ว่าท่ามกลางความไม่ปกตินั้น โปรตุเกส กลับดูมีความแข็งแกร่งขึ้นจากศักยภาพนักเตะในทีมที่หากว่ากันตามตรงแล้ว ทีมชุดปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วซะอีก

และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจะเดินไปถึงเส้นชัยอีกครั้ง

ยังเดินหน้าทำผลงานได้เป็นอย่างดี

ทัพ "ฝอยทอง" กลายเป็นทีมที่โดดเด่นนับตั้งแต่คว้าแชมป์มาครองเมื่อปี 2016 นอกจากที่จะผ่านทีมอย่าง โครเอเชีย, เวลส์ และ ฝรั่งเศส จนนไปถึงตำแหนีงแชมป์ยุโรป ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018/19 พวกเขายังไปถึงตำแหน่งแชมป์อีกด้วย

แม้ว่าในฟุตบอลโลก 2018 ทีมจะจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย รวมถึงไม่สามารถไปถึงรอบชิงชนะเลิศในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2020/21 แต่สองโทรฟี่แชมป์ในรอบ 4 ปีที่ผ่านต้องยอบรับว่ายอดเยี่ยม

ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปจะเป็นอีกรายการใหญ่ที่ทีมมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษในฐานะแชมป์เก่า แม้ว่าจะอยู่ใน "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ที่มีทั้ง ฝรั่งเศส และ เยอรมัน อยู่ร่วมสาย ในขณะที่อีกทีมคือ ฮังการี

แม้อัตราต่อรองทีมจะอยู่ที่อันดับ 6 ที่จะคว้าแชมป์ไปครอง ในขณะที่ ฝรั่งเศส (เต็ง 1) และ เยอรมัน (เต็ง 4) จะถูกมองว่าเหนือกว่าแต่เชื่อได้เลยว่าพวกเขาจะลงสนามพร้อมความมั่นใจที่สมชามารถพูดได้ว่าดีกว่าทุกทีมในทัวร์นาเม้นต์ด้วยซ้ำ

ความแข็งแกร่งของทีม

เมื่อพูดถึงเรื่องของนักเตะในทีมของแต่ละชาติที่เข้ามาเล่นในฟุตบอลยูโรหนนี้ ต้องยอมรับว่า โปรตุเกส มีศักยภาพที่แข็งแกร่งไม่แพ้ใคร

อันนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวผู้เล่นรายบุคคลว่าเก่งกว่าคู่แข่ง แต่ขุมกำลังของทีมต้องบอกว่าสุดยอด เพราะนอกจากตัวจริงล้วนจะเป็นแข้งชื่อดังแล้ว แเหล่าบรรดานีกเตะตัวสำรองต้องบอกว่าศักยภาพไม่ธรรมดา

นำทัพโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ปัจจุบันแม้อายุจะ 36 ปีแล้วแต่เล่นแบบแข้งวัน 20 กลางๆอายไปเลย ไหนจะมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ชูเอา เฟลิกซ์, ดีเอโก้ โชต้า, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อันเดร ซิลวา, ชูเอา มูตินโญ่, เปเป้, ชูเอา กานเซโล่, รูเบน ดิอาส, ราฟลเอล เกร์เรยโร่, โชเซ่ ฟอนเต้, รุย ปาตริซิโอ และ แอนโธนี่ โลเปส

ถือเป็นความปวดหัวที่เป็นเรื่องดีสำหรับ แฟร์นานโด ซานโต๊ส นายใหญ่ที่ต้องคัดแล้วคัดอีกเพื่อเลือก 11 คนแรก 

แต่กับบอลทัวร์นาเม้นต์ที่ลงเล่นติดต่อกันและต้องใช้พลังงานอย่างหนักในแต่ละเกมรวมถึงการวางแท็กติกแต่ละเกมที่อาจจะต้องมีความยืดหยุ่น ต้องบอกว่าอาวุธของพวกเขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ส่วนผสมที่ลงตัว

ทีมชุดนี้ของ โปรตุเกส ทั้ง 26 คนที่ประกาศออกทำศึกยูโร 2020 มีเพียงแค่ 6 คนเท่านั้นที่อายุถึงเลข 3 ไปแล้ว ส่วนที่เหลือกำลังสดเต็มที่ส่วนใหญ่อยู่ในวัยเพียง 20 กลางๆเท่านั้น

คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ชูเอา มูตินโญ่, เปเป้, โชเซ่ ฟอนเต้, รุย ปาตริซิโอ และ แอนโธนี่ โลเปส คือคนที่อายุเลยวัย 30 ปี โดยแข้งเด็กที่สุดคือ นูโน่ เมนเดส อายุ 18 ปีเป็นคนเดียวที่อายุต่ำกว่า 20

ด้วยประสบการณ์ของแข้งรุ่นพี่บวกกับรุ่นน้องที่จัดจ้านถือว่าทีมที่ความลงตัวทั้งในเรื่องของประสบการณ์กับความสด

โดยเฉพาะในตำแหน่งเซนเตอร์ที่มักถูกมองว่าเป็นจุดที่อ่อนที่สุดในทีม ปีนี้ทีมได้ รูเบน ดิอาส ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาประสบกับ เปเป้ เป็น "หนึ่งบุ๋น-หนึ่งบู๊" ไปเลย

แบ็กขวาก็มีทั้ง ชูเอา กานเซโล่ และ เนลสัน เซเมโด้ ที่ล้วนมาจากสโมสรใหญ่ ส่วนทางซ้าย ราฟาเอล เกร์เรยโร่ ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงของ ดอร์ทมุนด์ มาร่วมครึ่งทศวรรษแถมปีนี้ทำไปถึง 5 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ ต้องบอกว่าใครก็ห้ามประมาททั้งนั้น

แผงมิดฟิลด์ที่โดดเด่น

มั่นใจได้เลยว่าเราคงจะได้เห็นการประชันกันอย่างดุเดือดสำหรับแดนกลางของ โปรตุเกส ร่วมกับเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ฝรั่งเศส และ เยอรมัน เพราะทั้งสามชาติล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ของโลก

ทัพฝอยทองมี ดานิโล่ เปเรยร่า กับ ชูเอา มูตินโญ่ ที่เป็นกองกลางตัวรับชั้นดี รวมถึง ชูเอา ปาลินญ่า ที่เป็นตัวป้องกันที่ถือว่าไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจเช่นกัน

ส่วนมิดฟิลด์ตัวกลาง แซร์โจ้ โอลิเวยร่า จาก ปอร์โต้ ยกระดับฝีเท้าขึ้นมาอย่างน่าประทับใจกลายเป็นดาวเด่นและนักเตะที่น่าจะตามองมากที่สุดคยหนึ่ง นอกจากนี้ยังมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ปัจจุบันขึ้นแทนเป็นกองกลางแถวหน้าของโลกไปเรียบร้อยจากผลงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งการทำประตูและแอสซิสต์

แฟร์นานโด ซานโต๊ส ยังมี เปโดน กอนซัลเวส ที่สามารถเป็นทางเลือกแทนที่ บรูโน่ โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวเค้นฟอร์มสุดยอดกด 23 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต้นสังกัด  นอกจากจะเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมแล้วยังคว้ารางวัลดาวซัลของซูเปอร์ลีกกา โปรตุเกสไปครองอีกด้วย

พลังในการทำลายล้างคู่แข่ง

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงกัปตันทีมยังเป็นตัวชูโรงสำหรับการแข่งขันในทุกระดับ แต่ในปีนี้มีเพิ่มเติมเข้ามาก็คือ อันเดร ซิลวา กองหน้าจาก แฟร้งค์เฟิร์ต ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

สตาร์จาก ยูเวนตุส กด 29 ประตูให้ทีมคว้าดาวซัลโวกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลีซีซั่นนี้ไปครอง แม้ว่าต้นสังกัดจะมีฟอร์มย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม ในขณะที่ ซิลวา ซัด 29 ลูกกับ 10 แอสซิสต์ทุกรายการให้สโมสร กลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่คู่แข่งต้องระวังเช่นกัน

นอกจากนี้ทีมยังมีเหล่าแข้งที่สอดมาพังตาข่าสยได้อีกเพียบทั้ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ชูเอา เฟลิกซ์, ดีโอโก้ โชต้า และ เปโดร กอนซัลเวส ซึ่งแต่ละคนต้องบอกว่าชื่อชั้นไม่ธรรมเลยแล้วแสดงให้เห็นมาแล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะทาง เฟลิกซ์ ที่พกความมั่นใจมาเต็มที่หลังช่วย แอตเลติโก มาดริด ต้นสังกัดเข้าป้ายซิวแชมป์ลา ลีกา สเปนด้วย 7 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ เรียกได้ว่า แฟร์นานโด ซานโต๊ส จะเพลิดเพลินกับการเลือกกองหน้าลงสนามแน่นอน