:::     :::

"ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร" ความหวังใหม่ของทีมชาติไทย

วันอาทิตย์ที่ 06 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,775
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลเสมอกับ อินโดนีเซีย 2-2 นับว่า ทีมชาติไทย ค่อนข้างจะเสียหายไม่น้อย กับการต้องเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย อย่างไรก็ตามแฟนบอลยังได้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมา เมื่อ "น้องกัน"ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง พร้อมกับใส่เบอร์ 10 รับบทบาทจอมทัพแทนที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลเมกเกอร์ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกจากทีม

ปรากฏว่า เกมดังกล่าว กองกลางจากเลสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานออกมาอย่างยอดเยี่ยม โชว์ให้เห็นถึงคลาสบอลระดับพรีเมียร์ลีก การเคลื่อนที่หาช่อง จ่ายบอลสวยๆ จนได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากมายจากแฟนบอลไทย

เราลองมาดูกันว่าเหตุผลที่โค้ช และแฟนบอลส่วนใหญ่ มองว่าเป็นเกมที่ "น้องกัน" เปิดตัวอย่างน่าสนใจนั้น มีจุดไหนบ้างที่พวกเขาชื่นชมกัน


1.ทัศนคติการเล่นที่ยอดเยี่ยม

นับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ซึ่งเขาตามไปสมทบเพื่อนๆทีมชาติไทย ที่แคมป์ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ดูเหมือนว่าภาษากายที่แสดงออกสีหน้าท่าทาง และสัมมาคารวะที่เข้าไปทักทายไหว้ อากิระ นิชิโนะ ทีมสตาฟฟ์ และพี่ๆ นักเตะทุกคน

ในการซ้อมเท่าที่มีข้อมูล เขาใส่เต็มร้อยในทุกวินาที นับตั้งแต่การลงซ้อมตลอดจนช่วง จนเขาได้มีโอกาสลงเล่น 11 ตัวจริง พร้อมกับใส่เบอร์ 10 ที่เคยเป็นของ ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อีกด้วย

นับตั้งแต่นกหวีดเริ่มเกมยามที่เขาไม่มีบอล ก็พยายามช่วยเพื่อนตลอด ด้วยการไล่บอล และปิดช่องระหว่างไลน์ หรือเวลาต้องมาเล่นเป็นเกมรับ ก็วิ่งไล่เอาบอลคืนมาแบบไม่ต้องมีใครคอยสั่ง นี่แสดงให้เห็นว่าทัศนคติ มุมมอง และหัวใจของเขา ถวายให้กับทีมชาติไทยและเกมเดบิวท์ของเขาจริงๆ


2.การเคลื่อนที่ในระดับยุโรป

อย่างที่เกริ่นไว้ในท้ายข้อแรก การเคลื่อนที่ตลอดเวลานั้นกลายเป็นจุดที่หลายคนพูดถึง โดยเฉพาะประธานเทคนิคสโมสร ชลบุรี เอฟซี อย่าง "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ซึ่งกล่าวชื่นชมให้ผู้เขียนได้ฟังเอาไว้เป็นอย่างมากๆ

จุดที่ "โค้ชเฮง" ชื่นชอบ คือ "น้องกัน"จะนำตัวเองไปอยู่ช่องว่างระหว่างกลางของผู้เล่นอินโดนีเซีย 2 คนเป็นอย่างน้อย เพื่อเป็นการทลายโซนสร้างความสับสนให้กับนักเตะอิเหนา ว่าใครจะเป็นตัวเข้าประกบหรือคัฟเวอร์ หรือในศัพท์ฟุตบอลที่เรียกว่า Penetrate

อีกจุดก็คือ เขาพยายามขยับเพื่อสร้างกลุ่มสามเหลี่ยม เป็นทางเลือกในการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมเสมอ เพื่อให้คนอื่นสามารถวิ่งสอดขึ้นหน้าเข้าไปในเขตโทษ เพื่อทำทางขณะที่ อดิศักดิ์ ไกรษร ลงมารับบอล เป็นการเพิ่มมิติให้กับทีม แต่เราอาจยังไม่เห็นความลงตัวมากนักด้วยขีดจำกัดจากความเข้าใจในการเล่นร่วมกันเนื่องจาก "น้องกัน" มีเวลาเรียนรู้วิธีการเล่นของคนอื่นๆ เพียงแค่สัปดาห์เศษเท่านั้น และหากสามารถปรับจูนกันได้มากกว่านี้ เกมรุก "ช้างศึก" จะมีพลังทะลุทะลวงขึ้นมามากกว่าเดิมแน่นอน


3.เข้าใจเกมแม้จะเพิ่งมาใหม่

สไตล์ฟุตบอลของญี่ปุ่น นอกจากการเล่นแบบเป็นระบบแล้ว หัวใจในเกมรับก็ถือเป็นสิ่งที่กุนซือชาวปลาดิบ มักนำเอามาสร้างวินัยให้กับผู้เล่นที่พวกเขาไปคุมทีม ไม่ว่าจะเป็นระดับนานาชาติ หรือสโมสร

แม้แนวรับของทีมชาติไทย จะโดนเจาะไป 2 ครั้ง แต่ว่าการเล่นเกมรับของ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ก็ยังเห็นมิติบางอย่างที่ผู้เล่นชาวไทยคนอื่นๆ ควรที่จะเรียนรู้เอาไว้ ในการเล่นแบบทรานซิชั่นเปลี่ยนสถานการณ์จากรับเป็นรุก เหมือนอย่างที่ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เคยระบุไว้ในตอนที่เขาเลื่อนมาสู่ชุดใหญ่

ตอนนั้น "บีร็อด" ให้สัมภาษณ์ว่า  "บางทีคุณคงจะได้เห็นเขาลงเล่นมาบ้างในทีมชุดยู-23 เขายิงได้สองประตูในเกมที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเป็นผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก เขามีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมมากๆ แม้ว่ารูปร่างจะเล็ก (สูง 5 ฟุต 6 นิ้ว ประมาณ 167 เซนติเมตร) แต่เล่นได้ดีมากๆ เมื่ออยู่ในสนาม"


4.เป็นที่ยอมรับจากเพื่อนร่วมทีม

"เขามาจากพรีเมียร์ลีก ผมได้เห็นการซ้อมจึงรู้ว่าเขาเป็นนักเตะที่ดีมาก เขาเป็นคนนิสัยดี และพยายามจะเข้าหาเพื่อน ๆ ผมอยากให้เขาปรับตัวเองในการเข้าหาเพื่อนร่วมทีมให้มากขึ้น และได้ลงสนามให้เราด้วย ธนวัฒน์เป็นนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง มีเบสิคแน่น ผมรู้สึกว่าเขามีสไตล์การเล่นคล้าย ๆ อันเดรส อิเนียสต้า และ ชาบี เอร์นานเดซ ผมรู้สึกมีความหวังที่ได้เขามาร่วมทีม”

นั่นคือสิ่งที่ อากิระ นิชิโนะ ได้กล่าวก่อนเริ่มเกมถึงความมั่นใจที่มีต่อดาวเตะจากเลสเตอร์ซิตี้ และในเกมที่จบลงไปนั้นสิ่งที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด คือเขาเป็นที่ยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมแล้ว

ช่วงเริ่มเกมเขาอาจจะไม่ได้บอลเยอะมากมายนัก แต่เมื่อเขาได้รับบอลพร้อมกับแสดงศักยภาพออกมา ทำให้ทุกคนเชื่อแล้วว่า หนุ่มน้อยชาว จ.สุพรรณบุรี โดยกำเนิดนั้น เป็นของจริง และเพียงพอที่จะก้าวมาเป็นตัวหลักในอนาคตอันใกล้นี้


เหนือสิ่งอื่นใด แม้เราจะได้เห็นมิติใหม่ๆ ของเขาจากเกมกับ อินโดนีเซีย แต่นั่นอาจยังไม่ใช่บทพิสูจน์ที่วัดอะไรได้มากมายนัก เกมกับ ยูเออี ต่างหากที่จะได้เห็นอย่างเต็มรูปแบบว่าเมื่อเจอทีมที่มีคุณภาพระดับทวีป ธนวัฒน์ จะแสดงความแตกต่างให้เกิดขึ้นในเกมได้หรือไม่ และทีมชาติไทยจะเรียนรู้ความผิดพลาดจากเกมแรกเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องได้ดีเพียงใด

ในฐานะแฟนบอลไทยคนหนึ่งก็หวังเพียงว่า "ช้างศึก" ของเราจะสร้างความประทับใจเรียกศรัทธาคืนกลับมาได้อีกครั้ง เพราะบอกตามตรงว่า ไม่อยากตาค้างนอนไม่หลับยันเช้าเหมือนอย่างเกมที่เสมอกับ อินโดนีเซีย อีกแล้ว (โว้ย)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด