:::     :::

[Predictions] รอบแบ่งกลุ่ม EURO 2020 ใครจะรอด ใครจะร่วง

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
6,052
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือไกด์บุ้คเรียกน้ำย่อยสำหรับยูโร 2020 กับการคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า จุดเด่นและทรัพยากรของทั้ง24ทีมมีอะไรที่น่าสนใจ และใครที่น่าจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้บ้าง ไปดูกัน

ในที่สุดก็จะเริ่มฟาดแข้งกันแล้วสำหรับฟุตบอลยูโร2020 ที่จะระเบิดเกมนัดเปิดสนามกันกลางดึกคืนวันที่11 มิถุนายนนี้ในเวลาตีสอง (เช้ามืดวันเสาร์ที่12 มิถุนายน 2564) โดยมีผู้ถ่ายทอดในไทยแล้วเรียบร้อยนั่นก็คือ NBT จัดยิงสดดูยูโร2020 นั่นเอง โดยถ่ายผ่านช่อง NBT2HD ที่จะประเดิมกันคืนนี้เลย

โดยที่ยูโร2020 ทัวร์นาเมนต์ของปี2020 ที่ติดโควิดและต้องเลื่อนมาจัดปีนี้กันแทนนั้น แบ่งออกเป็น 6กลุ่มด้วยกัน กลุ่มละ4ทีม ตั้งแต่กลุ่ม A B C D E F รวมทั้งหมด "24ทีม" ที่จะลงฟาดแข้งชิงชัยความเป็นชาติมหาอำนาจของทวีปยุโรป โดยที่ไฮไลต์หลักที่หลายๆคนสนใจในยูโรครั้งนี้คือการ "ป้องกันแชมป์" จากแชมป์เก่าอย่างโปรตุเกส ที่หลายๆคนยังคงจำภาพที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ็บในนัดชิงปี2016ได้ดี

แต่มันไม่ได้มีเพียงแต่โปรตุเกสทีมเดียวที่มาด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ เพราะยังมีทีมแชมป์โลกรายล่าสุดอย่างทีมชาติฝรั่งเศส ที่มาเต็มอัตราศึก และพยายามที่จะทำให้ได้เหมือนยุคซีดานที่คว้าทั้งแชมป์โลกและแชมป์ยูโร รวมถึงความสุดยอดของทีมชาติสเปนที่ได้ทั้งยูโร2008 เวิร์ลคัพ2010 และแชมป์ยูโร2012 ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

ทั้งนี้ยังมีทีมอื่นๆอีกหลายทีมในยูโร2020นี้ที่อยู่ในสถานะตัวเต็งเช่นกันอีกหลายๆทีม ซึ่งยังดูยากอยู่ว่ามีใครบ้างในภาพรวมที่มีโอกาสหลุดเข้ารอบลึกๆได้ ดังนั้นเพื่อที่จะประเมิน"เบื้องต้น" เราจะมาลองวิเคราะห์เล่นๆว่า ในรอบแบ่งกลุ่มทั้ง6กลุ่ม มีใครบ้างที่จะผ่านรอบนี้ และเข้าไปสู่รอบน็อคเอ้าท์ "16ทีมสุดท้าย" ได้

อันดับการแข่งขัน :  วัดกันจากคะแนนที่มากที่สุดในกลุ่ม หากทีมคะแนนเท่ากันจะตัดสินกันด้วยประตูได้เสียก่อนในเบื้องต้น หากว่าเท่ากันค่อยมาตัดสินด้วยผลเฮดทูเฮด ซึ่งยูโรคราวที่แล้วก็เกิดเหตุเช่นนี้กับโปรตุเกสที่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้เพราะประตูได้เสียเช่นกัน

กฎการเปลี่ยนตัว : สามารถเปลี่ยนตัวได้ทั้งหมด5คนในเวลา90นาที +1ในช่วงextra time โดยที่ในเวลาสามารถขอเปลี่ยนตัวขณะแข่งขันได้3ครั้ง (ไม่นับช่วงพักครึ่งที่เปลี่ยนได้โดยไม่เสียโควตาจำนวนครั้ง)

วิธีการผ่านเข้ารอบ : รอบแบ่งกลุ่มต้องลงแข่งทั้งหมดสามนัดแบบพบกันหมด ทีมที่ได้คะแนนอันดับ1อันดับ2ของกลุ่มจะเข้ารอบทันที 6กลุ่ม x 2 = 12 ทีม

ในขณะที่อีก "4ทีมที่เหลือ" ที่จะตามอีก12ทีมเข้ารอบไปนั้น จะวัดจาก "อันดับ3ที่ดีที่สุด"  4ทีมจาก6กลุ่ม ดังนั้นทีมอันดับ3ก็ไม่ได้แปลว่าจะตกรอบในทันที ต้องเอาผลไปวัดกับทีมอันดับ3ในอีก 5กลุ่มที่เหลือ ถึงจะได้คำตอบว่าใครจะอยู่ใครจะไป จากนั้นจึงเป็น 16ทีมสุดท้ายที่เข้าไปเตะกันในรอบน็อคเอ้าท์ตามปกติ

เมื่อเป็นเช่นนี้จะเห็นว่า มีโอกาสที่จะมี 4กลุ่ม ที่เข้ารอบไปด้วยกันได้ถึง3ทีม ซึ่งก็ถือว่าโอกาสเปิดกว้างอยู่มาก ทีมที่จะตกรอบคือต้องอันดับบ๊วย หรือไม่ก็เป็นอันดับ3ที่คะแนนอ่อนจริงๆถึงจะตกรอบ

ทั้งหมดนั้นคือกฎคร่าวๆของรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 6กลุ่ม ดังนั้นเพื่อเป็นการวิเคราะห์ในรอบแบ่งกลุ่มนี้ว่า ใครจะรอด หรือใครจะร่วงนั้น เรามาลอง"วัด"กันดูเหมือนที่น้องๆวง4EVEร้องเพลงเอาไว้ว่า "เขาได้แต้มเท่าไหร่ ฉันได้แต้มมากกว่าาาาา"

มาดูกันว่า เอาแค่ในรอบแบ่งกลุ่มในเบื้องต้น แต่ละกลุ่มมีใครที่น่าจะผ่านเข้ารอบบ้าง รวมถึงเป็นการประเมินความแข็งแกร่งของแต่ละทีมในเบื้องต้นจากชื่อชั้นของทีม คลาสและขุมกำลังนักเตะ รวมถึงฟอร์มที่ผ่านมา โดยที่ยังไม่เห็นฟอร์มในเวทียูโร2020เลย เป็นการpredictล่วงหน้าแบบคร่าวๆ

เมื่อจบรอบแบ่งกลุ่ม แฟนบอลถึงจะเริ่มเห็นชัดขึ้นว่า ทีมไหนที่ฟอร์มโหดและเป็นตัวเต็งจริงๆ ถึงเวลานั้นค่อยมาคาดการณ์กันอีกทีว่า ใครน่าจะคว้าแชมป์ทวีปยุโรปไปครอง

ทั้ง6กลุ่มประกอบไปด้วย

กลุ่ม A : Turkey, Italy, Wales, Switzerland
กลุ่ม B : Denmark, Finland, Belgium, Russia
กลุ่ม C : Netherlands, Ukraine, Austria, North Macedonia
กลุ่ม D : England, Croatia, Scotland, Czech Republic
กลุ่ม E : Spain, Sweden, Poland, Slovakia
กลุ่ม F : Hungary, Portugal, France, Germany

กลุ่ม A "ไม่มีทีมให้ประมาท"

ทีมชาติอิตาลี

นี่คือทีมที่ฟอร์มดีที่สุดและไม่แพ้ใครมาสามปีแล้วด้วยสถิติ ไร้พ่าย27นัด (ชนะ22 เสมอ5) และ8นัดล่าสุดไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว การคุมทีมชาติอิตาลีของมันโช่ โรเบอร์โต้ มันชินี่ ถือว่าโหดมากๆ โดยที่ปิดท้ายรอบคัดเลือกมาด้วยการถล่มอาร์เมเนีย 9-1 ทำสถิติชนะต่อเนื่องสูงสุดที่11นัด และถล่มประตูเกือบเท่าสถิติสูงสุดของตัวเองในปี1948 ที่ชนะUSAไป 9-0

อิตาลีชุดนี้แกร่งทั่วแผ่นมากๆ แข็งแกร่งทุกแอเรีย ตั้งแต่กองหลัง กองกลาง กองหน้า แต่แอเรียที่ดูน่ากลัวที่สุดและแข็งปั้กสุดๆเห็นจะเป็นแผงมิดฟิลด์ที่ตัวเลือกเยอะมาก และแต่ละตัวลงมาทดแทนกันได้หมดชนิดที่เรียกว่าSquad Depthโคตรโหด ไล่ชื่อดูมีทั้ง บาเรลล่า แวร์รัตติ จอร์จินโญ่ คริสตันเต้ เปลเญกรินี่ ยิ่งรวมพวกปีกเข้าไปอีกยิ่งแล้วใหญ่

ในขณะที่กองหน้าก็มีคมๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเบลล็อตติ เบราดี้ อิมโมฯ อินซิเญ่ ส่วนกองหลังไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คิเอ โบนุชชี่ ที่จะผนึกกำลังกับพวกเลือดใหม่ๆอย่าง"ปวยเล้งจอมบุก"อย่างสปินาซโซล่า, โตลอย, ฟลอเรนซี่ แถมโกลทั้งดอนนารุมม่าหรือซิริกู

แน่นทั้งแผ่นจริงๆ

นักเตะที่น่าจะเป็นคีย์แมนสุดๆที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันก็คือมิดฟิลด์Box to Box พลังไดนาโมอย่าง นิโคโล่ บาเรลล่า ที่อัดแน่นไปด้วยเทคนิคและพลังทำลายกลางสนามที่พาอินเตอร์คว้าแชมป์เซเรียอา รวมถึงปีกดาวรุ่งที่น่าจับตามองสุดๆอย่าง เฟเดอริโก เคียซ่า ที่จะตามรอยพ่อของเขาในทีมชาติ สองคนนี้น่าจับตามองมากๆ ในขณะที่ตัวชื่อดังอื่นๆคงไม่ต้องสาธยายเยอะแล้วคงรู้ฝีเท้ากันดี

ทีมชาติตุรกี

ระยะหลังทีมชาติตุรกีเข้ามาเป็นขาประจำยูโรได้แล้ว ด้วยการติดเข้ามาเล่นถึง5ครั้ง จาก7ครั้งล่าสุด ซึ่งนักเตะชุดนี้ตัวเด่นๆที่แฟนบอลบ้านเราน่าจะคุ้นเคยกันดีก็คงจะเป็น โซยุนชู ของเลสเตอร์ กับ โอซาน คาบัค ของลิเวอร์พูล รวมถึงตัวสำคัญอย่าง ฮาคาน คัลฮาโนกลู มิดฟิลด์ตัวรุกจากเอซีมิลาน และคู่กองหน้าทีมแชมป์ลีกเอิงฝรั่งเศสอย่าง ยิลมาซ กับ ยาซิซี่ด้วย

โดยเฉพาะยิลมาซในวัย35ปี เจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดเป็นอันดับสองในทีมชาติ น่าดูชมว่าฝีเท้าเขาที่พาลีลล์คว้าแชมป์จะเป็นยังไงบ้าง

แต่ที่แน่ๆ ประมาทตุรกีไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ทีมชาติเวลส์

แน่นอนว่าการอยู่ในสหราชอาณาจักรย่อมทำให้นักเตะหลายๆตัวเราคุ้นเคยกันดีในพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว อย่างเช่น แกเรธ เบล กับ แดเนียล เจมส์ อารอน แรมซีย์, เบน เดวีส์, อัมปาดู หรือ เนโก วิลเลียมส์ กับ ดีแลน เลวิทท์ที่เป็นดาวรุ่งด้วย

ความสดของทีมชาติเวลส์อย่างที่เราเห็นกันว่าพวกเขาเข้ารอบสุดท้ายมาด้วยพลังบวกและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะเจมส์ที่ฟอร์มกระฉูดน่ากลัวในทีมชาติเวลส์ รวมถึงดาวรุ่งอย่างอัมปาดูที่เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์และกองหลัง

ถือว่ามีเลือดใหม่ที่เยอะ และเวลส์เป็นทีเด็ดสำคัญที่น่าจะชนะ1ใน3คู่แข่งเขาได้อย่างแน่นอน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : สมาคมฟุตบอลเวลส์ เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากอังกฤษ และสก็อตแลนด์ตามลำดับ (1863-1873-1876)

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

กระดูกสันหลังของสวิสคงหนีไม่พ้นตัวที่เรารู้จักกันดีอย่าง กรานิต ชาก้า ที่ไม่ว่าแฟนน่อลจะมองเขายังไง แต่ทีมชาตินี่คือตัวสำคัญที่รับประกันความแข็งแกร่งในแดนกลางให้ทีม และถึงขนาดว่าทีมที่เคยนำ3-0 เมื่อถอดเขาออกก็โดนตีเสมอ 3-3มาแล้วในปี2019

ตัวที่น่าจับตามองก็คงหนีไม่พ้นตัวรุกวัย บรีล เอ็มโบโล่ อดีตเทพFM 24ปีที่มีความเร็ว พลัง และความครบเครื่องอยู่ในตัวจากค่ายกลัดบัค ใครที่อยากเช็คฟอร์มตัวเด่นๆ เน้นดูที่บรีลได้เลย

ส่วนตัวอื่นๆของสวิสที่แฟนบอลน่าจะรู้จัก เห็นจะเป็น Kevin Mbabu ที่แฟนฟุตบอลเกมเปิดโหม่งออนไลน์4รู้จักกันดี(ฮา), ฟาเบียง ชาร์ ของนิวคาสเซิล, แช็ค เชอร์ดาน ชากิรี่ ของลิเวอร์พูล, เดนิส ซาคาเรีย กลางรับน่าเช็คฟอร์มของกลัดบัค

คาดการณ์กลุ่มA : ดูทรงแล้วมีโอกาสที่อิตาลีอาจจะชนะ2หรือ3เกมได้เลย และน่าจะเป็นแชมป์กลุ่มAเข้าไปรอบถัดไปสูงมากๆ ส่วนทีมที่น่าจะตามไปเป็นอันดับสอง มีโอกาสเป็นตุรกี เนื่องจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะเยอะและแพ้น้อยมากๆ เป็นตัวบ่งบอกประสิทธิภาพพวกเขาได้เป็นอย่างดี

ส่วนอีกสองทีมที่เหลือ หากวัดกันแต่ตัวนักเตะ ทางสวิตเซอร์แลนด์ดูแข็งแกร่งและเต็มถังกว่ามาก แต่เรากลับคิดว่า เวลส์ที่มาแบบม้ามืดมาตลอด น่าจะสร้างเซอไพรส์คว้าอันดับ3ของกลุ่มAได้

ประเมินกลุ่ม A คร่าวๆจากการคาดเดา : 1.อิตาลี 2.ตุรกี 3.เวลส์ 4.สวิตเซอร์แลนด์

----------------------------------------------

กลุ่มB "หนึ่งตัวเต็ง หนึ่งตัวตาย"

ทีมชาติเดนมาร์ก

ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มไม่เข้าตาเท่าไหร่ แต่เดนมาร์กก็ยังถือว่าไม่ใช่ทีมที่เคี้ยวได้ง่ายๆ หลุดมารอบสุดท้ายขนาดนี้ไม่มีคำว่าหมูมาให้เห็นอีกแล้ว เมื่อพวกเขามีหลังบ้านที่แข็งสุดๆด้วยแคสเปอร์ ชไมเคิล, ไซมอน เคียร์ รวมถึง อันเดรส คริสเตนเซ่นจากเชลซี ทีมแชมป์ยุโรปล่าสุด รวมถึงยานนิค เวสเทอร์การ์ดด้วย

หลังบ้านแน่นเว่อร์

กองกลางแน่นอนว่า ปิแอร์ ฮอยเบียร์ก กับ คริสเตียน อิริคเซ่น เราคงไม่ต้องแถลงฝีเท้าให้แฟนบอลที่รู้จักดีอยู่แล้ว แต่แดนหน้าตัวที่น่าสนใจคือ อันเดรียส สคอฟ โอลเซ่น กองหน้าโบโลญญ่าที่ยิงสามประตู กับสี่แอสซิสต์จากการลงสนามห้านัดให้เดนมาร์ก ถือเป็นตัวอันตรายมากๆที่จะคอมโบกับนักเตะที่ติดธง100นัดไปแล้วอย่างอีริคเซ่นที่เป็นจอมเทคนิคมือหนึ่งของทีม

ปัญหาในการเจอเดนมาร์กคือ หากบุกไม่ดีจริง เจาะยาก และทีมนี้ก็แพ้ยากด้วยแม้ว่าจะชนะน้อยในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างที่บอกว่าหลังบ้านพี่แกแน่นจริงๆ

เกร็ดเล็กๆ : ยูโร92 เดนมาร์กไม่ผ่านรอบคัดเลือกด้วยซ้ำ แต่10วันก่อนแข่งขันได้มีชื่อติดเข้ามาแทนยูโกสลาเวียที่ถอนตัวออกไป สุดท้ายใครได้แชมป์ก็รู้ๆอยู่ ก็ทีมนี้แหละที่ชนะเยอรมัน 2-0 ในรอบชิง

เสื้ออย่างสวย สงสัยต้องเชียร์แล้ว

ทีมชาติฟินแลนด์

ต้องบอกตามตรงว่าฟินแลนด์อาจจะเป็นเพียงทีมไม้ประดับที่ขนาดทีม กับคุณภาพนักเตะยังคงสู้พวกท็อปคลาสในยุโรปไม่ได้ นักเตะคนเดียวที่เอ่ยชื่อมาแล้วคนน่าจะรู้จัก มีเพียงแค่ ตีมู ปุ้กกี้ จากนอริช คนเดียวเท่านั้นเอง ซึ่งความสำเร็จของฟินแลนด์ก็ได้กองหน้ารายนี้ที่ร่วมทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อนตั้งแต่ปี2018คอยแบกเอาไว้ ยิงมาคนเดียว10ประตูให้ฟินแลนด์

นักเตะอีกคนที่น่าสนใจคือปีกหนุ่มอย่าง เฟดริก เยนเซ่น ของเอาคส์บวร์ก

ฟินแลนด์นี่ออกแนว ไม่ชนะก็แพ้ไปเลย ไม่มีมาอุดเอาผล ต้องตายกันไปข้างแน่ๆ ถ้าไม่หลุดไปเลยก็ชนะไปเลย น่าสนใจว่าทีมที่มาเจอนี่คืออาจจะร้อนๆหนาวๆเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆนี่คือการเข้ารอบสุดท้ายครั้งแรกที่น่าประทับใจสำหรับคนในชาติแน่นอน

ทีมชาติเบลเยี่ยม

"เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ" คือนิยามของเบลเยี่ยมและฟอร์มในรอบคัดเลือกที่ แข่ง10 ชนะรวด10 ไม่มีเสมอ ไม่มีแพ้ เขร้! มันโหดจริงๆ และอันดับแรงค์ในฟีฟ่าที่สูงที่สุดในขณะนี้ คงไม่ต้องสงสัยว่า Who is da boss? ซึ่งต้องมาดูว่าของจริงในสนามจริงจะโหดเหมือนสนามซ้อมรอบคัดเลือกหรือไม่

ภายใต้การกุมบังเหียนของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่เราคิดถึงชื่อนี้กันนานนั้น โรเมลู ลูกากู MVPของเซเรียอาปีนี้ก็ยิงคนเดียว7ลูกในเบลเยี่ยม และนักเตะทีมชาติเบลเยี่ยมนี่ก็คับคั่งไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ที่เรารู้จักกันดี และเยอะไปหมดจนไม่อยากนำมาเขียน ในขณะที่ทีมชาติอื่นๆเราต้องพยายามหาตัวที่แฟนบอลรู้จักมาเขียน แต่ทีมนี้ เยอะจนไม่น่าเอามาเขียนให้เกะกะ!

แน่นอนว่า 4ประตู 7แอสซิสต์ของ KDBในนามทีมชาติ และรังสรรค์อีก20ในพรีเมียร์ลีกให้แมนซิตี้ ก็เป็นฟอร์มธรรมดาๆของเควิน เดอบรอย(เนอร์) รวมถึงคู่หูในแดนกลางอย่างยูริ ทีเลมันส์ เจ้าของประตูลูกไฟดับซ่าซิตี้ในรอบชิงกับเลสเตอร์

ซุปตาร์เต็มทีมไปหมดทั้งคูร์กตัวส์ อาซาร์ เบนเทเก้ วิทเซล อัลเดอไวเรลด์ แฟร์มาเล่น แฟร์ทองเก้น บาตชูอายี่ ดรีส์ เมอร์เทนส์ รวมถึง เลอันโดร ทรอสซาร์ เอ่ยชื่อกันแทบไม่หมด

แต่เชื่อหรือไม่ เรากลับมองว่า ถ้าจะมีสักจุดอ่อนนึงที่ทำให้เบลเยี่ยมไปไม่ถึงฝั่งฝัน น่าจะเป็นกองหลังที่ดูแล้วยังไม่แข็งแกร่งในระดับสุดยอดสักเท่าไหร่ คงต้องพึ่งพวกกองกลางและตัวรุกเอาสำหรับเบลเยี่ยม เพราะถ้าดันทะลึ่งเจอทีมที่กลางแข็งๆและครองบอลได้อย่างพวกสเปนพวกนี้ มีโอกาสจะดูไม่จืดเหมือนกัน

ทีมชาติรัสเซีย

นำทีมโดยกัปตันทีมชาติและดาวซัลโว9ประตูของทีม ชายผู้เป็นกองหน้าทีมเซนิตอย่าง อาร์เต็ม ซยูบ้า ในวัย32ปี จะเป็นผู้พารัสเซียมาป่วนบอลยูโรครั้งนี้แน่นอนโดยมีผู้สืบทอดตำนานอย่าง อเล็กซานเดอร์ โซโบเลฟ ของสปาร์ตักมอสโคว์ติดมาในทีมอีกคน ซึ่งมีแววจะทำประตูได้ด้วยรอบแบ่งกลุ่มนี้

เบสของทีมชาติรัสเซียยังเหมือนเดิมเป๊ะๆ นักเตะส่วนใหญ่ยังเล่นอยู่ภายในประเทศล้วนๆ ชื่อเสียงอาจจะมีไม่มาก แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบ่งบอกแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องมี"สตาร์" แต่รัสเซียยังคงแสบและไม่ใช่หมูเหมือนเดิม เราไม่รู้ว่าพวกเขามีอาวุธอะไรซุกซ่อนอยู่หลังม่านเหล็กอันนี้บ้าง

ต้องรอลุ้น

เกร็ดเล็กๆ : รัสเซียไม่ชนะใครในยูโรรอบสุดท้ายมา5นัดแล้ว นัดล่าสุดที่ชนะคือเกมเปิดสนามยูโร2012ที่ถล่มเช็คไป4-1

คาดการณ์กลุ่ม B : แรกสุดก่อนเลย แชมป์กลุ่มยังไงก็เบลเยี่ยมที่จะชนะสามนัดรวด เข้ารอบไปแบบเท่ๆแน่นอนอยู่แล้วกับ9คะแนนเต็มที่จะไม่มีอะไรมาขวางทางทีมฟอร์มโหดแบบพวกเขาได้ แต่อันดับสองของกลุ่มB ผมมองว่าคลาสและชื่อชั้นของเดนมาร์กยังเหนียวพอที่จะเบียดคว้าอันดับ2เข้าไปสบายๆ โดยมีรัสเซียตามมาเป็นอันดับ3

ส่วนฟินแลนด์คงต้องทำใจจริงๆว่าสู้เขาได้ยากมาก เพราะทรัพยากรมีในมือแค่นั้นจริงๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เสียหายหรือต้องดูถูกอย่างใดหากว่าตกรอบจริงๆ

แค่ฟินแลนด์เข้ามาแข่งรอบสุดท้ายได้ ก็ดีกว่าทีมอื่นๆที่ไม่สามารถqualifiedเข้าถึง Final Euroได้แล้วนะ แปลว่าพวกเขายังไงก็ไม่ยอมโดนเคี้ยวง่ายๆแน่นอน

พูดงี้แล้วอยากเชียร์ฟินแลนด์ขึ้นมาเลย!

ประเมินกลุ่ม B คร่าวๆจากการคาดเดา : 1.เบลเยี่ยม 2.เดนมาร์ก 3.รัสเซีย 4.ฟินแลนด์

----------------------------------------------

กลุ่มC "อัศวินล่องนภา"

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

หรือถ้าจะให้ดี เรียกให้มันถึงใจ ยังไงก็ต้อง "ฮอลแลนด์" เท่านั้นสำหรับอัศวินสีส้ม ซึ่งในทัวร์นาเมนต์นี้น่าเสียดายมากๆที่ขาดเวอร์กิล ฟาน ไดค์ไป เพราะฟิตไม่ทัน แต่กระนั้นเองแผงหลังฮอลแลนด์ก็ยังดูแข็งแกร่งอยู่ ด้วยการผนึกกำลังของดาลีย์ บลินด์ กับ มัทไธจ์ เดอ ลิกต์ รวมถึง สเตฟาน เดอ ไฟรจ์ กองหลังยังนับว่าแน่น

แดนกลาง แน่นอนว่าแฟรงกี้ เดอ ยอง ยืนเป็นตัวหลัก เช่นเดียวกันกับจีจี้ ไวนาลดุม แต่น่าเสียดายที่ดอนนี่ ฟานเดอเบคของแฟนแมนยูไนเต็ดถอนตัวไปก่อนเพราะร่างกายมีปัญหาอาการบาดเจ็บ

ส่วนแดนหน้า คงต้องฝากความหวังสูงสุดเอาไว้ที่เมมฟิส เดปาย ที่กำลังฮอต ร่วมกับลุค เดอ ยอง ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม ดาวยิงสูงสุดของทีมกลับไม่ใช่กองหน้า แต่เป็นไวนาลดุมนี่แหละที่แบกเอาไว้คนเดียว8ประตู และในทีมชาติเขายิงเป็นรองเดปายแค่ลูกเดียวเท่านั้นเองที่ 22ต่อ23ลูก นี่จึงเป็นคีย์แมนคนสำคัญ

แต่ตัวที่น่าจับตามองก็คือ เดอลิกต์ ที่การขาดหายไปของVVD เขาจะแบกแผงหลังได้มากขนาดไหน ต้องมาลุ้น

เกร็ดเล็กๆ : ออรันเย่พลาดเข้ารอบชิงนานมาก นับจากยูโร2016 และ ฟุตบอลโลก2018 ครั้งสุดท้ายที่เข้าชิงก็คือกลางทศวรรษ80s กับการเป็นแชมป์ยูโร88 ยุคสามทหารเสือนั่นเอง แฟนฮอลแลนด์ลุ้นกันเหนื่อยเหมือนเดิม

ทีมชาติยูเครน

นี่อาจจะเป็นทีมเดียวที่ผู้เขียนรู้สึกไฮพ์กับผู้จัดการทีมมากที่สุด(ฮา) เพราะไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆสำหรับจรวดทางเรียบอย่าง อังเดร เชฟเชงโก้ ที่พาทีมลงสู้ศึกยูโร2020ครั้งนี้ ซึ่งทีมแทบจะไม่มีสตาร์เลย เพราะดาวยิงสูงสุดในรอบคัดเลือกอย่างยาเร็มชุค ก็ยังยิงไปแค่4เม็ดเท่านั้นเอง

ตัวที่แฟนบอลน่าจะรู้จักกันดี ก็คงจะมีแต่ซินเชนโก้(แมนซิตี้) กับ ยาร์โมเลงโก้(เวสต์แฮม)เท่านั้น แต่ข้อดีและจุดแข็งของยูเครนคือการที่นักเตะทีมชาติส่วนใหญ่มีเบสอยู่ในทีมเดียวกันจากดินาโมเคียฟ ความเข้าขากัน ทีมเวิร์ค น่าจะดีเป็นพิเศษ ทำให้ทีมพวกเขาไม่น่าจะโดนเคี้ยวได้ง่ายๆแน่ เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาของทีมเวิร์ค

คีย์แมนน่าจะเป็น รุสลัน มาลินอฟสกี้ มิดฟิลด์เท้าซ้ายของอตาลันต้าที่มีความอันตรายรอบตัว ทั้งการโฮลด์บอลและแจกจ่ายบอล สอดเข้าไปโจมตีทั้งใกล้และไกล

ตัวที่ต้องจับตามองคือ วิคเตอร์ ซิกันคอฟ นักเตะจากเคียฟแม้จะต้องแย่งตำแหน่งกับตัวระดับยาร์โมเลงโก้ แต่เขาน่าจะสร้างความแตกต่างอะไรให้ยูเครนได้เยอะทีเดียว

ทีมชาติออสเตรีย

ดาวยิงสูงสุดของออสเตรียเป็นคนที่เรารู้จักกันดีสำหรับกองหน้าร่างยักษ์อย่างอาร์เนาโตวิช ที่ซัดไป6เม็ด แต่นักเตะที่เป็นคีย์แมนทุกสิ่งทุกอย่างของออสเตรีย คือดาวิด อลาบา ในวัย28ปีที่ฝีเท้าอยู่ในช่วงพีคที่สุดของชีวิต และครบเครื่องทั้งพละกำลัง ประสบการณ์ ความชาญฉลาดในการเล่น รวมถึงการกระตุ้นทีม โดยที่แผงหลังยังมีตัวช่วยแบกอย่างดราโกวิชอีกหนึ่งตัว

ในขณะที่กองกลาง จุดที่น่าสนใจคือคู่หูจากไลป์ซิกอย่าง คอนราด เลเมอร์ กับ มาร์เซล ซาบิทเซอร์ ดูจะมีชื่อชั้นที่น่าสนใจ ทำให้เรารู้ว่า ออสเตรียก็ไม่ใช่ทีมที่จะผ่านได้ง่ายๆ โดยเฉพาะหัวใจในแดนกลางอย่างเลเมอร์ ที่แม้ปีที่ผ่านมาจะเจ็บยาวๆไป แต่ตอนนี้เขากลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมสำหรับยูโร2020แล้ว

ทีมชาติมาซิโดเนียเหนือ

นี่ถือเป็นทีมเล็กอีกทีมในยูโรครั้งนี้ที่กว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร แต่พวกเขาก็ทำสำเร็จมาอยู่ร่วมกลุ่มC โดยที่มีคีย์แมนสำคัญที่เรารู้จักกันดีอย่าง โกราน ปานเดฟ นักเตะวัย37ปีของเจนัวที่ค้าแข้งในอิตาลีมา20ปีแล้ว ด้วยการสร้างสรรค์ วิสัยทัศน์ และการจ่ายบอล ทำให้เขายังอันตรายอยู่

นักเตะที่น่าจะมาสืบทอดตำแหน่งปานเดฟในทีมชาติก็น่าจะเป็นเอลจิฟ เอลมาส วัย21ปี นักเตะสังกัดนาโปลี ตัวแทนระยะยาวของปานเดฟที่ทำเกมและแข็งแกร่งมากๆ เป็นอีกคนที่ต้องจับตามอง

ส่วนนักเตะที่แฟนบอลคุ้นเคยของทีมนี้คนอื่นๆก็ใช่ว่าจะไม่มี โดยเฉพาะ อาลิออสกี้ แบ็คตัวกลั่นของลีดส์ ยูไนเต็ด ก็น่าจะเป็นอีกสีสันที่สังเกตได้ในทีมมาซิโดเนียเหนือ

เกร็ดเล็กๆ : อันดับสามในรอบคัดเลือกคืออันดับที่ดีที่สุดของพวกเขาจาก13รอบคัดเลือกนับตั้งแต่ได้รับเอกราชมา และโอกาสเพลย์ออฟของพวกเขามาจากในรายการยูฟ่าเนชั่นส์ลีก

คาดการณ์กลุ่ม C : แชมป์กลุ่มแบบไม่น่ามีปัญหาในกลุ่มนี้คงจะเป็น "ฮอลแลนด์" ที่น่าจะผ่านคู่แข่งได้อย่างน้อยๆก็ 2 Win แน่ๆขั้นต่ำ หรืออาจจะชนะรวด3นัดเลย

อัศวินสีส้มจะล่องนภาไปไกลแสนไกลแน่นอน

ส่วนอันดับสองของกลุ่มนี้จะเป็นการแย่งกันระหว่าง ออสเตรีย กับ ยูเครน ซึ่งทีมหนึ่งก็ครบเครื่อง อย่างออสเตรียที่ดูแน่นปึ้กทุกแอเรีย แถมนักเตะมีชื่อชั้นมากกว่า แต่ยูเครนก็เป็นทีมที่ไม่แพ้ใครมาเลยในรอบแบ่งกลุ่ม ถ้าให้วัดกัน ขอให้ออสเตรียติดในอันดับ2

ประเมินกลุ่ม C คร่าวๆจากการคาดเดา : 1.ฮอลแลนด์ 2.ออสเตรีย 3.ยูเครน 4.มาซิโดเนียเหนือ

--------------------------------------------

กลุ่ม D "สังเวียนแห่งความสูสี"

ทีมชาติอังกฤษ

ขวัญใจมหาชนชาวไทย อังกฤษชุดนี้ต้องบอกว่าอยู่ในระดับตัวเต็งแชมป์ และมีโอกาสลุ้นถึงความสำเร็จอย่างจริงๆจังๆได้เลย ด้วยนักเตะเลือดใหม่เน้นๆที่เต็มไปด้วยความสดและคุณภาพการเล่นที่อัดแน่นด้วยฝีเท้าและชื่อชั้นที่ดี เรียกง่ายๆว่ามีแต่ตัวเป้งๆอยู่ในทีมเต็มไปหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮรี่ เคน กองหน้าตัวเป้าระดับท็อปทรีของโลกก็พร้อมนำทีมลงฉะกับคู่แข่งแล้ว เมื่อมารวมกับดาวเตะวัยรุ่นฝีเท้าดีๆอย่างฟิล โฟเด้น กับ เมสัน เม้าท์ โดยมีตัวช่วยเคนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และเจดอน ซานโช่ ขนาบซ้ายขวาร่วมกันกับตัวรุกอื่นๆอีกเป็นกระบุงในทีมชาติอังกฤษ ทำให้squad depthของอังกฤษน่ากลัวที่สุดในบรรดา24ทีม

ดาวยิงสูงสุดของอังกฤษในรอบแบ่งกลุ่มก็แน่นอนว่า แฮรี่ เคน แบกการทำประตูและทำเกมมาด้วยสถิติ12ลูก และรวมทั้งหมดมีส่วนร่วมไป34ประตู และฟอร์มกับสเปอร์ส กับ33ประตู 17แอสซิสต์ คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเคนสำคัญกับอังกฤษยังไงบ้าง

นักเตะที่น่าจับตามองจริงๆนั้น พวกตัวในพรีเมียร์ทั้งหลายคงไม่ใช่ปัญหาอะไรในการดูฟอร์มที่เห็นกันบ่อยๆอยู่แล้ว แต่Jude Bellingham ที่อยู่กับดอร์ทมุนด์ คราวนี้น่าจะเป็นการโชว์ฝีเท้าในเวทีใหญ่ที่ทำให้ทุกๆคนได้เห็นไดนามิคการเล่นที่สดและมั่นใจของเจ้าหนูที่กำลังจะ18ปีรายนี้ และแน่นอนว่าในอนาคต ทีมอังกฤษจะแย่งลายเซ็นของเขาเข้าสู่ทีมอย่างแน่นอนหลังจากที่เสือเหลืองเอาไปปั้น(ไว้ขายแพงๆ)แล้ว

ถ้าถามว่าเราอยากเห็นอะไรจากทีมชาติอังกฤษ เราอยากเห็นน้องจู๊ดเนี่ยแหละ รวมถึงความสดของเม้าท์กับโฟเด้นที่น่าจับตามองมากๆ รวมถึงซานโช่ที่เป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของตลาดซื้อขายแมนยูไนเต็ดด้วย และฝีเท้าของแจ็ค กรีลิช น่าจะเฉิดฉายในทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ต่างกับสตาร์รายอื่นๆ เพราะสกิลของกัปตันแจ็คก็ของจริงเช่นกัน

เป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆตั้งแต่หลังยันหน้า และมีลุ้นที่จะคว้าแชมป์คาเวมบลีย์จริงๆ ภาพของแชมป์โลกปี1966ที่แกร่งในถิ่นลอยมาเลย

เกร็ดเล็กๆ : อังกฤษแพ้ที่เวมบลีย์สองนัดเท่านั้นจาก23เกมในบ้านบนเส้นทางสู่ยูโร2020ครั้งนี้ สองทีมที่ว่านั้นคือเดนมาร์กและสเปน

ทีมชาติโครเอเชีย

ถือว่าช่วงรอบคัดเลือกฟอร์มไม่ได้แจ่มว้าวสักเท่าไหร่สำหรับโครเอเชีย แต่โดยรวมถือว่าเป็นทีมที่มีนักเตะคลาสสูงๆอยู่เยอะ หากว่าเราจะข้ามๆที่จะพูดถึงนักเตะบัลลงดอร์ปี2018อย่างลูก้า โมดริชที่ทำลายสถิติ134นัดในทีมชาติของเซอร์น่าไปเรียบร้อยแล้ว (138เกม) และดูท่าว่าจะไม่หยุดง่ายๆ

โมดริชคือมิดฟิลด์อัจฉริยะของแท้ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ที่จะควบคุมtempoของโครเอเชียในเกมบุก ด้วยความแม่นยำและเซนส์ธรรมชาติที่เหนือชั้นในแดนกลาง

แต่นักเตะที่น่าจับตามองของโครเอเชียมีอยู่เพียบ เก่งๆทั้งนั้นและแฟนบอลรู้จักกันดี ไม่ว่าจะโควาซิช โบรโซวิช เวอร์ซาโก้ ลอฟเรน เปริซิช เรบิค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อังเดร ครามาริค เจ้าของสกอร์20ลูกกับฮอฟเฟนไฮม์

ทีมชาติสก็อตแลนด์

สตีฟ คล้าก อดีตผู้ช่วยของรุด กุลลิตที่นิวคาสเซิลปี98 จะนำทีมชาติสก็อตแลนด์ลงทำศึกสำคัญในรอบสุดท้าย โดยมีขุนพลที่น่าสนใจหลายตัวมากๆ สองชื่อแรกที่ลอยมาก็คงจะหนีไม่พ้นแมนยู-ลิเวอร์พูล อย่างสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตามมาด้วยคีแรน เทียร์นีย์อีกราย

โดยที่นักเตะส่วนใหญ่เบสอยู่ในพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว อย่างเช่น เช อดัมส์ สจ๊วต อาร์มสตรอง จอห์น แม็คกินน์ หรือ ไรอัน เฟรเซอร์ พวกนี้คือตัวคุ้นหูกันทั้งนั้น ดังนั้นมาตรฐานการเล่นของสก็อตแลนด์เชื่อว่าคงจะอยู่ในเลเวลที่ดีแน่นอนด้วยทรงการเล่นสไตล์ของพวกทีมสหราชอาณาจักร

คีย์แมนคือจอห์น แมคกินน์ที่จะคุมแดนกลางด้วยพลังงานและความแข็งแกร่ง แต่ตัวคาเมโอสงสัยว่าจะไปอยู่ที่บิลลี่ กิลมอร์ของเชลซีที่อาจจะสร้างเซอไพรส์ได้

ทีมชาติสาธารณรัฐเช็ค

ตัวสำคัญของเช็คในยุคนี้ แดนหน้าต้องฝากความหวังไว้กับแพทริค ชิค เจ้าของดาวซัลโว 4ประตูของทีม ในขณะที่ตัวเด่นๆของเช็คในยุคนี้ก็ประกอบไปด้วยนักเตะที่อยู่ในสโมสรมีชื่อเสียงอย่างเช่น โทมัส ซูเช็ค / วลาดิเมียร์ คูฟาล หรือ ออนเดรย์ เซลัสต์ก้า รวมถึงตัวจี๊ดอย่าง วีดร้า จากค่ายเบิร์นลีย์

คีย์แมนของเช็คน่าจะเป็น วลาดิเมียร์ ดาริด้า ที่เป็นผู้นำของทีม โดยใช้ความสูงใหญ่ของซูเช็ค เจ้าของ10ประตูกับขุนค้อนเวสต์แฮม ที่จะผสมผสานกับความจี๊ดของวีดร้า ต้องบอกว่าเช็คมีตัวที่น่าสนใจมากมายและมีชื่อชั้นหลายตัว ผ่านไม่ได้ง่ายๆแน่ไม่ว่าใครจะมาเจอ

ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มถือว่ามีแพ้มาเยอะเหมือนกันถึง3นัด ยังมีจุดอ่อนที่ไม่แน่นอนกับทีมอยู่ ต้องลุ้นหนักหากจะเชียร์ในทัวร์นาเมนต์นี้

คาดการณ์กลุ่ม D : มีเพียงโครเอเชียทีมเดียวเท่านั้นที่อาจจะทำให้อังกฤษตึงมือหน่อย แต่เชื่อว่ายังไงก็แชมป์กลุ่มอย่างแน่นอนสำหรับทรีไลอ้อน ส่วนอันดับสองก็ตามนั้น ทีมชาติโครเอเชียน่าจะตามเข้าไปได้ไม่ยาก

อันดับสามคิดว่าสก็อตแลนด์มีตัวแข็งๆค่อนข้างเยอะ และการเล่นที่เหนียวแน่นและแน่นอน นักเตะแนวรับเด่นๆทั้งนั้น น่าจะเหนียวพอจะรักษาคะแนนติดเป็นอันดับ3ได้ แต่3กลุ่มDจะลุ้นกับกลุ่มอื่นหนักหน่อย เพราะกลุ่มนี้ค่อนข้างสูสีกัน โอกาสตัดแต้มกันเองมีสูง และอันดับสุดท้ายคงจะเป็นเช็คจากการคาดเดา ซึ่งก็อาจสลับกันได้ระหว่าง 3กับ4

ประเมินกลุ่ม D คร่าวๆจากการคาดเดา : 1.อังกฤษ 2.โครเอเชีย 3.สก็อตแลนด์ 4.สาธารณรัฐเช็ค

-----------------------------

กลุ่มE "แหล่งรวมตัวท็อปฟอร์ม"

ทีมชาติสเปน

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม ชนะ8 เสมอ2 ถือว่าฟอร์มดีเลยสำหรับทัพกระทิงดุที่อัดแน่นด้วยคุณภาพของตัวนักเตะและระบบการเล่นเช่นเดิม โดยการนำของหลุยส์ เอ็นริเก้ ที่ใช้นักเตะแกนหลักจากแมนซิตี้ แอตมาดริด และบาร์ซ่าเป็นหลัก โดยไม่มีนักเตะเรอัล มาดริดติดมาเลยสักคนเดียว

ตอนนี้สเปนมีปัญหานักเตะติดโควิดอยู่ ต้องดูว่าจะจัดการยังไง แต่ที่แน่ๆขุมกำลังเขาก็น่าจะเยอะพอจะเรียกตัวมาทดแทนได้ และคงไม่ต้องอ่านชื่อกันทั้งหมดว่าใครน่าสนใจ เพราะมันมีชื่อชั้นทุกตัว โดยที่กองหลังน่าสนใจว่า ลาปอร์ก, เปา ตอร์เรส อาจจะรวมถึงเดฟปิลิกวยต้า ใครจะมาช่วยอุดรูของการขาดแซร์คิโอ รามอสได้

แต่แดนกลางสเปนดูแน่นขึ้นเยอะ ด้วยตัวสดที่เป็นแกนซิตี้อย่างโรดรี้ ที่มารับไม้ต่อจากบุสเก็ตต์เป็นงานสุดท้าย ในขณะที่ติอาโก้ อัลคันทาร่า คือมิดฟิลด์คลาสสูงที่น่าจับตามองการเล่นของเขาดีๆที่น่าจะได้มาร์กอส ญอเรนเต้ และโกเก้ คู่หูจากตราหมีช่วยทำเกมแดนกลางด้วย

กองหน้าอย่างโมราต้า และ เจราร์ด โมเรโน่ คือสองหน้าที่น่าจะเป็นตัวหลักในการจบสกอร์ แต่ตัวสอดแทรกของสเปนในแนวรุกมีน่าสนใจเยอะ ทั้งโอลโม่ โอยาซาบาล เฟร์ราน ตอร์เรส และอาจจะรวมถึงนักมวยปล้ำอย่างอดาม่า ตราโอเร่ด้วย แต่ตัวที่รอชมกันเยอะอย่าง Pedri ของบาร์ซ่า หากว่าได้ลงและฟอร์มดีก็จะยิ่งเป็นที่รู้จักมากกว่านี้

ขุมกำลังแน่นปั้กมาก ที่เหลือคือต้องดูว่าแนวหลังของสเปนจะแข็งได้ขนาดไหน ถ้าแข็งได้ก็เข้าชิงได้เช่นกัน

ทีมชาติสวีเดน

หัวหอกนำทัพอย่างเอมิล ฟอร์สเบิร์ก จะนำเอาพลังงาน ความแข็งแกร่ง และความฉลาดเป็นกรดเข้ามาสู่เกมรุกของสวีเดน ซึ่งทำได้ทุกอย่างในแนวรุก โดยที่จะเคียงข้างเซบาสเตียน ลาร์สสัน ตัวเก๋าวัย36ปี ซึ่งตัวเด่นๆของสวีเดนที่น่าดูฟอร์มก็คือ คริสโตเฟอร์ โอลสัน มิดฟิลด์ตัวแจกจ่ายและพาบอลได้ดีในแดนกลาง คือตัวสำคัญในการเล่นของทีม

แน่นอนว่า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ จะเป็นที่จับตามองอีกแล้ว(ฮา) และคู่หูของเขาน่าจะเป็นดานิเอลสันเป็นหลัก และแดนหน้า มาร์คุส เบิร์ก คงยืนเป็นตัวล่าตาข่ายหลักอีกคนนึงของทีม

น่าเสียดายที่ซลาตันซึ่งติดทีมชาติอีกครั้งหลังจากประกาศรีไทร์ไปแล้วนั้นเกิดอาการบาดเจ็บซะก่อน เลยอดดูฝีเท้าเฮียตั้น และเกมรุกของสวีเดนก็ลดพลังทำลายลงไปเยอะ คงต้องรอให้ฟอร์สเบิร์กแบกจริงๆถึงจะมีสิทธิ์ลุ้นเข้ารอบได้

ทีมชาติโปแลนด์

การคุมทีมของเปาโล ซูซ่า พาทีมเข้ารอบมาสวยๆด้วยชัยชนะ8นัด เสมอ1 แพ้1 โดยดาวซัลโวโปแลนด์ก็แทบไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร และนักเตะคนไหนที่จะเป็นคีย์แมนของทีม

แน่นอนว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเป้าเบอร์หนึ่งของโลกขณะนี้พร้อมแล้วที่จะนำทีมในยูโร2020 ซึ่งจะไม่น่ากลัวเลยหากว่าทั้งทีมมีแต่เลวาน แต่โปแลนด์มีนักเตะชื่อชั้นดีอีกหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น คลิช หรือ เบดนาเรค ที่เล่นในพรีเมียร์ลีก รวมถึงลีกอื่นๆตัวโหดๆก็ยังมี คริโชเวียค หรือ เซลินสกี้, แดนหน้าเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน อาร์คาดิอุส มิลิค ก็พร้อมสแตนด์บายเลวานเช่นกัน

เป็นทีมที่ขุมกำลังแน่นอีกคน และบางครั้งนักเตะคนเดียวก็อาจจะสร้างอะไรสำเร็จได้ งานนี้รอดูเลวานเน้นๆว่าจะแบกโปแลนด์ขนาดไหนในยามที่เขาท็อปฟอร์มต่อเนื่องเช่นนี้

เกร็ดเล็กน้อย : ดาวซัลโวในยูโรตลอดกาลของโปแลนด์คือ บลาสซิคอฟสกี้ กับ3ประตูของเขา ซึ่งเลวานตามอยู่แค่ลูกเดียวก็จะทำสถิติเทียบเท่าแล้ว

ทีมชาติสโลวาเกีย

เข้ารอบมาอย่างกระท่อนกระแท่นอีกทีมนึงด้วยความปราชัย3นัด แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการจะเชียร์ทีมอย่างสโลวาเกียก็คือ การจะได้ดูตัวเก๋าในตำนานอย่าง มาเร็ค ฮัมซิค ที่จะนำทีมชาติของเขามาลุยในยูโรอย่างภาคภูมิใจ

แต่อีกตัวนึงที่ชื่อดังๆนอกจากโกลอย่างดูบราฟก้านั้น มิลาน สคริเนียร์ คือกองหลังทีมชาติสโลวาเกียที่ติดทีมมาด้วย จากอินเตอร์มิลาน และก็น่าดูชมฟอร์มของนักเตะรายนี้เหลือเกิน ซึ่งงานชุกแน่นอนล่ะ เพราะแม้มาเร็ค ฮัมซิคจะเก่งขนาดไหน แต่วัย33ปีไม่อาจจะแบกแดนกลางคนเดียวได้อีกต่อไป ต้องลุ้นฟอร์มเพื่อนคนอื่นๆพอควร และแดนหน้าน่าจะต้องฝากความหวังการยิงประตูกับ โบเซนิค จากทีมเฟเยนูร์ด

ดาวรุ่งวัย18ปีอย่างโทมัส สูสลอฟ อาจจะไม่ได้ลงสนาม แต่เขาได้ตามความฝันที่จะติดทีมได้เล่นเคียงข้างกับฮัมซิคสำเร็จแล้ว

คาดการณ์กลุ่ม E : ไม่มีอะไรมากนอกจากสเปนจะชนะสามนัดรวดแล้วนั้น ทีมที่น่าจะตบเท้าตามเข้าไปแน่ๆอีกทีมน่าจะเป็นโปแลนด์ที่ฟอร์มดีมากๆ และเลวานก็อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มต่อเนื่องมาหลายปี น่าจะเข้ารอบไปได้ โดยที่ทีมอันดับสามคงต้องแย่งกันระหว่างสโลวาเกีย กับสวีเดน แต่ดูเหมือนว่ารายหลังดูดีกว่า และจะต่อยอดเกมรุกที่ยิงได้เยอะๆในรอบคัดเลือดหรือไม่

ประเมินกลุ่ม E คร่าวๆจากการคาดเดา : 1.สเปน 2.โปแลนด์ 3.สวีเดน 4.สโลวาเกีย

-------------------------------------------

กลุ่ม F "กลิ่นแห่งความตาย"

ทีมชาติฮังการี

ถือเป็นทีมที่น่าจะเรียกว่าซวยที่สุดในยูโร2020นี้ ที่ดันโคจรมาอยู่กับเสือสิงห์กระทิงแรดที่มาเจอกันโดยมิได้นัดหมาย  โดยที่ภาระการเล่นป้องกันจนอ่วมน่าจะไปตกอยู่กับวิลลี่ ออร์บาน เซ็นเตอร์จากไลป์ซิกของฮังการี และโกลจากค่ายเดียวกันอย่างกูลาชี่

ตัวที่น่าจะแบกเกมรุกได้เห็นจะเป็น โรลันด์ ซัลลาย ของไฟร์บวร์ก ที่ทำ6ประตู8แอสซิสต์ในบุนเดส น่าจะช่วยแบ่งเบากัปตันทีมอย่างAdam Szalaiได้

ฟอร์มรอบคัดเลือกก็ไม่ค่อยดี ตัวนักเตะก็น้อย มาอยู่ทีมนี้อีก ก็บ๊ายบายก่อนล่วงหน้าเลย ไม่ต้องลุ้นอะไรทั้งนั้น

ทีมชาติโปรตุเกส

อีกหนึ่งขวัญใจแฟนบอลที่รอเชียร์มากมาย โปรตุเกสผ่านรอบคัดเลือกด้วยการระเบิดสกอร์ถล่มทลายโดยเจ้าเดิมอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กดไป11ประตู ภายใต้การทำทีมของโค้ชแชมป์ยูโรคนเดิมอย่าง เฟอร์นันโด ซานโตส

คงไม่ต้องให้เอ่ยชื่อว่าทีมชาติโปรตุเกสอัดแน่นไปด้วยนักเตะท็อปคลาสขนาดไหน ทีมนี้ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มก็ดี และขุมกำลังก็แน่นปั้กทุกตำแหน่ง แถมยังมีความสมดุลลงตัวอย่างมากด้วยการผสมผสานระหว่าง ตัวเก๋าประสบการณ์สูงของทีม อย่างCR7 หรือ เปเป้ ป.ประมุขเจ้าเก่า รวมกับตัวใหม่สดๆที่ร่างกายฟิตเปรี๊ยะอย่างรูเบน ดิอาส กองหลังแชมป์พรีเมียร์ลีก คู่หูของพี่เป้ หรือดิโอโก้ โจต้า ที่จะคอยวิ่งป่วนแนวรับคู่แข่งเพื่อสอดส่ายให้กับโรนัลโด้ที่เป็นเป้าหลักในแดนหน้า และคอมโบกันอย่างดีระหว่างความเก๋า กับความสด

และทั้งหมดทั้งมวล ถูกควบคุมโดยแม่ทัพหลวงอย่าง "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" ที่ฟอร์มกำลังสด ทั้งยิงทั้งจ่ายไปอย่างที่ทราบกัน ล่าสุดก็กดไป2 กับอีก1แอสซิสต์

ไม่มีแอเรียไหนสักแอเรียเดียวที่น่าห่วง เพราะชุดนักเตะแน่นมากจริงๆ หลายๆคนก็อยู่ในช่วงพีค ทั้งบรูโน่ แบร์นาโด้ ดิอาส เชื่อว่าโปรตุเกสถ้าไม่accident และผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้ สงสัยยาว

ทีมชาติฝรั่งเศส

ดีกรีแชมป์โลกถูกพกมาในงานนี้ พร้อมด้วยเป้าหมายการล่าแชมป์ระดับทวีปให้ได้อีกรายการ การจัดทัพของเดชองส์น่าจะต้องปวดหัวไม่น้อยเพราะมีแต่วัตถุดิบราคาแพงให้เลือกสรร เปรียบเสมือนมีคาเวียร์ เห็ดทรัฟเฟิล ตับปลาอังกิโมะ ให้เลือกทำอาหารอยู่ในมือ ที่ต้องจับของดีๆมาเบลนด์เข้าด้วยกันให้กลมกล่อม

นักเตะของแพงๆในทีมน้ำหอมมีเพียบ ตั้งแต่คีเลียน เอ็มบาปเป้ / ปอล ป็อกบา / ก็องเต้ / โกม็อง / เบนเซม่า / กรีซมันน์ / คิมเพมเบ้ ฯลฯ ให้เอ่ยชื่อคงไม่หมดเพราะก็ดังทุกตัว

แต่ที่แน่ๆ เบอร์หนึ่งย่อมหนีไม่พ้นคีเลียน เอ็มบาปเป้ ที่น่าจะเฉิดฉายแน่นอน จากที่รอบแบ่งกลุ่มเล่นลำบากเพราะเจอแต่ทีมตั้งรับลึก คราวนี้ในกลุ่มมีแต่ทีมดีๆที่จะครองบอลบุกใส่ฝรั่งเศส น่าจะเป็นจุดที่น้องเป้ได้ใช้จุดแข็งวิ่งสวนกลับกระจุยกระจายเหมือนภาพเดิมๆที่เราคุ้นชินแน่นอน แต่หากว่าโฟกัสแต่เอ็มบาปเป้อย่างเดียวก็อาจจะโดนทีเด็ดของโกม็องเล่นงานจากอีกฝั่งเช่นกันในฐานะตัวรุกสปีดสูงที่ไม่ได้แพ้เป้เลย

แต่คนที่แบกฝรั่งเศสเอาไว้อย่างเงียบงันจากเบื้องหลัง คงหนีไม่พ้นนักเตะเวิร์ลคลาสที่ชื่อว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ นั่นเอง

ทีมชาติเยอรมัน

นี่คือความน่ากลัวที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างเงียบๆ แต่ความแน่นของทีมชาติเยอรมันที่เก่งทุกตำแหน่งและสามารถลงมาเล่นทดแทนกันใน "ระบบ" ได้สบายๆ คือจุดแข็งที่หลายคนมองข้ามไป

เยอรมันยังคงเป็นทีมที่ไม่ควรถูกมองข้าม และนักเตะระดับท็อปในทีมก็ยังอยู่กับทีมชาติชุดนี้ ไม่ว่าจะนอยเออร์ หรือฮุมเมลส์เองก็ตาม ในขณะเดียวกัน เลือดใหม่ก็ถูกเติมเข้ามาเพียบ ทั้งแวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ สองคู่หูจากเชลซี แต่ตัวรุกที่เด่นจริงๆในทีมชาติคือ แซร์จ กนาบรี้ เจ้าของสถิติ8ลูกในรอบแบ่งกลุ่ม

กองหลังเยอรมันมีน่าสนใจเต็มไปหมด โดยเฉพาะนิคลาส ซูเล่ / มัทเธียส กินเตอร์ / รูดิเกอร์ที่กำลังฟอร์มเทพ

ส่วนกองกลางนะเหรอ บอกได้คำเดียวว่าขนลุกเกินจินตนาการที่เราต้องรู้ว่า กลางเยอรมันมีนักเตะระดับ โทนี่ โครสเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเทพคิมมิช กุนโดกัน โกเรตซก้า เลอรอย ซาเน่ ฯลฯ

แค่จินตนาการก็ป่าเถื่อนเกินจะต้านไหว

โดยรวมถือว่าทีมมีบาลานซ์ของนักเตะชุดเก่าชุดใหม่ผสมผสานกันดี แต่เท่าที่ดู หากว่าจะมีปัจจัยที่ทำให้เยอรมันไปไม่ถึงฝัน ก็น่าจะเป็นตำแหน่งกองหน้าที่ขาดความแน่นอนในการจบสกอร์อยู่จริงๆ แดนกลางเยอรมันต้องแบ่งเบาให้ได้เท่านั้นถึงจะเอาตัวรอดไปได้ในยามที่ไม่มีกองหน้าเก่งๆเช่นนี้

ภายใต้การคุมทีมของโยอาคิม เลิฟ รับประกันการเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าจะไปได้ไกลจริงๆต้องทำเกมรุกให้แน่นอนซะก่อน หวังว่ากนาบรี้จะช่วยทีมได้เยอะ เช่นเดียวกับโกม็อง หรือเบนซ์ ที่ฟอร์มกำลังดี ควรช่วยแบ่งเบาการทำประตูบ้าง

คาดการณ์กลุ่ม F : ทีมชาติฝรั่งเศสน่าจะเข้ารอบเป็นอันดับหนึ่งด้วยการเฉือนฮังการี และโปรตุเกสสำเร็จ และอาจจะเสมอกับเยอรมัน แต่ยังไงก็ตามทัพเลอ เบลอส์ มีศักดิ์ศรีแชมป์โลก กับชุดนักเตะที่สุดโหดทุกแอเรีย และเป็นชุดที่เล่นด้วยกันมาในฟุตบอลโลกเป็นส่วนใหญ่ คงจะต่อยอดความสำเร็จได้สวยงามในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยที่อันดับ2ต้องเป็นการแย่งกันระหว่างโปรตุเกส กับ เยอรมัน แบบเต็มๆ ซึ่งดูทรงแล้ว เยอรมันที่กลางแน่นและเหนือกว่าโปรตุเกส น่าจะครองเกมได้ และสุดท้ายคงเฉือนทีมฝอยทองเข้ารอบเป็นอันดับ2

ซึ่งไม่ใช่ว่าโปรตุเกสจะไม่ดี โปรตุเกสเป็นทีมที่กลมกล่อมลงตัวด้วยสัดส่วนนักเตะในทีมที่พอเหมาะ แต่พวกเขาน่าจะติดอันดับ3ของกลุ่มนี้ ซึ่งก็ต้องอาศัยดวงพอควรในการไปวัดกับอันดับ3ของอีก5กลุ่มที่เหลือว่าจะดีพอไหม

ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ว่าโปรตุเกสไม่ดีพอ เชื่อว่าเขาไปอยู่กลุ่มอื่นก็ดีพอจะเป็นแชมป์กลุ่มได้ แต่ถ้าโดนตัดกำลังไปเยอะจากลูกได้เสียต่างๆในกลุ่มที่งานหนักเช่นนี้ การจะไปวัดกับอันดับ3ของกลุ่มที่มีสมาชิกอ่อนกว่า จะเสียเปรียบอย่างมาก

กลุ่มนี้ต้องลุ้นหนักว่า อาจจะเป็นอันดับ3 ที่เข้าไปรอบน็อคเอ้าท์ด้วยโควตาที่นั่งสุดท้ายแบบท้ายสุดจริงๆ และโปรตุเกสทำสิ่งคล้ายๆดังกล่าวนี้มาแล้วเมื่อ5ปีก่อน ซึ่งเข้ารอบแบ่งกลุ่มไปอย่างกระท่อนกระแท่น สุดท้ายคว้าแชมป์เฉย

ประเมินกลุ่ม F คร่าวๆจากการคาดเดา : 1.ฝรั่งเศส 2.เยอรมัน 3.โปรตุเกส 4.ฮังการี

ทีนี้อันดับ1-2 ของแต่ละกลุ่มที่ประเมินไว้ยังไงก็เข้ารอบอัตโนมัติอยู่แล้ว ต้องมาวัด"อันดับ3"ของทุกๆกลุ่มว่า ใครจะเป็นอันดับสามที่ดีที่สุด 4ทีม ที่จะตาม 12ทีมแชมป์กลุ่ม+รองแชมป์ เข้าไปรอบ16ทีมสุดท้าย

หากว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คาดเดา ลองมาดูแคนดิเดทอันดับ3ของแต่ละกลุ่มกัน

A : เวลส์ / B : รัสเซีย / C : ยูเครน / D : สก็อตแลนด์ / E : สวีเดน / F : โปรตุเกส

การดูอันดับ3ที่ดีที่สุด ไม่ได้เอาแต่ละทีมมาวัดความเก่งกันโดยตรง ทีมที่เก่งที่สุดในบรรดา6ทีมนี้ ไม่ได้แปลว่าจะเข้ารอบทันที แต่ขึ้นอยู่กับผลงานที่ทำได้ ซึ่งตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผลงานของอันดับ3ในกลุ่มนั้นๆจะดีหรือไม่ดีก็คือ

"ระดับความโหดของทีมในกลุ่มนั้นๆ"

หากในกลุ่มมีทีมแข็งๆอยู่เยอะ โอกาสที่ทีมอันดับ3กลุ่มนั้นจะทำผลการแข่งขันได้ไม่ดี ก็จะยิ่งมีโอกาสสูงขึ้น

ดังนั้นเมื่อลองกะประมาณคร่าวๆว่า อันดับ3กลุ่มไหนที่น่าจะหืดจับที่สุดในบรรดา6กลุ่ม ผลประกอบการคือ

กลุ่ม A กับ กลุ่ม D คลาสของทีมอันดับ2-3-4 ใกล้เคียงกันมาก โอกาสตัดแต้มกันเองมีสูง

เช่นเดียวกันกับกลุ่มแห่งความตาย "F" ที่ต้องเล่นประหนึ่งเตะนัดชิงตลอดเวลาเกือบทุกนัด

อันดับสามของกลุ่มเหล่านี้เจองานหนักที่สุด และมีโอกาสที่ผลการแข่งขันจะสู้กลุ่มที่มีทีมอ่อนจัดๆอยู่ในกลุ่มไม่ได้

ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างกลุ่มB กับ กลุ่ม C ที่มี ฟินแลนด์ กับ มาซิโดเนียเหนือ อยู่ในกลุ่ม อันดับ3ของทั้งสองกลุ่มนี้มีโอกาสรอดสูงเอามากๆเพราะน่าจะเก็บลูกได้เสียจากทีมเหล่านี้สบายๆ

ในขณะที่กลุ่มEก็ยังมีสโลวาเกีย คอยรองมือให้กับทีมอย่างสวีเดนหรือโปแลนด์อยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ B C E อันดับสามมีโอกาสรอดสูงจริงๆ

เมื่อเป็นแบบนั้น กลุ่มที่เหลืออย่างF น่าจะรอดยาก และความสูสีกันของทีมใน A กับ D ดูทรงแล้วกลุ่มDคาดเดาได้ยากที่สุดว่าใครจะเข้ารอบ

ดังนั้นอันดับ3ของกลุ่ม D และ กลุ่ม F สองกลุ่มนี้ ทำใจไว้แต่เนิ่นๆได้เลยว่าโอกาสที่ผลงานจะไม่ดีพอจะเป็น "อันดับสามที่ดีที่สุด 4ทีม" มีสูง

เมื่อนำมาไขว้กันในรอบน็อคเอ้าท์ เราจะได้predictionของ 16ทีมสุดท้ายในยูโร2020 แบบคร่าวๆดังนี้

แชมป์และรองแชมป์กลุ่ม :

A 1.อิตาลี 2.ตุรกี
B 1.เบลเยี่ยม 2.เดนมาร์ก
C 1.ฮอลแลนด์ 2.ออสเตรีย
D 1.อังกฤษ 2.โครเอเชีย
E 1.สเปน 2.โปแลนด์
F 1.ฝรั่งเศส 2.เยอรมัน

อันดับ3 ที่ดีที่สุด4ทีม : เวลส์ รัสเซีย ยูเครน สวีเดน

และการไขว้กันในรอบน็อคเอ้าท์ 16ทีมสุดท้าย "มีโอกาส" ที่อาจจะเป็นดังนี้

Saturday 26 June
1: 2A vs 2B (18:00, Amsterdam) = Turky VS Denmark
2: 1A vs 2C (21:00, London) = Italy VS Austria

Sunday 27 June
3: 1C vs 3D/E/F (18:00, Budapest) = Netherland VS Sweden
4: 1B vs 3A/D/E/F (21:00, Seville) = Belgium VS Wales

Monday 28 June
5: 2D vs 2E (18:00, Copenhagen) = Croatia VS Poland
6: 1F vs 3A/B/C (21:00, Bucharest) = France VS Russia

Tuesday 29 June
7: 1D vs 2F (18:00, London) = England VS Germany
8: 1E vs 3A/B/C/D (21:00, Glasgow) = Spain VS Ukraine

ท่านผู้อ่านน่าจะเริ่ม "เห็น" แล้วว่าคู่ไหนที่มีสิทธิ์เป็นคู่เอกระดับห้าดาวในรอบ16ทีมสุดท้าย

กระบวนการ Prediction เบื้องต้นจึงสิ้นสุดตรงนี้ แล้วเดี๋ยวรอบแบ่งกลุ่มจบลง น่าจะเห็นฟอร์มของแต่ละทีมมากขึ้น ค่อยมาคาดเดาเส้นทางที่เหลือว่า ทีมใดน่าจะไปสู่บัลลังก์แชมป์ยูโร2020ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ดูทรงแล้ว "อังกฤษ" งานหนักแน่นอน เพราะดวงต้องไขว้ไปเจอกับอันดับ2ของกลุ่มF ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาก็เลวร้ายนรกแตกสำหรับอังกฤษทุกทีม

อาจจะเป็น อังกฤษ VS เยอรมัน, อังกฤษ VS โปรตุเกส หรือ อังกฤษ VS ฝรั่งเศสก็ได้

ยังไงก็ตาม รอบน็อคเอ้าท์มีของเดือดๆให้ดูอย่างน้อยหนึ่งคู่ชัวร์

รับประกันความเสียวล่วงหน้าเลย

-ศาลาผี-

Refefences

https://soccer.nbcsports.com/2021/06/10/euro-2020-squads-full-list-details-confirmed/

https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/news/0256-0db422ecc788-fc419fd78f92-1000--euro-2020-meet-the-teams/

https://www.uefa.com/uefaeuro-2020/news/0254-0d41684d1216-06773df7faed-1000--euro-2020-all-the-fixtures/

https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/euro-2020-groups-decided-goal-24252632

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด