:::     :::

บาร์ซ่ายกระดับแผงรับเพื่อคว้าแชมป์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แม้จะได้ เอริก การ์เซีย เข้ามาแล้ว แต่ บาร์เซโลน่า ยังต้องการ อายเมริก ลาปอร์ก เข้ามาอีกราย เพื่อยกระดับแผงรับของตัวเองซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการกลับมาประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ แต่มันไม่ง่ายเลย

แม้ทัวร์นาเมนท์ยูโรกำลังเดินไปอย่างเข้มข้น นักเตะที่เข้าร่วมต่างมุ่งสมาธิไปที่การแข่งขัน แต่การทำงานของ โจน ลาปอร์ต้า กับทีมก็พยายามมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายให้ใกล้ที่สุด 

หลังจากเปิดตัว เอริก การ์เซีย ในฐานะปราการหลังตัวใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว บาร์เซโลน่า ยังมีข่าวว่าแสดงความสนใจในตัวของ อายเมริก ลาปอร์ก กองหลังของ แมนฯซิตี้ อีกราย 

ลาปอร์ก อยู่ในทีมชาติสเปนชุดสู้ศึกยูโรของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เช่นเดียวกับ เอริก การ์เซีย ไม่รู้ว่าคู่นี้จะแอบคุยถึงอนาคตกันบ้างหรือไม่ แต่ข่าวออกมาว่าตัวปราการหลังซิตี้ สนใจที่จะย้ายกลับมาเล่นใน ลา ลีกา กับ บาร์เซโลน่า 


เหตุผลสำคัญคือเจ้าตัวต้องการโอกาสลงการเล่นเป็นตัวจริง แม้ฤดูกาลที่เพิ่งปิดฉากลงไปจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ พร้อมกับลงสนามให้ทีมไปทั้งสิ้น 2,249 นาทีก็ตาม ทว่าคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงที่ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เลือกใช้งานเป็นหลักกลับเป็น รูเบน ดิอ๊าส กับ จอห์น สโตน มากกว่า 


นสพ.สปอร์ต รายงานว่าดีลนี้ไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ปัญหาใหญ่อยู่ที่เรื่องของตัวเงินที่ ลาปอร์ก มีค่าตัวอยู่ราวๆ 45 ล้านยูโร ซึ่ง เป็นไปได้สูงว่า หากจะต้องเสีย ลาปอร์ก ออกไปจริงๆ เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกน่าจะต้องการเป็นเงินสดทั้งหมด เพื่อนำเงินไปลงทุนกับกองหลังตัวใหม่ เพราะถึงแม้ในทีมจะมี เนธาน อาเก้ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟอีกราย แต่ขุมกำลังอาจไม่เพียงพอสำหรับสู้ศึกในฤดูกาลหน้าซึ่ง แมนฯซิตี้ ตั้งความหวังไว้ทุกรายการ โดยเฉพาะกับถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่พวกเขาพลาดไปอย่างน่าเสียดาย 


ดังนั้นแล้ว แม้จะมีข่าวการแลกตัวครั้งใหญ่ระหว่าง แบร์นาโด้ ซิลวา,ชูเอา กันเซโล่ กับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ และ อุสมาน เดมเบเล่ แต่กรณีของ ลาปอร์ก นั้นจะแตกต่างออกไป 

บาร์ซ่า ต้องการเซนเตอร์ฮาล์ฟเข้าสู่ทีมอีกราย เพื่อลดการเสียประตู หลังปีก่อนโดนเจาะตาข่ายใน ลา ลีกา ไป 38 ลูก ซึ่งมากกว่า เรอัล มาดริด และ แอต.มาดริด ซึ่งแม้จะได้ การ์เซีย เข้ามาเพิ่ม จนทำให้เวลานี้ทีมมีผู้เล่นในตำแหน่งนับได้ถึง 6 รายด้วยกัน แต่ก็อย่างที่ โรนัลด์ คูมัน เคยคอมเมนท์ไว้กับ โจน ลาปอร์ต้า ว่าปัญหาของ บาร์ซ่า ในหลายๆจุด "มันไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่เป็นเรื่องของคุณภาพ" 


ออสการ์ มินเกซ่า คือกองหลังดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาท่ามกลางปัญหาบาดเจ็บในแผงหลังของทีม หากคำนึงถึงอายุ (22ปี) และประสบการณ์ที่ยังน้อย โดยภาพรวมถือว่าเขาสอบผ่าน ทว่าในเกมสำคัญๆ มินเกซ่า ก็ยังไม่เป็นที่วางใจนัก 

ความผิดพลาดในเกมกับ กรานาด้า เป็นจุดที่ทำให้ทีมยังไม่สามารถวางใจเขาได้เต็ม 100 และดูเหมือนว่าการเล่นในระบบหลัง 3 ของ คูมัน จะสร้างปัญหาให้ มินเกซ่า พอสมควรเลยทีเดียว 

ด้านกำลังหลักอย่าง เคราร์ด ปีเก้ (34ปี) เห็นได้ชัดว่าโรยราลงมาก ฤดูกาลที่แล้วมีปัญหาบาดเจ็บยาว แม้ปีนี้เขาจะยังคงเป็นตัวหลักอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่น่าจะยืนระยะได้ตลอดทั้งฤดูกาล 

จะเหลือก็แต่ เกลม็อง ล็องเล่ต์ กับ โรนัลด์ อาเราโฮ ที่จะได้เล่นเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่ 

ล็องเล่ต์ เป็นกองหลังฝีเท้าดี โดดเด่นทั้งลูกกลางอากาศและบนพื้น ทั้งยังมีความเร็ว ร่างกายแข็งแกร่ง แต่มีช่วงฟอร์มตก มีจังหวะผิดพลาดส่วนตัวค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญขาดความเป็นผู้นำ หากจะต้องเป็นผู้แบกความรับผิดชอบในแผงกองหลังของทีมก็ยังดูว่าน่าห่วง 


ส่วน อาเราโฮ ถือเป็นอนาคตของทีมอย่างแท้จริง แต่เขายังต้องอาศัยระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าต่อไป อีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ ดาวรุ่งอุรุกวัยมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นชั้นไปเป็นกองหลังระดับโลกได้ แต่ในเวลานี้ มันยังเร็วเกินไป 


ซามูแอล อุมตีตี้ มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพร่างกาย โดยเฉพาะหัวเข่าที่ผ่านการบาดเจ็บหนักเมื่อปี 2018 กระทั่งตอนนี้ก็ยังกลับมาได้ไม่เหมือนเดิม จนฉุดให้ฟอร์มการเล่นตกต่ำ 

ซีซั่นที่แล้วก็ช่วยอะไรทีมไม่ได้มาก ลงเล่นแค่ 14 เกมในทุกรายการ แบ่งเป็น ลา ลีกา 13 เกม, ชปล. 1 เกม ,ตัวจริง 6 นัด รวมเวลาลงเล่นแค่ 682 นาทีเท่านั้น ยิ่งเมื่อดูที่ค่าเหนื่อยซึ่งสูงติดท็อป 8 ของทีมที่ 12 ล้านยูโรต่อปี ก็ทำให้ซัมเมอร์นี้ 'บิ๊กแซม' คือคนที่สโมสรพยายามจะปล่อยออกจากทีมมากที่สุด


ไม่เพียงแค่ค่าเหนื่อยเท่านั้น แต่ในเชิงแท็คติกแล้ว อุมตีตี้ คือเซนเตอร์ฝั่งซ้ายและถนัดเท้าซ้าย ซึ่งทับกับ ลาปอร์ก ที่ถนัดซ้ายเช่นกัน 

คูมัน แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนใจที่จะใช้บริการของ อุมตีตี้ อีกต่อไป และสโมสรก็เห็นตรงกันว่าควระต้องเร่งปล่อยกองหลังฝรั่งเศสออกจากทีมให้ได้ในซัมเมอร์ปีนี้เพื่อ... 

1. ลดเพดานเงินเดือน เคลียร์สลอตให้ว่างเพื่อรองรับการมาของ ลาปอร์ก

2.นำเงินที่ได้จากการขายมาเป็นทุนในการซื้อ ลาปอร์ก หรือแข้งรายอื่นๆ 


แม้ว่าเงินที่ได้เข้ามาอาจจะน้อยนิดเพียง 8 ล้านยูโร แต่สโมสรก็ตั้งใจแล้วว่ายังไงก็ต้องขายให้ได้  แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ได้อยู่ที่ว่า บาร์ซ่า อยากขายแล้วจะขายได้ง่ายๆ 

สภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์-ค่าเหนื่อยที่สูงลิบ ทำให้แทบไม่มีสโมสรไหนสนใจที่จะจ่ายเงินซื้อ อุมตีตี้  ขณะที่ตัวนักเตะเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจย้ายออกจากทีม 

อุมตีตี้ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเขายังต้องการอยู่กับทีมต่อไป และนั่นทำให้บอร์ดบริหารปวดหัว เพราะสัญญายังมีกับทีมถึงปี 2023 หากเจ้าตัวไม่ยอมย้าย ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะปล่อยออก 

การคงอยู่ของ อุมตีตี้ จึงนับเป็นอุปสรรคต่อการมาของ ลาปอร์ก ที่ทีมงานของ ลาปอร์ต้า จะต้องเคลียร์ให้สำเร็จ เพราะมันสำคัญต่อแนวทางการเล่นของทีมในฤดูกาลหน้าอย่างมาก 

ซีซั่นที่ผ่านมา แฟนๆไม่ค่อยแฮปปี้นักกับระบบ 3-5-2 เพราะมันดูไม่ใช่สไตล์ที่ บาร์เซโลน่า จะทำได้ดีในระยะยาว ซึ่งเรื่องนี้ คูมัน เองก็เข้าใจ แต่เขาไม่มีทางเลือก 

ความจริงข้อนึงที่แฟนบาร์ซ่าต้องทำความเข้าใจก็คือ คูมัน ไม่ได้ชื่นชอบระบบแผงหลัง 3 ตัวอะไรเป็นพิเศษ หากแต่มันเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าระหว่างฤดูกาลที่เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บของนักเตะกองหลัง 


คูมัน ต้องพยายามขันเกมรับให้แน่น พยายามทดลองแก้ไข จนมาลงตัวที่ระบบ 3-5-2 แต่เอาเข้าจริงแล้ว คูมัน ไม่เคยใช้ระบบนี้เป็นพื้นฐานในการทำทีมมาก่อนเลย  

ยุคแรกๆ สมัยคุม วิสเทสต์ อาร์เน่ม กับ อาแจ็กซ์ เขาใช้ระบบ 4-4-2 กับ 4-3-3

คุม เบนฟิก้า กับ พีเอสวี ใช้ 4-3-3 

คุม บาเลนเซีย กับ เอแซ่ด อัลค์มาร์ ใช้ 4-4-2  

คุม เฟเยนูร์ด ใช้ 4-3-3

คุม เซาท์แธมป์ตัน กับ เอฟเวอร์ตัน ใช้ 4-2-3-1

คุม ฮอลแลนด์ ใช้ 4-2-3-1  

เช่นเดียวกับช่วงแรกกับ บาร์เซโลน่า กุนซือดัตช์ก็เลือกใช้ 4-2-3-1 จนกระทั่งทีมมีปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้า ก็ปรับเป็น 4-3-3 แล้วสุดท้ายมาเป็น 3-5-2 อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน 

ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าซีซั่นหน้า แฟนๆจะได้เห็น คูมัน กลับมาใช้ระบบแผงรับ 4 คนค่อนข้างแน่ หากว่าได้นักเตะที่มีคุณภาพตามต้องการ 

เคราร์ด ปีเก้ หรือ เอริก การ์เซีย ยืนฝั่งขวา / ลาปอร์ก ยืนฝั่งซ้าย มี ล็องเล่ต์ เป็นตัวซัพพอร์ต นี่คือชุดเซนเตอร์ฮาล์ฟในฝันที่ คูมัน อยากได้ 

เงื่อนไขเดียวเท่านั้นที่จะไม่ได้เห็นคือ ลาปอร์ต้า เคลียร์ อุมตีตี้ ออกจากทีมไม่สำเร็จ และหาเงินก้อนมาจ่ายค่าตัว ลาปอร์ก ให้ แมนฯซิตี้ ไม่ทัน 

ถ้าลงเอยแบบนี้ก็ บาร์เซโลน่า ก็อาจจะยกระดับขึ้นมาไม่ได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้ และเหนื่อยแน่นอนหากหวังจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการที่ใหญ่กว่า โกปา เดล เรย์


เจมส์ ลา ลีกา


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด