:::     :::

ระเบียบวินัยแบบ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้"

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
3,189
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรียกว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อย

สำหรับคริสเตียโน่ โรนัลโด้กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่ทำการเลื่อนขวดโค้กออกไปพ้นฉาก ระหว่างการแถลงข่าว ในศึกยูโร 2020 รอบสุดท้าย พร้อมกับชูน้ำเปล่าขึ้นมา และบอกว่าน้ำเปล่าคือน้ำที่คนควรดื่ม 


แอคชั่นดังกล่าวของ CR7 ส่งผลกระทบต่อบริษัทโคคา โคล่าผู้สนับสนุนฟุตบอลรายการนี้เข้าอย่างจัง เพราะหลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ส่งผลให้หุ้นของบริษัทโคลา-โคล่า ร่วงลงทันที 


พร้อมกันนี้ มูลค่าโดยรวมของบริษัทยังลดลงจาก 242 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 238 พันล้านดอลลาร์ หรือหายไปกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ในแค่พริบตาเดียว หรือคิดเป็นเงินไทยราว 124,000 ล้านบาท


ช่วงนี้ เราไปดูกันหน่อยว่า ทำไมโรนัลโด้ ถึงกลายเป็นนักเตะที่มีระเบียบวินัยอย่างเข้มข้น ผ่านการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 

หากจะเอ่ยถึงนักฟุตบอลนามว่า โรนัลโด้ นี่คือคนที่ประสบความสำเร็จ และพิสูจน์ตัวเองมามากมาย ทั้งกับสโมสร และทีมชาติโปรตุเกส ด้วยวัย 36 ปี เขายังรักษาสภาพร่างกายเอาไว้เป็นอย่างดี และมีโครงสร้างที่ยอดเยี่ยม


เขาบอกว่า แม้วัยจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเขายังดูแลตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองยังเหมือนกับนักเตะวัยหนุ่ม พร้อมกันนี้ เขายังคงที่จะตั้งหน้าตั้งตาผลิตสกอร์ต่อไปเรื่อยๆ เบื้องหลังทั้งหมดคือ การปลูกฝังระเบียบวินัยใส่ตัวเอง


CR 7 เริ่มต้นกล่าวว่าคุณสามารถออกกำลังกายได้ทุกสถานที่ เท่าที่คุณพอจะทำได้ คุณสามารถบริหารหน้าท้องในห้องนอน ทั้งตอนตื่นในยามเช้า หรือก่อนที่คุณจะเข้านอน การทำอะไรแบบเดิมเป็นประจำ มันจะช่วยให้ง่ายขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว มันจะกลายเป็นนิสัย"


"การออกกำลังกายที่ดี ต้องเคียงข้างไปกับการกินอาหารที่ดีด้วย ผมกินอาหารที่มีโปรตีนสูง และมีคาร์โบไฮเดรตในจำนวนที่เหมาะสม ผมมักจะกินผลไม้ และผัก พร้อมกับหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาล" 


"ผมต้องกินแบบนั้นเป็นประจำ หากคุณทำการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะรักษาระดับพลังงานให้อยู่ในระดับสูง เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ดีขึ้น


บางครั้ง ผมกินอาหารมื้อย่อยได้ถึง 6 มื้อต่อวันเลยทีเดียว เพื่อให้มั่นใจว่า ผมมีพลังงานเพียงพอในการฝึกซ้อมในระดับสูง การดื่มน้ำมีความสำคัญมากเช่นกัน (รวมถึงการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์)"

นอกจากเรื่องร่างกายแล้ว สิ่งที่โรนัลโด้ ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน นั่นคือเรื่องของจิตใจ โดยเขากล่าวว่า "เรียนรู้ที่จะฝึกฝนจิตใจ เหมือนกับที่ฝึกฝนร่างกาย ความแข็งแกร่งของจิตใจ มีความสำคัญเท่ากับความแข็งแรงทางกายภาพ มันช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้"


ผมมองว่า เราต้องเป็นคนที่มีระเบียบวินัย และรักษาแรงจูงใจของตัวเองไว้ การทำอะไรจนเป็นกิจวัตรประจำวัน ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ สำหรับผมแล้ว ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับการเฉื่อยชา ดังนั้น ผมจึงต้องเข้มงวด"


อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะมุ่งมั่นกับการดูแลตัวเองอย่างหนักหน่วง ทว่าเขายังคงเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับการผ่อนคลาย และเติมความสุขให้กับตัวเอง 


"การฝึกซ้อม และการออกกำลังกาย เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่การดำเนินชีวิตแบบผ่อนคลาย มันจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่จุดที่ดีสุด ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ผมชอบใช้เวลาว่าง ด้วยการอยู่กับครอบครัว และเพื่อน ทำให้ผมผ่อนคลาย และมีพลังงานเชิงบวกในจิตใจ"


"สุดท้าย การนอนหลับพักผ่อน เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ผมเข้านอนเร็วมาก และตื่นตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะก่อนมีเกมการแข่งขัน การนอนหลับจะช่วยเรื่องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ มันสำคัญเป็นอย่างมาก"


เรื่องราวของน้ำอัดลม ที่กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกของโรนัลโด้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในชีวิตเขา เพราะเขานำแนวความคิดเรื่องการดูแลตัวเอง และอาหารการกิน ปลูกฝังไปยังลูกๆของตัวเองด้วย 


โรนัลโด้ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าบางครั้ง ผมคอยเข้มงวดกับลูกชายคนโต เพราะโรนัลโด้ จูเนียร์ ดื่มน้ำอัดลมอย่างโคคาโคล่า และแฟนต้า ทำให้ผมโกรธเขาบ้างในบางเวลา ผมมักทะเลาะกับเขา เมื่อเห็นเขากินมันฝรั่งทอด และอีกหลายอย่าง เขารู้ดีว่าผมไม่ชอบมัน


แม้แต่ลูกคนเล็กของผม เมื่อพวกเขาแอบกินช็อกโกแลต พร้อมกับหันมามองที่ผม (ด้วยสีหน้าแบบกลัว) เราต้องเข้มแข็งเข้าไว้


โรนัลโด้ ทิ้งท้ายว่า แม้เขาจะเจ้มงวดกับลูกไปบ้าง แต่ก็ไม่ลืมที่จะปล่อยให้ลูกมีอิสระ และกำหนดชีวิตตัวเอง พร้อมกับเป็นอะไรก็ได้ แบบที่ตัวเองอยากเป็น โดยมีข้อแม้ว่า เมื่อเป็นแล้ว ต้องเป็นให้ดีที่สุด


บอกตามตรงว่า ลูกชายคนโตของผมเป็นเด็กมีศักยภาพ เขาเป็นเด็กตัวใหญ่, วิ่งเร็ว และเคลื่อนที่อย่างยอดเยี่ยม ผมบอกเขาทุกครั้งว่า ต้องใช้ความทุ่มเท และการทำงานที่หนักหน่วงมาก


บางครั้ง ตอนเราอยู่บ้าน ผมพูดว่า -ไปที่ลู่วิ่งออกกำลังกาย และวิ่งสักหน่อย- หลังจากที่เสร็จภารกิจบนเครื่องวิ่ง ผมมักบอกเขาว่า -เอาล่ะ คราวนี้ลูกต้องไปแช่น้ำเย็น เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย และกลับมาวิ่งแบบนี้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ลูกมักหันมาตอบผมว่า -แต่พ่อครับ น้ำมันเย็นมากเลยนะ ผมไม่อยากทำแบบนี้- แต่ผมเขาใจลูกนะ เพราะเขายังอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น


ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลูก ผมจะไม่กดดันให้เขาก้าวมาเป็นนักฟุตบอล ถ้าคุณถามผมว่า อยากใ้ห้ลูกเป็นนักเตะหรือเปล่า แน่นอนว่าผมต้องตอบว่าใช่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ลูกสามารถเป็นอะไรก็ได้ ตามที่เขาต้องการ


หากวันหนึ่งเขาอยากจะเป็นหมอ หรืออะไรก็ตาม ผมแค่อยากให้เขามีความคิดในหัวที่ว่า -ฉันจะต้องดีที่สุดในอาชีพนี้-”

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})