:::     :::

สาเหตุที่ "ช้างศึก" ไปไม่ถึงดวงดาว

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,737
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การเสมอ อินโดนีเซีย 2-2, แพ้ ยูเออี 1-3 และ แพ้ มาเลเซีย 0-1 นี่คือบทสรุปของ ทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม จี ใน 3 เกมสุดท้าย เป็นอันว่าเราจบอันดับ 4 ของสายนี้ ยังดีที่เราได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม เอเชียน คัพ 2023 ในรอบนี้ ซึ่งการแบ่งสายจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม

อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่ไม่ตอบโจทย์สักทีเดียว ทำให้หลายคนมองเห็นขีดความสามารถของ อากิระ นิชิโนะ ว่าสอบตกอย่างรุนแรง แต่จะเป็นเพราอะไรนั้น เราลองมาวิเคราะห์กันสักหน่อย


1. ขาดสตาร์ดังที่สามารถยกระดับทีม

ทีมชาติไทย มีการประกาศรายชื่อผู้เล่นล่วงหน้าทั้งหมด 47 คนครั้งนี้ไม่มีชื่อของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งกลับไปเล่นที่ โอเอช ลูเวิน ในลีกเบลเยียม แต่ว่าด้วยผลงานของเขาที่ไม่ค่อยลงสนาม จึงไม่อยู่ในลิสต์ของ "ช้างศึก" ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

และแล้วก็มีข่าวร้าย เมื่อ 3 แข้งอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าจาก บีจี ปทุมฯ ตัดสินใจถอนตัวเนื่องจากมองว่าเขายังมีผลงานไม่ดีพอกับต้นสังัด แถมเพิ่งจะกลับมาเรียกความฟิตได้ไม่นาน 

ขณะที่อีก 2 รายอย่าง ฟิลิปป์ โรลเลอร์ แบ็คขวาจาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในตอนนั้น ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม การท่าเรือ เอฟซี และ ธีระพล เยาะเย้ย แนวรุกจาก สมุทรปราการ ซิตี้ ไม่ได้เดินทางเข้ามารายงานตัว เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ

ไม่เพียงเท่านั้น ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายคนสำคัญจาก โยโกฮามา เอฟ มารินอส ก็ขอถอนตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากการที่จะกลับไปยังต้นสังกัดได้ไม่ทันตามกำหนดเดิม แล้วยังส่งผลกระทบต่อความพร้อมของร่างกายในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ รวมถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ ทำให้กลับไปต้องกักตัว 14 วัน

ตามด้วย ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกตัวเก่ง คอนซาโดเล ซัปโปโร เดี้ยงซ้ำระหว่างฝึกซ้อมทำให้ต้องพัก 2 สัปดาห์ จนไม่สามารถเดินทางมาร่วมทีมได้ เท่ากับว่าทีมชุดนี้เหลือเพียงแค่ 42 คนเท่านั้น


2. เพราะโควิดทำให้ไม่ได้ซ้อมในไทย

ทีมชาติไทย ชุดนี้ แบ่งการฝึกซ้อมเป็น 2 กลุ่ม เริ่มจากแข้งที่ที่ไม่ได้ลงทำการแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ 2020 จะเข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน และเข้าแคมป์ก่อนในวันที่ 3 พฤษภาคม

ส่วน กลุ่มที่สอง นักกีฬาที่มาจาก 4 สโมสรที่ลงแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ 2020 ประกอบด้วย ชลบุรี เอฟซี, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 7 พฤษภาคม และเข้าแคมป์ในวันที่ 10 พฤษภาคม

ซึ่งผู้เล่นในรอบแรกหลังจากตรวจเชื้อโควิด-19 เสร็จสิ้นแล้ว ทางทีมชาติได้ปล่อยให้ทุกคนกลับบ้าน ไม่ได้เก็บตัวเข้าแคมป์ทันที จากนั้นผลการตรวจกลุ่มแรก ในวันที่ 7 พฤษภาคม มี 2 แข้งและ 4 เจ้าหน้าที่ทีม  มีผลตรวจออกมาเป็นบวก ทำให้ สมาคมฯ ได้ทำการประชุมร่วมกับแพทย์ผู้ดูแลทีม ซึ่งแพทย์ผู้ดูแลทีมได้วินิจฉัยว่า การรับเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อนและหลังจากการตรวจรอบแรกที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน แม้จะมีการฉีดวัคซีนโดสแรกไปก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม เพราะเกี่ยวกับระยะเวลาฟักตัวของเชื้อ

ทำให้กลุ่มแรกที่มี อากิระ นิชิโนะ จำเป็นต้องทำการกักตัวเพื่อรอดูอาการ และแยกคนที่ติดเชื้อโควิด-19 ไปรักษาตัว และอีกกลุ่มที่เสร็จสิ้นภารกิจ ให้ซ้อมเรียกความฟิตที่แคมป์ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เทรนนิ่ง แคมป์ (บางบ่อ) จ.สมุทรปราการ เท่ากับว่าพวกเขาแทบไม่ซ้อมด้วยกันเลย ก่อนเดินทางไป ยูเออี วันที่ 21 พฤษภาคม ได้เพียงต่างคนต่างซ้อมซ้อมเรียกความฟิตผ่านแอพพลิเคชั่นซูมเท่านั้น


3. ขนนักเตะไปถึง 42 คน เป็นทีมเดียวที่ทำแบบนี้

กลางดึกคืนวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทย ตัดสินใจหิ้ว 39 แข้งไป ยูเออี โดยไม่มีการตัดตัวแต่อย่างใด ซึ่งถือว่าเป็นทัพที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

เท่านั้นไม่พอ 2 แข้งที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 ก็ได้ตามไปสมทบที่ ยูเออี ตามด้วย ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร จาก เลสเตอร์ ซิตี้ เท่ากับว่าพวกเขามี 42 คนในการฝึกซ้อมตลอดช่วงที่ผ่านมา

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการตามดูภาพซ้อม ก็คือ การแบ่งทีมเป็นชุดๆ ที่ยากมาก เพราะแต่ละตำแหน่งมีหลายคน อย่างเช่นแบ็คซ้าย-ขวา มีถึง 4-5 คน ยังไม่รวมพวกกองกลางทั้งตัวรับและตัวรุก นี่จึงเป็นปัญหาที่เกิดอาการ "รักพี่เสียดายน้อง"

ในการลงอุ่นเครื่องทั้ง 3 เกม ถ้าใครติดตามจากการรูปหรือคลิปที่เป็นไฮไลท์ อากิระ นิชิโนะ ใช้ตัวผู้เล่นครบทุกคน เพื่อเปิดโอกาสได้ลงสนามแบบเท่าเทียมกัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถตัวจริงในใจได้เลย 

และหลังจากการอุ่นเครื่อง มีนักเตะถึง 19 คนจากทั้งหมด 42 ที่ไม่ถูกใช้งานใน 3 นัดของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งคนที่ไม่ถูกใช้งาน ถูกจับแยกซ้อมทำได้เพียงซ้อมวิ่งและเข้าฟิตเนสเท่านั้น ทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่พึงประสงค์คือ มีนักเตะ 2 กลุ่มที่ถูกใช้และไม่ถูกใช้งาน กับจำนานสตาฟฟ์โค้ชที่มีเพียง 5 คน (อากิระ นิชิโนะ, อนุรักษ์ ศรีเกิด(ผู้ช่วยโค้ช), อิสระ ศรีทะโร (ผู้ช่วยโค้ช), อัมรินทร์ เยาว์ดำ (โค้ชประตู) และ โยเฮ ชิรากิ (โค้ชกายภาพ) จึงไม่สามารถดูแลนักเตะทั้ง 42 คนได้ หลักๆ คงต้องโฟกัสไปที่ 23 คนที่ใช้งานเท่านั้น ลองนึกภาพดูก็แล้วกันว่าหากเราเป็นนักเตะที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่ถูกใช้จะมีความรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ เหมือนพาไปเปลี่ยนบรรยากาศใช้เวลาเกือบ 1 เดือนโดยไม่มีส่วนร่วมเท่าที่ควรที่ประเทศยูเออี 


4. ล่ามอาจเป็นอีกองค์ประกอบ

หากจะมองกันที่อีกเรื่อง คงจะต้องหยิบยกเรื่องของ "ล่าม" ของ อากิระ นิชิโนะ ที่เปลี่ยนใหม่ เพราะ ณฐกร เทียมกีรกุล ล่ามคนเก่านั้นได้ไปอยู่กับ สิทธิโชค ภาโส ซึ่งถูกยืมจาก ชลบุรี เอฟซี ไปเล่นให้กับ เอฟซี ริวกิว ใน เจ ทู

ทำให้ อากิระ นิชิโนะ ตัดสินใจดึง "ยูกิ" ธีรเนตร ทานากะ ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เข้ามาเป็นล่ามคนใหม่แทน และเริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่ 23 เมษายน 2564 มาถึงปัจจุบัน โดยสามารถพูดได้ 3 ภาษา ไทย ญี่ปุ่น และ อังกฤษ

เขาทั้ง 2 คนรู้จักกันเพราะว่า ครอบครัวของ "ยูกิ" ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาฯ ช่วยหาห้องพักให้คนญี่ปุ่นเช่า จึงสนิทกับ อากิระ นิชิโนะ ในช่วง 2 ปีแรกที่อยู่ในไทย นั่นทำให้อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น อยากได้คนที่รู้จัก และสนิทใจกันมาช่วยงาน

แม้จะพยายามทำการบ้านอย่างหนัก แต่การไม่รู้ศัพท์ฟุตบอล และภาษาหลักของเขาคือภาษาญี่ปุ่น การถ่ายทอดภาษาไทยเป็นปัญหาสำคัญของเขาที่จะสื่อสารให้ทีมสตาฟฟ์และผู้เล่นเข้าใจ 

หากถามว่าแล้วทำไมไม่หาล่ามที่มีคุณสมบัติพร้อมกว่าเขาเข้ามาล่ะ คงบอกได้เพียงว่าหากคุณรู้ว่าเงินเดือนล่ามของโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้รับเท่าไหร่คงจะช็อคไปตามๆ กัน เอาเป็นว่าเรทเดียวกันนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานตามบริษัททั่วๆ ไปนั่นแหละ ทีนี้เข้าใจหรือยัง!!!


5 การวางหมากและแก้เกมที่ไม่เวิร์ค

ใน 3 เกมที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า อากิระ นิชิโนะ มีการวางหมากตัวผู้เล่นที่ไม่ตรงจุด จากการที่เขานำผู้เล่นไปถึง 42 คน จนนำไปสู่การชั่งใจที่จะเลือกนักเตะในแต่ละตำแหน่ง เรียกว่าเยอะจัดจนรักพี่เสียดายน้องไปหมด

และคนที่ได้รับเสียงวิจารณ์หนักสุด หนีไม่พ้น เอร์เนสโต ภูมิภา แบ็คซ้ายคนใหม่ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ได้ลงสนามครบ 3 เกม เป็นตัวจริง 2 นัด และ สำรองอีก 1 นัด แต่ผลงานของเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย อย่างที่แฟนบอลไทยวิจารณ์แบบจัดหนักกันไปเยอะแล้ว ถามว่า เอร์เนสโต ผิดมั้ย ผมตอบให้เลยว่าไม่ผิดหรอก ก็โค้ชเลือกใช้งานเขา และเขาก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามและลงไปเล่นเท่านั้น ส่วนผลงานดีหรือไม่ โค้ชต่างหากที่ต้องพิจารณา

ขณะเดียวกันทั้ง 3 นัดที่ อากิระ นิชิโนะ คุมทีนั้น เขามักจะแก้เกมได้ช้าและไม่ตรงจุด บางทีต้องเสริมแนวรุกเข้าไปก็ส่งเกมรับลงสนามแบบค้านสายตาแฟนบอล ซึ่งหลังเกมแพ้ มาเลเซีย 0-1 นิชิโนะกล่าวว่า 

"ผมขอโทษนักเตะที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนาม อยากให้เข้าใจว่าการเก็บตัวที่ประเทศไทย ผมพยายามที่จะคัดเลือกและดูสภาพความพร้อมของทุกคน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงเลือกทั้งหมดมาที่ยูเออี สุดท้ายผมขอขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลฯที่อนุญาตให้นำนักเตะกลุ่มใหญ่มาที่นี่"


หลังจากนี้ไม่ว่า อากิระ นิชิโนะ จะได้คุมทีมต่อไปหรือไม่ มันคือบทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนการวนลูป ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ข้อบกพร่องในการจัดการมีอะไรบ้าง ผมเชื่อว่าสมาคมฟุตบอลรู้ และต้องยอมรับให้ได้ว่าถ้าไม่แก้ไขมันก็จะเกิดปัญหาเดิมๆ อีก เอาแค่เรื่องสัญญา ทางสมาคมได้กำหนดเงื่อนไขเอาไว้หรือไม่ว่าสามารถยกเลิกสัญญาได้หากผลงานไม่เป็นไปตามเป้า ถ้ามีก็ดีไป แต่ที่ทราบมาคือไม่มี ดังนั้นหาก อากิระ นิชิโนะ ไม่ลาออกเอง สมาคมซึ่งตอนนี้ก็พยายามลดค่าใช้จ่ายออกไปหลายส่วนแล้ว มีสิทธิ์ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ประมาณ 6 เดือนให้ นิชิโนะ เป็นหลัก 10 กว่าล้านบาท ซึ่งการประชุมเรื่องนี้จะมีขึ้นในวันที่ 22 มิถุนายน นี้ คงต้องรอดูกันต่อไปว่าหวยจะออกหน้าไหน

และอยากขอทิ้งท้ายไว้ว่า ต่อให้เปลี่ยนโค้ชอีกกี่คน ไม่ว่าจะโค้ชไทยหรือต่างชาติ แต่หากขาดการสนับสนุนจากทีมงานทุกภาคส่วน หรือปล่อยให้เขาทำงานอิสระเต็มที่ ไม่มีการรายงาน, ตรวจสอบ และวัดผล ระหว่างการทำงาน ช่วงแรกอาจจะพอไปได้เพราะข้าวใหม่ปลามันมักหอมหวานเสมอ แต่พอเวลาผ่านไปซักระยะ ความจริงจะปรากฎ หากหัวหน้าไม่สามารถสร้างบารมีให้ลูกน้องเชื่อถือ,ศรัทธา และเกรงใจได้ อีกทั้งเมื่อเกิดรอยร้าวภายใน แทนที่จะมีคนช่วยประคับประคอง แต่กลับคอยขยายบาดแผลให้ใหญ่ขึ้น จากรอยร้าวก็จะใหญ่จนกลายเป็นความแตกแยก และจะวนลูปกลับมาที่คำว่า "เปลี่ยนโค้ช" เถอะ

แฟนบอลไทยพร้อมที่จะพูดว่า "ไม่เป็นไร เอาใหม่ สู้ๆ" หากมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้างเราพร้อมให้กำลังใจเสมอ แต่ถ้าปัญหาเดิมๆ ยังไม่ถูกแก้ไข ก็บอกได้เลยว่า เราเบื่อมากที่จะตอบสนองด้วยคำปลอบใจพวกนี้เหลือเกิน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด