ปรากฏว่าไร้ชื่อของ เนลสัน โบนิญา ดาวยิงทีมชาติเอลซัลวาดอร์
สโมสรเลือก ดาบิด โรเชลา, โก ซึล-กี, เซร์คิโอ ซัวเรส และ จอห์น บาจโจ เป็นโควตาต่างชาติ 3+1 ลงเล่นในรายการนี้
แม้จะพอเข้าใจได้ว่าฟอร์มของกองหน้าวัย 30 ปี ฤดูกาลที่ผ่านมา “สอบไม่ผ่าน” ในรั้วคลองเตย หลังทำไปได้เพียง 6 ประตู ในบทบาทศูนย์หน้าตัวเป้า
แต่การที่ ยานนิก โบลี กับ อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าตัวหลักฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ได้ไปต่อกับทีม ทำให้เมื่อมองไปยังรายชื่อที่เหลืออยู่ พบว่ามีเพียง “เจ้าป้อม” นันทวัฒน์ สวนแก้ว รายเดียวที่เป็นกองหน้าตัวเป้าแท้ ๆ
ทว่าฤดูกาลที่ผ่านมาดาวเตะวัย 22 ปี ก็ได้ลงเล่นทั้งฤดูกาลไปเพียง 5 นัด (กับ ระยอง เอฟซี) และทำไม่ได้สักประตู การแบกดาวรุ่งไร้ประสบการณ์ไปรับบทบาทกองหน้าในเวทีที่ใหญ่ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก จึงไม่น่าใช่ชอยส์ที่เหมาะสม
คำถามคือเมื่อไม่มี โบนิญา การท่าเรือ จะใช้ใครเป็นกองหน้าตัวเป้า
4 ผู้เล่นต่างชาติที่ สระราวุฒิ ตรีพันธ์ เลือกดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่ ?
โก ซึล-กี - โควตาเอเชีย ที่ต้องติดทีม 100% อยู่แล้ว ด้วยบทบาทเป็นทุกสิ่งอย่างในแดนกลาง “สิงห์เจ้าท่า” มากทั้งประสบการณ์และฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ ฉะนั้นหากว่ากันในโควตาผู้เล่นต่างชาติ ห้องเครื่องโสขาวรายนี้ไร้คู่แข่ง
เซร์คิโอ ซัวเรส - แม้วัยจะปาไป 34 ปี แต่ตัวรุกชาวสแปนิช ยังเป็นส่วนสำคัญในเกมรุกการท่าเรือเสมอ ปีที่ผ่านมาเขากดไปถึง 13 ประตู 6 แอสซิสต์ จาก 27 เกมที่ลงสนาม ในฐานะมิดฟิลด์สร้างสรรค์เกมหลังกองหน้า
นอกจากฟอร์มการเล่น “ใจถึง พึ่งได้” ประสบการณ์หนาเป็นปึก เข้าขากับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างไร้ปัญหา สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เขาสามารถเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งในเกมรุกรวมถึงการเป็นกองหน้าตัวเป้า และ กองหน้าตัวหลอก (FALSE 9) สิ่งเหล่านี้ทำให้ ซัวเรส เป็นอีก 1 “ตัวยืน” ในเกมรุกโควตาต่างชาติ
ดาบิด โรเชลา - ปราการหลังสแปนิช ที่ปีก่อนลงช่วยทีมไปแค่ 4 เกมแรก ก่อนถูกตัดชื่อออกจากไทยลีก เพื่อหลีกทางให้แข้งต่างชาติรายอื่น ทว่ามาทัวร์นาเมนต์นี้ กองหลังวัย 31 กลับมามีชื่อในทีมอีกครั้ง
แน่นอนว่ารายการนี้ โรเชลา มีความสำคัญกับทีมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นกองหลังต่างชาติ 1 เดียวในทีม เรื่องประสบการณ์ ความเป็นผู้นำนั้นหายห่วง ที่สำคัญการเล่นในทัวร์นาเมนต์เช่นนี้ จำเป็นต้องมีแนวรับอย่าง โรเชลา เพราะที่ผ่านมาในลีกเราเห็นแล้วว่า กองหลังสัญชาติไทยล้วนของ การท่าเรือ ยังมีจุดโหว่ในการหยุดเกมรุกคู่แข่ง ยิ่งต้องเจอกับทีมที่แข็งกว่าในเอซีแอลด้วย โควตานี้จึงจำเป็นต้องสละให้เกมรับ
จอห์น บาจโจ - ตัวรุกไซซ์มินิ แข้งใหม่ในรั้วคลองเตย พร้อมเป็น 1 ในโควตา ที่ว่ากันว่าแย่งโควตาเอซีแอลของ โบนิญา ผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมายังโหดเช่นเดิม เขายิงให้กับ สุโขทัย ไปถึง 16 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์
แม้จะมีสรีระที่เล็ก แต่จุดเด่นของ บาจโจ คือความเร็ว และความหลากหลายที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรุก ในซีซั่นที่ผ่านมาเขาถูกจับไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าถึง 13 เกม (จากการได้ลงเล่นทั้งหมด 27 นัด) และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ รายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก การท่าเรือ จะเปิดเกมรุกรัวใส่คู่ต่อสู้เหมือนไทยลีกไม่ได้อีกแล้ว เพราะทีมในสายอย่าง กว่างโจว เอฟซี หรือ เซเรโซ โอซากา ล้วนศักยภาพเหนือกว่าพวกเขาทั้งสิ้น
ทำให้นอกจากเกมรับที่ต้องแน่นหนาแล้ว ยังจำเป็นต้องมีเกมรุกที่เล่นบอลสวนกลับเร็ว หรือการ “ฉวยโอกาส” โจมตีคู่แข่งได้ และนักเตะอย่าง บาจโจ น่าจะตอบโจทย์ฟุตบอลในสไตล์ “เคาน์เตอร์ แอทแทก” ได้อย่างดี
บทสรุปคือ โบนิญา ไม่ได้เก่ง “น้อยกว่า” นักเตะที่ได้โควตาไปแทนเขา
แต่สิ่งที่ทั้ง 4 คนมี เหมาะสมกว่า โบนิญา สำหรับการใช้งานในทัวร์นาเมนต์เช่นนี้
