:::     :::

รามอสเซ็นฟรี ดี-ไม่ดี เอา-ไม่เอา?

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
9,054
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือบทวิเคราะห์ในทุกๆแง่มุมที่สำคัญและเกี่ยวข้องต่อประเด็นที่ว่า แมนยูไนเต็ดที่กำลังหากองหลังเข้ามาเสริมทีมนั้น เราควรจะเซ็น "เซร์คิโอ รามอส" อดีตกัปตันทีมและตำนานเรอัลมาดริด มาเสริมกองหลังหรือไม่ อ่านแล้วคุณน่าจะได้คำตอบในใจที่อาจจะตรง หรือไม่ตรงกับบทสรุปในนี้ก็เป็นได้

นี่คืออีกหนึ่งกรณีที่แฟนปีศาจแดงน่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมายสำหรับเคสของ "เซร์คิโอ รามอส" กองหลังพันธุ์ดุ ตำนานของราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่ในที่สุดการเดินทางตลอด16ปีของเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อสโมสรประกาศปล่อยตัวกองหลังรายนี้ออกจากทีม นับตั้งแต่ย้ายมาจากเซบีญ่าในปี 2005 ด้วยค่าตัวสูงถึง 27ล้านยูโร

27ล้านในยุคนั้นถือว่าเป็นค่าตัวนักเตะที่แพงมากๆ (ปี2005นะคิดเอาเอง) แต่ก็เป็นราคาที่มาดริดคุ้มเกินคุ้ม เมื่อพี่มอสเสกแชมป์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับเรอัล มาดริด จนกลายเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งที่สุดทีมนึง

ในช่วงทีมกองหลังรายนี้อยู่ในช่วงพีคจัดๆ กับเกียรติประวัติของทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ด้วยถ้วยแชมป์โลกสเปน 1 สมัย, แชมป์ยูโรกับสเปน 2สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย (ช่วง5ปี ระหว่าง 2013-2018 พลาดUCLไปซีซั่นเดียวคือ 2014/15 ปีนั้นบาร์ซ่าได้แชมป์), แชมป์สแปนิชคัพ 2 สมัย และถ้วยอื่นๆอีกมากมายเป็น10กว่าถ้วย

รามอสพิชิตโลกนี้มาสยบใต้ฝ่าเท้าของเขากับทั้งเรอัลมาดริด และทีมชาติสเปนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น ก็ย่อมมีจุดสิ้นสุด เมื่อสัญญาของรามอสกำลังจะหมดลงในอีก "1สัปดาห์ข้างหน้า" ที่บทความนี้ถูกปล่อยออกมา กล่าวคือรามอสจะเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 ที่จะถึงนี้ และนั่นจะทำให้เขาสามารถเซ็นฟรีกับสโมสรใดก็ได้

คำถามคือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ควรจะไปเซ็นฟรีเซร์คิโอ รามอสเข้ามาเสริมทีมหรือไม่?

เรื่องนี้ต้องคุยกันตั้งแต่รากฐานของปัญหาเลยว่า "แมนยูไนเต็ดชุดนี้ จำเป็นต้องเสริมตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค"

กล่าวคือ แมนยูไนเต็ดนั้นมีปัญหาในเรื่องของเกมรับอยู่พอสมควรอย่างที่ทราบกัน เพราะฉะนั้นทีมจึงจำเป็นต้องมีการปรับแก้ไขแนวรับ และหนึ่งในนั้นก็คือการเสริมกองหลังใหม่เข้ามาเพื่อให้แนวรับดีกว่าเดิม เพราะเซ็นเตอร์แบ็คที่มีอยู่ ยังมีการเล่นเกมรับที่ไม่ดีเพียงพอจะช่วยให้แมนยูไนเต็ดไม่เสียประตูได้

ปัญหามองเห็นได้ง่ายๆ ก็จากการที่เรามักจะตกเป็นรองก่อนเสมอ และต้องมาเล่นเกมไล่ล่าตามคัมแบ็คอยู่แทบทุกนัด แม้การคัมแบ็คมันจะมันส์สะใจ สดชื่นซาบซ่าเพียงใด

แต่ถ้าไม่เสียประตู มันดีกว่าอยู่แล้วในแง่ของผลการแข่งขัน

นอกจากนั้นบางที ในยามที่ทีมต้องการรักษาสกอร์ เราก็มักจะเอาไม่อยู่จากการเสียประตูแบบไม่ควรจะเสียหลายๆครั้ง โดยเฉพาะจากลูกเซ็ตพีซที่เป็นปัญหาหลัก เพราะประตูที่แมนยูไนเต็ดเสียส่วนใหญ่คือลูกเซ็ตพีซเน้นๆ กลับกัน จังหวะโอเพ่นเพลย์ ทีมเรากลับป้องกันได้ดีมากและแทบจะไม่เคยโดนลูกสำคัญๆเลยในช่วงหลัง

จะเห็นได้ว่า ทั้งการรับมือลูกเซ็ตพีซ ทั้งเรื่องของสมาธิ ความนิ่งของเกมรับ และการหยุดเกมรุกของคู่แข่ง เป็นสิ่งที่กองหลังแมนยูขาดมากๆ ในยามที่โซลชายึดคู่หูแฮรี่ แมกไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เป็นตัวหลัก

ลินเดอเลิฟเป็นกองหลังที่ครองบอลได้ดีจริง ตามสไตล์ Ball-playing Defender แต่ในภาคการเล่นเกมรับ เขามักสกัดบอลไม่ขาด และมีนิสัยการเล่นที่ไม่ค่อยเข้าไปแทคเกิลปะทะคู่ต่อสู้เพื่อหยุดเกมรุกโดยตรงเท่าใดนักในแบบของสต็อปเปอร์ ซึ่งการหยุดคู่แข่งนั้นถือเป็นงานสำคัญที่สุดของนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งต้องสกัดบอลให้ขาดที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพราะด้านหลังของเซ็นเตอร์แบ็ค หากว่าปล่อยหลุดไป ก็เหลือเพียงแต่ผู้รักษาประตูเท่านั้นแล้ว

ไม่ใช่ว่าวิคตอร์ ลินเดอเลิฟไม่เก่ง เขาคือกองหลังที่คุมบอลได้ดีมากระดับมิดฟิลด์ดีๆคนหนึ่ง และยังมีอาวุธสำคัญคือการวางบอลยาวแม่นๆให้กองหน้าสายสปีดแบบแรชฟอร์ดหลุดไปทำประตูได้หลายๆครั้ง เพียงแต่ว่า วิธีการเล่นของยูไนเต็ดนั้นไม่เหมาะกับเกมรับของลินเดอเลิฟ

ลินเดอเลิฟในทีมสวีเดน ดูเก่งกว่าตอนอยู่ยูไนเต็ดเป็นเพราะเหตุผลเดียวเลยนั่นก็คือ "แทคติก" เพราะในยามเล่นเกมรับกับสวีเดน มีเกราะล้อมลินเดอเลิฟอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นแบ็คและมิดฟิลด์ด้านหน้าที่จะสกรีนงานให้เขา และลินเดอเลิฟคือหัวใจสำคัญที่เป็นผู้บัญชาการในแดนหลังของสวีเดน เกมรับของสวีเดนเหนียวมากจนไม่เสียประตูเลยจนถึงตอนนี้ในยูโร2020รอบแรก

และที่สำคัญ สวีเดนเล่นเกมแบบตั้งรับลึก ในยามที่เจอคู่แข่งครองบอลบุกเหนือกว่า การตั้งรับลึกทำให้ลินเดอเลิฟสามารถปักหลักดักบอล อ่านเกมได้ง่าย

แต่กับแทคติกยูไนเต็ดไม่ใช่แบบนั้น เราคือทีมที่จะครองบอล และเปิดเกมบุก บุก และบุกใส่คู่ต่อสู้ ซึ่งเป็นปรัชญาสำคัญของแมนยูไนเต็ด เพราะฉะนั้นทีมจึงต้องดันเกมขึ้นมาบุกถึงในแดนของคู่แข่งอยู่เสมอๆในปรัชญาการเล่นพื้นฐานที่โอเล่ต้องการให้ทีมเล่นครองบอลอยู่แล้ว

ปัญหาเกิดกับลินเดอเลิฟเมื่อทีมโดนเกมสวนกลับ และไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับคอยสกรีนงานให้เขาเพื่อตัดเกมสวนกลับเร็วจากกลางสนาม ในขณะที่เมื่อคู่แข่งมาดวลกับลินเดอเลิฟเองตัวต่อตัวยามที่สวนกลับมานั้น ลินเดอเลิฟเองก็ไม่ใช่กองหลังที่มั่นใจหรือชอบเล่นในลักษณะของการ "เข้าบอล" ไปแทคเกิลปะทะหยุดเกมคู่แข่งสักเท่าไหร่

หรือที่เค้าบอกว่าเป็นกองหลังสายถอยนั่นแหละ ขนาดล่าสุดเล่นกับสวีเดนเองนั้น ลูกที่โดนโปแลนด์โต้กลับมาโดยเลวานดอฟสกี้ พี่แกก็ยังไม่เข้าบอลเลย และปล่อยให้เลวานได้ยิงจนกลายเป็นประตู นั่นแหละปัญหาของลินเดอเลิฟในเชิงแทคติกที่เห็นชัดเจนว่า หากสวีเดนเจอบุกสวนกลับใส่แบบที่แมนยูโดนเช่นนี้ ลินเดอเลิฟก็เอาไม่อยู่เหมือนเดิม

เพราะงั้นแล้ว ในยามอยู่แมนยูไนเต็ด เขามักเจอกับsituationsกลางสนามที่ต้องดวล 1 on 1 กับคู่แข่งให้เห็นบ่อยครั้งจากจังหวะสวนกลับ และพี่แกก็ไม่ค่อยสกัดบอลด้วย รวมถึงการสกัดบอลของแกก็ไม่แข็งแกร่ง และไม่ขาด หลายๆครั้งก็เคลียร์บอลไม่พ้นพื้นที่อันตรายจนต้องเสียประตู 

เพราะงั้น ฟอร์มของ "ดิไอซ์แมน" ในทีมชาติสวีเดน กับ แมนยูไนเต็ด ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้เลย เพราะแทคติกต่างกันค่อนข้างมาก สวีเดนเน้นความแน่นอนของเกมรับเป็นพื้นฐาน ในขณะที่ยูไนเต็ดต้องเปิดเกมบุกคู่แข่งตลอดเวลา และจะมาด่าว่าแมนยูกระจอกที่ทำให้ลินเดอเลิฟฟอร์มไม่ดีก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น นอกจากเรื่องที่มันไม่ลงล็อคกันระหว่างนักเตะกับแทคติกที่เหมาะสมของทีม

และเมื่อแทคติกของทีมเรายังใช้ลินเดอเลิฟที่ไม่โดดเด่นในการป้องกันนั้น การมีกองหลังที่หยุดเกมรุกคู่แข่งไม่ดี สกัดบอลไม่ขาด ก็มักจะสร้างปัญหาให้เกมรับต้องเสียประตูบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นในบรรดาจุดอ่อนและปัญหาของแมนยูไนเต็ดทั้งหมด เราจึงจำเป็นอย่างมากต้องซื้อกองหลังเข้ามาใหม่ ในฐานะที่จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับตัวหลักอย่างแฮรี่ แมกไกวร์

นี่จึงเป็นประเด็นสำคัญว่า แมนยูไนเต็ด "จำเป็น" ต้องมีกองหลังใหม่เข้ามาในทีม เพื่อให้ทีมแข็งแกร่งกว่านี้ในเกมรับ ไม่ให้เสียประตูง่ายๆ เพราะถ้าเสียง่ายแบบนี้ ให้เกมรุกของทีมดียังไง บรูโน่ คาวานี่แบกจนลิ้นห้อยยังไง แต่ถ้าหลังบ้านยังเสียประตูง่ายๆแบบนี้ เกมรุกที่ยิงประตูสวยๆก็ไร้ผล อย่างซีซั่นที่ผ่านมา

ถ้ายังจำกันได้ ประตูสุดสวยของบรูโน่ กับ คาวานี่ สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่สามแต้มของแมนยู เพราะเกมรับเปื่อยจนทำให้เสียประตูแบบที่ไม่ควรจะเสีย

ซึ่งสิ่งที่เราขาดก็คือคุณภาพของเกมรับ และคุณภาพของนักเตะที่จะเข้ามาเสริมทีม เพราะตอนนี้ดูเหมือนแมนยูจะมีกองหลังล้นแบบไม่มีที่จะลง หากดูแต่แค่ผิวเผินในมุมมองที่ว่า "ซื้อกองหลังมาทำไม ตัวเก่ายังลงไม่หมดเลย" เพราะตอนนี้เรามีแมกไกวร์ ลินเดอเลิฟ ไบญี่(ที่เพิ่งต่อสัญญา) ตวนเซเบ้ กองหลังอะคาเดมี่ผู้มีอนาคตไกลที่ยังต้องใช้เวลาในการสั่งสมฝีเท้าอีกเล็กน้อย

จะให้รวมฟิล โจนส์ที่อยู่ในโปรแกรมrehabilitation ฟื้นฟูร่างกายด้วยก็ได้

เรามีแต่ "ปริมาณ" แต่ยังขาด "คุณภาพ"

เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้จึงเป็นต้นเหตุของปัญหาในบทความนี้ว่า ทำไมเราถึงได้ว้อนท์อยากจะได้กองหลังใหม่นักหนา

ซึ่งจะให้ดีกว่านั้น สเป็คของกองหลังตัวใหม่ที่เข้ามา ก็ควรจะเป็นกองหลังที่มี "มิติการเล่นแตกต่างกับ แฮรี่ แมกไกวร์" จะดีมาก เพราะแมกไกวร์เองเป็นกองหลังสายBall-playing เช่นกัน เป็นตัวรอง ตัวเล่นกับบอลมากกว่า ล่าสุดก็เพิ่งเป็นเจ้าของสถิติจ่ายบอลเข้าfinal thirdให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดถึง8ครั้งในเกมชนะทีมชาติเช็ก 1-0 เมื่อวันก่อน

กองหลังที่เหมาะสมจะนำเข้ามาจับคู่กับแมกไกวร์ ตามทฤษฎี และตามความเหมาะสมในทุกๆตรงแล้วนั้น ยังไงเราก็ควรเสริมกองหลังที่มีความเป็น "สต็อปเปอร์" เข้ามาจับคู่กับแมกไกวร์ ซึ่งอาจจะไม่ต้องเป็นสต็อปเปอร์มิติเดียวแบบเอริค ไบญี่ก็ได้ แต่ขอให้ภาคการเล่นมีเกมรับที่ดี กล้าเข้าบอล หยุดเกมรุกคู่แข่งเก่งๆ รวมถึงควรจะมีnatural fitnessที่ดีพอจะยืนระยะจับคู่แมกไกวร์ได้ยาวๆ

นี่คือสเปคคร่าวๆของตัวที่ควรนำมาเข้าทีม

กลับมาที่เซร์คิโอ รามอส จะเห็นว่า "มิติการเล่นของรามอส ตรงกับสิ่งที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขาดอยู่พอดี" ตรงเป๊ะมากๆแบบชนิดที่เรียกว่าเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ในแนวหลังเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเกมรับที่แข็งแกร่งและดุดันของรามอส ซึ่งเข้าบอลแข็งแกร่ง และหยุดคู่แข่งได้เสมอในการชิงจังหวะเข้าปะทะกัน ซึ่งเป็นของถนัดของตัวบู๊อย่างรามอสอยู่แล้ว

มิติการพะบู๊อย่าง"ดุดัน" ของรามอสนี่แหละ คือจุดที่กองหลังติ๋มๆของแมนยูขาดอยู่

นักเตะทีมเรามีแต่เด็กดีในทีม พูดกันภาษาชาวบ้านๆคือเล่นกันคลีนเกินไป ลูกตุกติก ลูกสกปรกแทบไม่มี ไม่ต้องพูดถึงความดุดัน และเกรี้ยวกราด ก็ไม่มีเช่นกัน ดังนั้นจึงมักจะโดนตัวรุกคู่แข่งเล่นงานอยู่เสมอ และไม่สามารถไปจัดการกับตัวพวกนั้นได้เลย เพราะไม่มีใครกลัวกองหลังแมนยูไนเต็ด

และถ้าสังเกตดีๆ นักเตะซีเนียร์ประสบการณ์สูง ถือเป็นส่วนสำคัญของทีมที่จะสร้างสมดุลแห่งพลังให้กับทีมได้ การมีแต่นักเตะอายุน้อยสดๆก็เป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งประสบการณ์และ "ความเก๋า" เป็นเรื่องสำคัญ

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เซร์คิโอ รามอส มีอยู่ในตัวแบบเต็มๆ ทั้งความเก๋า ทั้งเกมรับที่เกรี้ยวกราดดุดัน มีหมด

เท่านั้นยังไม่พอ ความสามารถของการรับมือกับลูกโด่งอยู่ในระดับที่ดี และก็อย่างที่เห็น รามอสจะกลายเป็นอีกหนึ่ง "อาวุธกลางอากาศ" ที่เป็นประหนึ่งจรวดแบล็คอีเกิลบินไปทิ้งระเบิดใส่ฐานคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วดุดันด้วยลูกโหม่งของรามอสที่จะทำประตูจากลูกเตะมุมได้ ซึ่งแน่นอนว่า พี่มอสคอนโทรลลูกโหม่งทำประตูได้แม่นกว่าแมกไกวร์ซะอีก

มิติของเกมกลางอากาศก็จะเพิ่มจากรามอสได้อีกหนึ่งอย่างด้วย

เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว ในด้านของมิติการเล่น และสิ่งที่รามอสมี ทุกๆอย่างนั้นเป็นสิ่งที่แมนยูไนเต็ดขาดแทบทั้งสิ้น การเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นและแน่นอนของรามอสจะช่วยให้เกมรับแมนยู "แข็ง" ขึ้นทันตาเห็นหากว่าเขาลงสนามจับคู่กับแฮรี่ แมกไกวร์ ที่คอยอ่านจังหวะ และเป็นตัวรองต่อมาจากรามอสได้ ในแง่ของภาคการเล่น รับประกันได้แน่นอนว่า เซร์คิโอ รามอส สามารถเข้าคู่กับแฮรี่ แมกไกวร์ได้อย่างดี เหมือนริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมันย่า วิดิชนั่นเอง

ข้อดีของการเซ็นฟรีรามอส ทำให้ยูไนเต็ดประหยัดในส่วนของงบซื้อขายได้มาก เพราะเป็นการเซ็นฟรีที่อาจจะเสียเพียงแค่ค่าเหนื่อยกับค่ากินเปล่านิดหน่อย แต่ไม่ต้องจ่ายค่าตัว ซึ่งตรงนี้จะทำให้สามารถเซฟ Transfer Budget ของทีมเอาไว้ให้เงินเสริมทัพมัน "เหลือ" เยอะกว่าเดิม

และสามารถเอาเงินที่เหลือจากการไม่ต้องเสียตังเซ็นกองหลังใหม่นั้น เอาไปลงตำแหน่งอื่นที่ยังโคตรจำเป็นไม่แพ้กันอยู่ นั่นก็คือ "มิดฟิลด์ตัวรับ" ที่จริงๆแล้วถือเป็นจุดสำคัญอันดับหนึ่งด้วยซ้ำที่ต้องเสริมทีม เพื่อสร้างสมดุลในแดนกลางให้ทีม และจำเป็นซะยิ่งกว่าปีกขวาที่แฟนผีร้องหากันมานานซะอีก

ถ้าเซ็นรามอสเข้ามา มีสิทธิ์จะได้กลางรับด้วย เพราะจะเอาเงินไปถมตรงนั้นได้ นอกจากการไปสู่ขอเจดอน ซานโช่แล้ว

เพราะงั้นข้อดีของการเซ็นฟรีรามอสเข้ามานั้น จะเห็นว่าสิ่งที่เราจะได้ประโยชน์มีเยอะมากๆ ทั้งการเล่นเกมรับที่สอดคล้องกับจุดอ่อนที่เรามีอยู่พอดี, ความเหมาะสมในการนำเข้ามาเพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับกองหลังตัวอื่นๆที่มีอยู่ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว อาจจะสลับใช้เป็นคู่ ลินเดอเลิฟ-รามอส ยังดูดีเลยด้วยซ้ำ(น่าลองมาก) แถมเซ็นฟรีเข้ามาก็ประหยัดเงินได้เยอะ

ประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ แฟนบอลบางส่วนอาจจะกังวลว่า เซร์คิโอ รามอส "อายุเยอะแล้ว" นั้น ประเด็นนี้เป็นยังไง?

ส่วนตัวไม่กังวลเลยกับเรื่องอายุ กับวัย35ปีของพี่มอส สำหรับกองหลังแล้วถือว่ายังพอจะเล่นในระดับสูงได้อยู่อีกสัก1-2ปีในสัญญาระยะสั้น ดูตัวอย่างจากติอาโก้ ซิลวาก็ได้ ที่เซ็นกับเชลซีสองปี เพราะสัญญาจะหมดปีหน้า(2022) ซิลวาในระยะแรกก็ดูมีปัญหาเล็กน้อย แต่ด้วยคลาสของนักเตะ เพียงแค่ไม่นานเขาก็กลายเป็นกองหลังฟอร์มแกร่งคนเดิม ที่ผนึกกำลังกับรูดิเกอร์และคริสเตนเซ่นในการปิดแนวรับของเชลซีได้อย่างสุดโหดจนพาทีมประสบความสำเร็จในปีนี้ได้ถึงระดับแชมป์UCL

ในขณะที่แมนยูไนเต็ดเอง มีประวัติโชกโชนอยู่แล้วกับการ "ถูกโฉลก" กับนักเตะเก๋าๆที่เซ็นมาเข้าทีม ตั้งแต่เฮนริค ลาร์สสัน, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

และล่าสุด "เอดินสัน คาวานี่" ดีลที่แฟนแมนยูยี้กันตั้งแต่ยังไม่ย้ายเข้าทีมมา และโดนด่าสารพัด แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ขึ้นแท่นตำนานเบอร์7คนต่อไปแล้วแน่นอนหลังจากที่จะลงเล่นให้ปีศาจแดงอีกฤดูกาลในปีนี้

ซิลวากับคาวานี่ คือตัวอย่างสำคัญที่ทำให้แฟนผีไม่ควรต้องกังวลกับเรื่องอายุที่เพิ่งจะ 35ปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาของเซร์คิโอ รามอส เพราะยิ่งเก๋าแบบนี้ก็ยิ่งดี เพราะจะได้คุมสถานการณ์เกมรับของทีมได้ในช่วงเวลาบีบคั้น

อายุของรามอสไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อยในกรณีนี้

ทุกประเด็นชี้ให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดควรจะไปเซ็นสัญญากับเซร์คิโอ รามอส เข้ามาผนึกกำลังกับแผงหลังของทีมเรา ซึ่งการมีติอาโก้ ซิลวา เข้ามาอยู่เชลซี เป็นcase studyที่ดีมากๆต่อการจะมาดีลรามอส เพราะจริงๆแล้วซิลวาก็ไม่ได้เป็นกองหลังที่ลงทุกนัด แต่แลมพ์และทูเคิลก็สลับใช้เขาตามเหมาะสมได้อย่างดี

เช่นกัน หากว่ารามอสมาเป็นนักเตะแมนยูไนเต็ดจริงๆ การใช้งานรามอสก็สามารถสลับลงสนามได้ตามความเหมาะสม อย่างเช่นรอใช้ในเกมUCL สลับกับ ลินเดอเลิฟ ไบญี่ที่ลงในพรีเมียร์ลีก แบบนี้ก็ได้ การใช้รามอสดูจะเหมาะกับบอลยุโรปที่เขามีประสบการณ์เป็นอย่างดี ซึ่งก็จะทำให้นักเตะตัวเก๋าๆแบบนี้ไม่ต้องโหลดงานหนักมาก และได้ลงเล่นตามเหมาะสม เหมือนกับที่ยูไนเต็ดก็ใช้คาวานี่แบบสลับลงนัดต่อนัดเช่นกัน

ทุกๆเหตุผลล้วนแล้วแต่ "ซัพพอร์ต" แนวคิดที่ว่า แมนยูไนเต็ดสมควรที่จะไปเซ็นฟรีเซร์คิโอ รามอส มาเสริมตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คของทีมอย่างมาก ทุกประเด็นเหมาะสมและดูจะเข้าแก๊ปสุดๆ และด้วยยิ่งการที่รามอสนั้นสามารถเซ็นฟรีมาเข้าทีมได้ ยิ่งดีต่อสุขภาพการเงินของทีมที่ยุคโควิดแบบนี้ก็ต้องรัดเข็มขัดกันไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ถนนทุกสายมุ่งสู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เหตุผลทุกประการชี้ให้เห็นว่าเราควรเซ็นเขาเข้ามา แต่ทุกสิ่งที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ติดปัญหาอยู่เพียงแค่จุดเดียวเท่านั้นเองที่มันเป็นปัญหาใหญ่ของการเซ็นฟรีรามอสเข้ามาด้วย

นั่นคือเหตุผลในเรื่องของ "ปัญหาอาการบาดเจ็บ"

ในเรื่องของอายุนั้น ไม่ใช่ปัญหาในแง่ของฝีเท้า ความฟิต แต่จุดที่มีปัญหาคือ สภาพร่างกายของรามอสนั้น "ไม่เหมือนเดิม" อีกต่อไป รามอสปัจจุบันไม่ใช่รามอสคนที่อยู่ในร่างพีคที่พร้อมจะฉะกับใครก็ได้บนโลกนี้เหมือนเมื่อหลายปีที่แล้ว

ฤดูกาลที่ผ่านมา เซร์คิโอ รามอส ลงสนามให้กับเรอัล มาดริดทั้งซีซั่นแค่ "21เกม" เท่านั้น (ทำ4ประตู กับ1แอสซิสต์) แฟนบอลมาดริดคงจะทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ซึ่งทั้งซีซั่นลง21เกมก็ถือว่าน้อยสำหรับนักเตะตัวหลักๆแบบนี้

จุดสำคัญใหญ่หลวงก็คือประวัติอาการบาดเจ็บของรามอสนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากในช่วงซีซั่นที่ผ่านมา มันเหมือนกับเป็นร่างกายที่ "สะสมอาการบาดเจ็บ" เอาไว้เยอะมากๆแล้ว และปีที่ผ่านมา Injury Historyของเขาชี้ให้เห็นว่า รามอสนั้นเจ็บเยอะ เจ็บบ่อยออดๆแอดๆ และเจ็บหลายจุดมากๆ

ภายในระยะเวลา"ซีซั่นเดียว"

จะเห็นว่าตลอดซีซั่นที่ผ่านมา แค่ฤดูกาลเดียว พี่มอสต้องหยุดลงเล่นและพักไปถึง8ครั้ง และ "จำนวนวันที่ลงสนามไม่ได้" ทั้งหมดในซีซั่นที่ผ่านมาของรามอส รวมกันแล้ว "150วัน"  (เป็นจำนวนการแข่งขัน35นัด)  ซึ่งมันเยอะเกินไปมากจริงๆ

และtypeของอาการบาดเจ็บรามอสนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะเจ็บหลายรูปแบบมากๆ แถมช่วงที่พักยาวๆก็เป็นอาการเจ็บที่เกี่ยวกับหัวเข่าซึ่งเป็นจุดสำคัญด้วย ไล่เรียงก็คือ

ปัญหาหัวเข่า : 6 วัน

กล้ามเนื้อฉีก : 21 วัน

ปวดกระเพาะอาหาร : 7 ซัน

หมอนรองกระดูกฉีกขาด (Torn Meniscus) : 54 วัน

บาดเจ็บทั่วไป : 5 วัน

กล้ามเนื้อบาดเจ็บ : 33 วัน

ติดโควิด : 9 วัน

เอ็นยึดข้อต่ออักเสบ : 15 วัน

จะเห็นว่ามีปัญหาบาดเจ็บค่อนข้างหลากหลาย และตัวสำคัญก็คือเข่า โดยเฉพาะเรื่อง Torn Meniscus หรือหมอนรองกระดูกฉีกขาด ซึ่งหมอนรองกระดูกมีหน้าที่ "รับน้ำหนัก" ระหว่างกระดูกต้นขากับกระดูกหน้าแข้งตรงรองต่อนั้นพอดี

นอกจากเรื่องบริเวณหัวเข่าแล้วนั้น ก็ยังมีเรื่องของ"กล้ามเนื้อ"ของรามอสที่บาดเจ็บบ่อยมากๆอีกด้วย รวมเวลาแล้วก็แทบจะหายไปสองเดือนเฉพาะเรื่องของmuscularอย่างเดียว แถมยังมีปัญหาเรื่องเส้นเอ็นอีก

คือดูจากการเล่นของรามอสที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องเซอไพรส์เลยที่เขาจะมีอาการบาดเจ็บอยู่แทบจะทุกรูปแบบ ในร่างกายที่พออายุมากขึ้น recovery rateมันก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บางส่วนก็จะอ่อนแอและบาดเจ็บได้ง่ายขึ้นกว่าตอนหนุ่มๆ คนวัย 30++ น่าจะรู้เรื่องนี้ดี

เพราะฉะนั้นแล้ว ปัญหาสภาพร่างกายของเซร์คิโอ รามอส ที่ไม่เต็ม100%เหมือนเดิมแล้วนั้น มันคาดหวังได้"ยาก"เหลือเกินที่เราจะได้ฟอร์มพีคของเขากลับมาในช่วงปลายของการค้าแข้ง มันไม่เหมือนกับเคสของเอดินสัน คาวานี่ ที่ยังคงฟิตอยู่ และร่างกายไม่มีอาการบาดเจ็บเยอะเท่ารามอส เพราะสไตล์การเล่นที่ไม่ได้ต้องเข้าปะทะรุนแรงตลอดเวลา เราจึงยังมีคาวานี่ที่ฝีเท้าจัดจ้านเหมือนเดิมในแบบที่ใกล้เคียงกับช่วงพีค

แต่หากเป็นรามอสที่ร่างกายไม่เต็ม100ย้ายมา ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าจะดึงเอาฟอร์มยอดเยี่ยมเก่าๆกลับมาด้วยเหมือนที่คาวานี่ทำได้

สาเหตุที่ทำไมเรื่องปัญหาอาการบาดเจ็บของรามอสถึงได้สำคัญ เป็นเพราะว่าช่วงปีก่อนๆที่ผ่านมา รามอสแทบไม่มีประวัติเจ็บออดๆแอดๆให้เห็นเลยสักปี จนกระทั่งมาฤดูกาล 2020/21 นี่แหละที่เป็นซีซั่นเดียวที่แกเจ็บเยอะ เจ็บบ่อย เจ็บหลายรูปแบบ และ เจ็บนานที่สุด ทุกอย่างมันดรอปลงไปรวดเร็วมากๆ

การเซ็นรามอส ถือเป็นการ "เสี่ยง" มากกว่าเคสของคาวานี่เยอะ ไม่ใช่เรื่องอายุ ไม่ใช่เรื่องฝีเท้า แต่เป็นเรื่องของปัญหาอาการบาดเจ็บ ที่ดูจากประวัติปีที่ผ่านมา และชนิดของอาการเจ็บป่วย เรากลัวเหลือเกินว่า การมาเจอกับบอลอังกฤษจะทำให้รามอสต้องบาดเจ็บบ่อยครั้งเหมือนปีที่ผ่านมา  ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่แมนยูไนเต็ดต้องการ เพราะการมีความเสี่ยงอยู่กับเอริค ไบญี่คนเดียวก็แย่แล้ว รวมถึงฟิล โจนส์เอง ก็ยังไม่หายเจ็บเลย

การจะเซ็นตัวที่เสี่ยงเจ็บเข้ามาอีกคน ด้วยค่าเหนื่อยมหาศาลที่แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ 1ปี หรือ2ปี ก็ถือว่าไม่คุ้มอยู่ดีหากว่าไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ อย่างที่ผู้เขียนเกริ่นไปทั้งหมดแล้วว่า ปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องนั้น รามอสถือเป็นกองหลังที่มีมิติการเล่นที่เข้าแก๊ปกับสิ่งที่แมนยูขาดจริงๆ นับตั้งแต่ที่คลาดกันไปเมื่อปี2015ที่มีข่าวจะย้ายมาแมนยู สุดท้ายกลายเป็นข่าวที่เกิดขึ้นเพื่ออัพค่าเหนื่อยไปแทนเมื่อ5ปีที่แล้วที่เขายังอยู่ในช่วงพีคๆพอดีในวัย30ปี

การเล่นอันแข็งแกร่ง ดุดัน เกมรับเหนียวๆ รวมถึงPassionที่ทีมจะได้รับ ความเกรี้ยวกราดที่นักเตะเราขาด ทั้งยังเรื่องของประสบการณ์ ความเก๋า ความเป็นผู้นำ อาวุธลูกโด่ง และเรื่องของค่าตัวที่สามารถเซ็นฟรีได้ และทำให้ทีมเหลืองบไปซื้อตำแหน่งอื่นอีก

ทุกปัจจัยสนับสนุนให้แมนยูไนเต็ดต้องเซ็นสัญญาเซร์คิโอ รามอสเข้ามาหมดทุกอย่าง ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวจริงๆคือปัญหาบาดเจ็บอย่างที่กล่าวมา

เพราะฉะนั้นแล้ว การเซ็นรามอสนั้น มีอยู่เพียงแค่ประเด็นเดียวเท่านั้นที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะต้องตัดสินใจ นั่นก็คือ

แมนยูไนเต็ดนั้น พร้อมจะ "เสี่ยง" กับรามอสหรือไม่

เสี่ยงในการเซ็นมาแล้ว อาจจะบาดเจ็บออดๆแอดๆ ลงสนามได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือแย่หน่อยก็คือมีบาดเจ็บยาวขึ้นมาอีกเหมือนซีซั่นที่ผ่านมากับมาดริด หรือ เสี่ยงเซ็นมาแล้วปรากฏว่า รามอสร่างกายฟิต และสามารถลงช่วยทีมได้อย่างเหมาะสม นั่นก็ถือว่าโชคดีไปที่เสี่ยงแล้วสำเร็จนั่นเอง

เราบอกไม่ได้ว่า โอกาสที่จะออกหน้าไหนระหว่าง เฟล หรือ ฟิน และโอกาสแต่ละอย่างเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่าเสี่ยงเท่าไหร่สำหรับการเซ็นรามอส แต่มันมีความเสี่ยงสูงแน่นอนอยู่แล้ว

และกับตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากที่สุดอีกตำแหน่งหนึ่งในทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง การโฟกัสกับการเฟ้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมจริงๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการตัดสินใจว่าจะเอาใครเข้ามายืนเล่นในจุดสำคัญนี้ของทีม

เพราะฉะนั้นแล้ว เราจึงไม่สมควรที่จะมารอความเสี่ยงเช่นนี้แต่อย่างใด แม้จะเป็นสัญญาระยะสั้นก็ตาม

หากจะมีการเซ็นรามอสเข้ามา ควรเป็นในกรณีที่ทีมมีเซ็นเตอร์ตัวหลักๆอยู่แล้ว เหมือนในเคสของเชลซี ติอาโก้ ซิลวานั้นเข้ามาเพื่อที่จะเติมเต็มให้เชลซีเท่านั้นเอง ก็ไม่ได้ต้องแบกทีมอะไรขนาดนั้น

แต่เทียบกับยูไนเต็ด กองหลังเรามีปัญหาอยู่ ดังนั้นควรที่จะมี "ตัวหลัก" ดีๆเข้ามาซะก่อนตัวนึง เราจึงจะอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมในการเซ็นรามอสเข้ามาเติมเต็มกองหลังให้แน่นด้วยประสบการณ์และpassionมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น หากพิจารณาทุกเงื่อนไข ทุกเหตุผลซัพพอร์ตแล้ว ในความคิดส่วนตัวของผู้เขียน ทั้งๆที่เราชอบรามอสมากๆ และบอกตรงๆว่า "โคตรอยากได้" เพราะทุกๆอย่างที่เขียนมามันเหมาะเหม็งทั้งหมด 

แต่อาการบาดเจ็บที่เห็นมันดูเสี่ยงมากเกินไปที่จะเซ็นเข้ามาแล้ว "ได้ไม่คุ้มเสีย"

ด้วยคาแรคเตอร์ของเขาในสนาม ความดุดันอันโคตรเท่ passionในการเล่น และมิติการเล่นที่เหมาะมากกับการเข้ามาจับคู่กัปตันแมกไกวร์ แล้วมาเป็นตัวเก๋าๆที่ทำหน้าที่หยุดเกมของคู่ต่อสู้ได้ (ถ้าใครนึกตรงนี้ไม่ออก ให้หันไปดูบียาร์เรอัล ที่ใช้ตัวเก๋าสายสต็อปเปอร์อย่างอัลบิโอล ยืนคู่กับเปา ตอเรส ซึ่งเป็นกองหลังสายBall-playingเหมือนกัน)

ทั้งๆที่เราชอบ แต่ถ้าเป็นความคิดส่วนตัว ผู้เขียนไม่อยากให้แมนยูไนเต็ดไปเซ็นรามอสมาให้เสียค่าเหนื่อยฟรีๆเพราะเซ็นมาแล้วอาจใช้งานได้แค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น

คือ กูต้องรู้มั้ย?

สิ่งที่ควรทำจริงๆก็คือ แก้ปัญหากองหลังด้วยการซื้อ "ตัวหลัก" แบบจริงๆจังๆเข้ามามากกว่า ซึ่งในลิสต์ช่วงนี้ที่มีข่าว ก็มีอยู่แค่สามตัววนไปวนมานี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น เปา ตอร์เรส ซึ่งไม่ค่อยเชียร์เท่าไหร่ เพราะน้องไม่ใช่กองหลังตัวเน้นรับ, ราฟาเอล วาราน ที่มีข่าวแรงที่สุด และอีกตัวนึงที่มีข่าวแย้บๆมาเหมือนกันอย่าง คริสเตียน โรเมโร่ ที่เคยรีวิวเอาไว้

ราฟาเอล วาราน ทำท่าจะไม่ต่อสัญญากับมาดริดจริงๆ กับสัญญาที่เหลือเพียงแค่ปีเดียวกับมาดริด ดูท่าว่ายังไงมาดริดก็ต้องปล่อยแน่นอน แม้ว่ารามอสจะออกจากทีม

และจากข่าวนั้นวารานเองก็มีสองตัวเลือกที่สนใจในตัวเขาอยู่ ซึ่งก็คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับ เปเอสเชนั่นเอง อยู่ที่ว่าเจ้าตัวจะเลือกที่ไหน และการมาเล่นในพรีเมียร์ลีกก็เป็นตัวเลือกที่เจ้าตัวสนใจด้วย

แต่กับราคาราว50ล้านปอนด์ ในสัญญาปีเดียวที่เหลือกับมาดริด ก็อาจจะทำให้คู่ค้าของมาดริดต้องคิดกันพอสมควรและต่อราคากันอย่างดี แถมตามข่าวยังมีแว่วมาว่ามาดริดปัดข้อเสนอ50ล้านของแมนยูไนเต็ดแล้วเรียบร้อย และอยากจะได้80ล้านปอนด์กับนักเตะที่สัญญาเหลือปีเดียว(อ่านในลิงค์อ้างอิงด้านล่างตามข่าว)

ส่วนทางด้านของอีกคนหนึ่งอย่าง คริสเตียน โรเมโร่ ตัวนี้บอกตรงว่าค่อนข้างเชียร์พอๆกับนิโกล่า มิเลนโควิช เนื่องด้วยสไตล์การเล่นล้วนๆที่บู๊แหลก บู๊ล้างผลาญ และสถิติเกมรับเว่อร์วังอลังการซึ่งบ่งบอกให้เห็นเลยว่า ตัวนี้เกมรับดุเดือดมากจริงๆ ซึ่งเหมาะกับการนำเข้ามายืนเป็นตัวหลักกับแมกไกวร์มากๆ

ด้วยรางวัลกองหลังยอดเยี่ยมของเซเรียอา กับการลงเล่นให้อตาลันต้านั้น รับประกันฝีเท้าเขาได้เป็นอย่างดีสำหรับกองหลังแห่งอนาคตวัย23ปีทีมชาติอาร์เจนติน่ารายนี้

ตามข่าวราคาราว45ล้านปอนด์ถูกตั้งค่าหัวเอาไว้ และเอาจริงๆแล้วสำหรับนักเตะรายนี้ จ่ายในราคาเรทเดียวกันกับบรูโน่ แฟร์นันด์ส หรือ อารอน วาน-บิสซาก้า ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับ "ตัวหลัก" หนึ่งตัว ที่ราคาไม่มีทางเกินแฮรี่ แมกไกวร์แน่ๆที่เป็นการซื้อจากคู่แข่งร่วมลีกโดยทางตรง ค่าตัวจึงอัพกระฉูด โรเมโร่เป็นตัวเลือกอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจ

เพราะฉะนั้นแล้ว แมนยูไนเต็ดควรที่จะโฟกัสกับการหากองหลังตัวหลักเข้ามายืนแน่นๆในระยะยาวมากกว่าที่จะเลือก "ประหยัดเงิน" เพียงอย่างเดียวด้วยการเซ็นเซร์คิโอ รามอสเข้ามา แม้ว่าปัจจัยหลายๆอย่างจะเข้าแก๊ปมากๆอย่างที่เขียนย้ำไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไงด้วยสภาพร่างกายดังกล่าวมันก็ไม่ควรจริงๆ

พูดจากใจคนที่โคตรชอบและอยากเห็นรามอสใส่เสื้อแมนยูแบบเท่ๆ อยากบอกว่า..

ไม่ควรเซ็น มันเสี่ยงเกินไป

-ศาลาผี-

Refefences

https://therepublikofmancunia.com/should-manchester-united-rekindle-their-interest-in-sergio-ramos/

https://www.transfermarkt.com/sergio-ramos/verletzungen/spieler/25557

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด