:::     :::

เหตุผลสำคัญที่บรูโน่ แฟร์นันด์ส ฟอร์มดรอปกับโปรตุเกส

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
7,192
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บรูโน่ แฟร์นันด์ส ฟอร์มไม่โดดเด่นในยามลงเล่นให้โปรตุเกสในยูโร2020 แตกต่างกับยามที่ลงสนามให้แมนยูไนเต็ดมาก เป็นเพราะเหตุใดบ้างที่น่าจะส่งผลให้การเล่นของบรูโน่เป็นเช่นนี้ บทความนี้น่าจะตอบได้พอสมควร

จบลงไปแล้วสำหรับยูโร2020 ในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งแข่งขันกันครบสามนัดทุกทีม และได้ทีมที่ผ่านเข้ารอบกันแล้วเรียบร้อย ซึ่งรวมถึงทีมชาติโปรตุเกสที่อยู่ในกลุ่มแห่งความตาย Group F ร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศส ทีมชาติเยอรมัน และทีมชาติฮังการี ซึ่งจากที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร กลับกลายเป็นกลุ่มที่สำแดงความ "โรคจิต" กันสุดๆทุกทีม เมื่อเกมนัดสุดท้ายต้องลุ้นกันจนถึงฎีกาว่า ใครกันแน่ที่จะได้เข้ารอบ และใครอาจจะต้องกลับบ้านในฐานะอันดับ4ของกลุ่ม

ทั้งๆที่ดูแล้วฮังการีไม่น่ารอดตั้งแต่แรก แต่พวกเขาทำให้โปรตุเกสที่บุกจนเมื่อยตีน กว่าจะยิงได้ก็ต้องเล่นถึง80กว่านาทีถึงจะยิงประตูแรกได้, พวกเขาทำให้ฝรั่งเศสทีมเต็งแชมป์ทำได้เพียงแค่เสมอไป 1-1 และเกมสุดท้าย เกือบจะพลิกชนะทีมชาติเยอรมันได้สำเร็จ ขึ้นนำถึงสองครั้งสองครา แต่สุดท้ายก็ต้านเยอรมันที่พยายามตีเสมอได้สำเร็จอย่างยากลำบาก

แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นการต้องตกรอบแบ่งกลุ่มไปเป็นที่เรียบร้อยของทีมชาติฮังการี แต่ฟอร์มขนาดนี้ บอกได้เลยว่าถ้าอยู่กลุ่มอื่น มีลุ้นเข้ารอบแน่นอน ตกรอบอย่างสมศักดิ์ศรีและได้ใจแฟนบอลฮังการีอย่างมากจริงๆ

แต่หากพูดถึงกลุ่มนี้แน่นอนว่า เราโฟกัสกันที่โปรตุเกสเป็นหลัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมชาติในยูโร2020 ที่เชื่อว่า แฟนบอลปีศาจแดงหลายๆท่าน มีแนวโน้มที่จะส่งใจมาช่วยเชียร์โปรตุเกสกันเยอะจริงๆ

นั่นเป็นเพราะว่า มีทั้งอดีตตำนานของทีมอย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" และขวัญใจในทีมชุดปัจจุบันอย่าง "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" ลงเล่นอยู่ทั้งสองคน ทำให้แฟนผีหลายๆท่านรวมถึงผู้เขียนด้วย ก็เชียร์ทีมชาติโปรตุเกสอีกหนึ่งทีมในยูโร2020

ฟอร์มการเล่นของทีมชาติโปรตุเกสในรอบแรกนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เกิดขึ้นในภาคการเล่นอยู่ ซึ่งสุดท้ายแล้วโปรตุเกสก็เอาตัวรอดสำเร็จ หลังจากที่นัดแรกอัดฮังการี3-0 เปิดหัวได้อย่างสวยงาม แต่เกมต่อมาก็โดนเยอรมันถล่มเละเทะไป 4-2 แบบขาดลอย

ก่อนที่เกมสุดท้าย จะมาไว้ลายด้วยการปรับแทคติกและลงเล่นด้วยความกระหายและจิตใจนักสู้ จนสามารถสู้กับฝรั่งเศสได้ดีมากๆในแดนกลาง และการเล่นจังหวะสุดท้ายที่อันตรายจนเรียกจุดโทษได้สำเร็จถึงสองครั้ง ทำให้โปรตุเกสสามารถเสมอกับเต็งหนึ่งแชมป์โลกอย่างฝรั่งเศสได้ 2-2

และทั้งสามเกมดังกล่าวนี้ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" โชว์ฟอร์มไม่ออกเลยแม้แต่เกมเดียว

เรียกว่าหายไปจากเกมซะเป็นส่วนใหญ่

เชื่อว่านี่คืออีกหนึ่งประเด็นที่แฟนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า ทำไมพี่หนวดของเราในยามที่ลงสนามให้กับทีมชาติโปรตุเกสนั้น ฟอร์มถึงได้ไม่เปรี้ยงเหมือนอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? หลายคนตั้งข้อสงสัย หลายคนมีสมมติฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่างๆนานา ดังนั้นเราจะมาดูกันว่า หากลองวิเคราะห์หาเหตุผลและปัจจัยที่เกี่ยวข้องนั้น มันมีเรื่องอะไรบ้างที่ "น่าจะ" เป็นเหตุที่ทำให้บรูโน่ ไม่โดดเด่นกับทีมชาติโปรตุเกสดังนี้

1. ร่างกายที่ล้าจากการกรำศึกหนักกับเกมสโมสร

เรื่องนี้คงไม่ต้องพูดมาก แฟนผีด้วยกันมองตาก็เข้าใจกันดี เมื่อนี่คือนักเตะที่แทบจะต้องแบกถังออกซิเจนลงไปในสนามด้วยอยู่แล้ว เพราะเขาต้องลงสนามให้แมนยูแทบจะทุกเกม ไม่ว่าจะเกมลีก บอลยุโรป จะบอลถ้วยเล็กถ้วยใหญ่ ถ้วย อบต ทุ่งเสลี่ยม พี่หนวดก็ต้องลงสนามเป็นตัวจริงแทบทุกนัด

ลงเยอะไม่พอ ลงเต็มเวลา แถมลงต่อเนื่องด้วย นานๆทีจริงๆคุณโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถึงจะจับบรูโน่เป็นตัวสำรองบ้าง

แต่ถึงจะเป็นสำรอง พี่แกก็ยังถูกส่งลงสนามอยู่ดี!!!

ด้วยปริมาณการเล่นต่อฤดูกาลเกือบๆ60นัด เอาจริงๆแล้วนี่ถือว่ามัน overloadมากๆสำหรับมนุษย์คนนึง ที่แม้จะเป็นนักกีฬาที่ฟิตเปรี๊ยะ และเจ้าตัวอยากลงสนามก็เหอะ

แต่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงว่ามันคือการใช้ร่างกายที่มากเกินไปหรือเปล่า อย่างที่หลายๆคนตั้งคำถามกับทางยูฟ่าต่อการที่พยายามจะเพิ่มปริมาณการแข่งขัน เพื่อผลกำไรที่มากขึ้น โดยไม่คิดถึงสภาพร่างกายของนักฟุตบอลเลย

บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงสนามให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งหมด "58 นัด" ในทุกๆรายการที่ปีศาจแดงลงแข่ง ทำไป 28 ประตู กับอีก 17 แอสซิสต์ เท่ากับว่า จาก58เกม แกมีส่วนร่วมในการทำประตู 45ลูก ยังไม่รวมพวกลูก pre-assists ทั้งหลาย รวมถึง possession chain ในเกมรุกที่เชื่อมต่อบอลจนเพื่อนมีโอกาสสร้างจังหวะยิงได้

เอาแค่ง่ายๆ เกมพรีเมียร์ลีกมีอยู่ 38เกมตลอดทั้งซีซั่น พี่แกลงสนามแล้ว "37เกม" ทั้งๆที่เป็นตำแหน่งที่ต้องวิ่งเยอะอย่างมิดฟิลด์และตัวรุก ไม่ใช่พวกกองหลังด้วยที่เล่นแบบเน้นประคองตำแหน่ง และวิ่งไม่เยอะเท่ามิดฟิลด์ด้วย

มันบ้าไปแล้ว

และยังมีถ้วยอื่นๆอีก4รายการ รวมแล้วบรูโน่ลงเล่น 5รายการ ทั้งพรีเมียร์ลีก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ยูโรปาลีก เอฟเอคัพ และ คาราบาวคัพ

การลงเล่นเกือบ 60 นัดถือว่ามันสูงเกินไปมากอยู่แล้ว และช่วงพักเบรคฤดูกาลเช่นนี้เขาควรได้รับการพักเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้ดีที่สุด แต่ต้องมาลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ยูโร2020ต่อ ดังนั้นมันจึงเป็นการใช้งานร่างกายที่ "ต่อเนื่อง" กันอย่างชัดเจน ไม่มีgapให้ได้พักเลย

ดังนั้นแล้ว การกรำศึกหนักอย่างต่อเนื่องมาจากสโมสรแบบไม่ได้หยุดพักและปริมาณมากเกินไป ส่งผลทำให้ระดับความฟิตของบรูโน่ไม่เพียงพอจะโชว์ฟอร์มได้อย่างสดชื่นและเต็มกำลังได้จริงๆ เพราะนักเตะคนอื่น หลายๆคนไม่ได้ลงสนามหนักเท่าบรูโน่แน่นอน สภาพร่างกายมันจึงมีความแตกต่างตรงนี้อยู่

นี่เป็นอีกเหตุผลที่เห็นชัดเจนว่า ส่งผล และมีส่วนกับฟอร์มการเล่นกับโปรตุเกสของบรูโน่อย่างแน่นอนในประการแรก

2. "แทคติก"ของโปรตุเกส กลางไม่สามารถซัพพอร์ตบอลให้บรูโน่ได้

ประเด็นนี้ถือว่าเป็นอีกจุดที่สำคัญที่สุดที่เป็นเหตุผลว่าทำไมบรูโน่ถึงได้ดูเงียบๆและเล่นไม่ออกในโปรตุเกส มันช่างต่างกันลิบลับกับในแมนยูซะเหลือเกิน

It's all about tactics เพราะแทคติกล้วนๆ เน้นๆ!

อย่างที่เราเห็นกัน เฟอร์นานโด ซานโตส จัด "มิดฟิลด์ตัวรับคู่" ลงมาเป็นdouble pivot ในวันที่บรูโน่เป็นตัวจริง ทั้งสองนัดในการเจอกับฮังการี และ เยอรมัน ด้วยแผน 4-2-3-1 ที่มีการปรับทรงและไฮบริดเป็นกึ่งๆ 4-1-4-1 ก็จริง แต่สุดท้ายแล้วมิดฟิลด์ตรงกลางสามคนของโปรตุเกสยามที่ส่งบรูโน่ลงสนามนั้น สองคนเป็นกลางรับที่ยืนจับคู่กัน ระหว่าง ดานิโล่ เปเรร่า และ วิลเลียม คาร์วัลโญ่ ลงมายืนคู่กัน ด้วยเหตุผลที่ซานโตสคงจะต้องการเกมรับแน่นๆของกลางรับตัวใหญ่คู่กันสองคนนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มิดฟิลด์สองคนนี้ทำหน้าที่ในเกมรับได้ดีในยามเจอกับฮังการี และรองบอลจากหลังบ้านให้กับโปรตุเกส แต่ปัญหาคือ มิติการเล่นของสองคนนี้ เป็นตัวรับจ๋าๆทั้งคู่ ที่ไม่ได้มีจุดเด่นในด้านของการขับเคลื่อน หรือพาบอลขึ้นหน้า

รวมภาคการจ่ายบอลก็ไม่ใช่จุดแข็งของมิดฟิลด์คู่ทั้งสองคนด้วย

ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดคล้ายๆกับที่แมนยูไนเต็ดนิดหน่อย นั่นก็คือ บอลจากกองกลางนั้น ไม่สามารถสนับสนุนขึ้นมาให้กับบรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้เลยในแดนกลาง

การจะถ่ายบอล และปั้นบอลให้นักเตะในตำแหน่งกลางรุกนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมาจากมิดฟิลด์ตัวสนับสนุนที่อยู่ด้านหลังกลางรุก หากว่าใครนึกไม่ออกก็นึกถึงเคส ก็องเต้-ป็อกบา ในฝรั่งเศสก็ได้ ที่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็องเต้นอกจากจะเฝ้าเกมรับให้แล้ว เขายังคอยเป็นตัวที่สนับสนุนบอลให้ป็อกบาตลอดเวลาด้วย

แต่ดานิโล่ เปเรร่า กับ วิลเลียม คาร์วัลโญ่ ไม่สามารถทำสิ่งนั้นให้กับบรูโน่ได้

สองมิดฟิลด์ไม่สามารถพาบอลขึ้นหน้า หรือปั้นบอลให้กับบรูโน่ได้เลย เนื่องจากการเล่นที่เด่นแต่เกมรับ และสกิลทักษะ ชั้นเชิงอะไรก็ไม่ดีพอจะครีเอทบอลไปให้ได้ในยามที่เจอคู่ต่อสู้ประกบเป้าหมาย รวมถึงการเจอเกมเพรสซิ่งในแบบสมัยใหม่ สองคนนี้ก็ค่อนข้างที่จะชนะและเล่นได้ยากเวลาโดนเพรส

พอโปรตุเกสใช้กลางรับสองคนเช่นนี้ลงสนาม จุดที่มันเป็นnodeเชื่อมระหว่าง กลางรับ กับ กลางรุก มัน "หายไป" บอลจากกลางรับ (ซึ่งใช้ไปแล้วสองคน) ไม่มีคนมาเชื่อมต่อให้กับบรูโน่ ซึ่งเป็นกลางรุก ผลก็คือ โปรตุเกสต้องใช้วิธีอื่นๆในการขึ้นบอลแทน เช่นขึ้นจากราฟาเอล เกร์เรโร่ในตำแหน่งแบ็คซ้าย หรือใช้วิธีการวางยาวจากรูเบน ดิอาส  เป็นต้น

เพราะไม่มีคนเชื่อมจากกลางรับขึ้นมาให้กลางรุก บอลจึงพาสไปที่ "จุดอื่น" และขึ้นเกมในแอเรียของตำแหน่งอื่นแทน ซึ่งไม่ใช่บรูโน่นั่นเอง

ถามว่าทำไมเรื่องของการ "เชื่อม" ตรงนี้สำคัญ? มันง่ายมากๆ เพราะการมีอยู่ของมิดฟิลด์ที่เป็นสายลูกหาบ ที่ทำหน้าที่วิ่งพล่านในแดนกลาง และเชื่อมเม ไม่ว่าจะเป็นพวกขึ้นสุดลงสุดอย่าง Box to Box, ลูกหาบแบบ Carrilero, ตัวขับเคลื่อนแบบMezzala มิดฟิลด์พวกนี้มีพื้นที่การเล่นอยู่ระหว่าง กลางรับ กับ กลางรุก เป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นทีมที่แดนกลางดีนั้น นอกจากจะมีกลางต่ำแล้ว ควรที่จะใส่กลางตัวเคลื่อนเกม ลงมาคู่กับกลางต่ำอีกอย่างน้อยๆหนึ่งคน เพื่อที่จะรับบอลต่อจากไอ้กลางต่ำตัวที่ว่านั่น พาขึ้นหน้ามาหาช่องส่งต่อให้ตัวรุกคนอื่นๆ ซึ่งรวมถึง กลางรุกด้วย

แต่หันมาดูโปรตุเกสของซานโตสในสองเกมแรกของบรูโน่ มันกลายเป็นกลางรับสองคนที่ไม่มีความสามารถในการเชื่อมต่อเกมเช่นนี้

แล้วบรูโน่จะเอาบอลที่ไหนไปทำเกม? แน่นอนครับ เอวังในเชิงแทคติก และสังเกตได้ง่ายมากๆ เพราะแอร์ไทม์บรูโน่ในจอแทบจะไม่มีเลย เพราะบอลมันไปไม่ถึงเขานั่นเอง

ส่วนเรื่องของการเปรียบเทียบกับแมนยูไนเต็ดนั้น ก็มีปัญหาที่คล้ายๆกัน แต่แย่กันคนละด้าน

การใช้มิดฟิลด์สองคนอย่างคู่ "แม็คเฟร็ด"  สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ดนั้น สองคนนี้ก็ "ไม่ใช่กลางรับทั้งคู่" อีก สองคนนี้เป็น Box to Box คนนึง และมิดฟิลด์ลูกหาบ Carrilero อีกคนนึง (เฟร็ด) ซึ่งสองคนนี้ไม่ใช่ตัวที่จะยืนต่ำได้ดี จริงๆไม่ควรถูกจับมาใช้งานเหมือนในซีซั่นที่ผ่านมา หวังว่าแมนยูจะแก้ตรงนี้ด้วยการซื้อกลางรับจริงๆเข้าอีกตัว แล้วสลับใช้เฟร็ด กับ แม็ค ลงมาในฐานะ "ตัวเชื่อมแดนกลาง" จะดีที่สุด

แต่เนื่องจากว่า เฟร็ด กับ แม็คเอง ก็มีสกิลพอที่จะนำบอลขึ้นหน้าได้ หากว่าจังหวะของเกมเป็นใจ สองคนนี้ก็ยังมีสกิลพอที่จะนำบอลไปสนับสนุนให้กับบรูโน่ได้

โดยเฉพาะ "เฟร็ด"

ผู้เขียนนั่งดูแมนยูทุกเกม และสังเกตการเล่นของนักเตะเราอย่างละเอียด มันเห็นโคตรชัดเลยว่า ทุกๆครั้งที่เฟร็ดสามารถไปrecoveryบอลจังหวะสองมาได้ หรือเขาได้บอลในจังหวะสวนกลับ

คนแรกที่เฟร็ดมองหา และพาบอลไปจ่ายให้ ก็คือ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส"

เพราะฉะนั้น กับแมนยูไนเต็ด ไม่ต้องห่วงเลยในเรื่องที่จะส่งบอลให้กับบรูโน่ เพราะมีเฟร็ดทำหน้าที่ตรงนี้ในฐานะตัวShuttlerหรือลูกหาบที่จะคอยซัพบอลให้บรูโน่ตลอดเวลา

เรียกว่าถูกโปรแกรมมาจากโอเล่เลยก็ว่าได้ อันนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว

ดังนั้นเวลาเล่นกับแมนยู บรูโน่จึงได้การซัพพอร์ตบอลจากแดนกลางแมนยูไนเต็ดตลอดเวลา จากนักเตะด้านหลังอย่างเฟร็ด แม็ค ที่แม้จะมีปัญหากับมิติการยืนต่ำกันทั้งคู่

แต่อย่างน้อยบรูโน่ก็ "ของไม่ขาด"

เมื่อมาดูที่โปรตุเกส การใช้กลางรับคู่เช่นนี้ แม้จะทำให้เกมตรงกลางมันแน่นปั้กจริงเพราะเป็นกลางรับทั้งคู่ แต่ภาคของการสนับสนุนบอลจึงไม่มีให้กับบรูโน่ได้เลยในแดนกลาง

เขาจึงแทบไม่มีบทบาทอะไรกับกลางของทีมชาติโปรตุเกสเลย หากว่าซานโตสจัดเขาลงมาเล่นร่วมกับ กลางรับคู่แบบนี้

ซึ่งวิธีการแก้ตรงนี้จริงๆมันเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ เพียงแค่ซานโตสปรับวิธีการจัดกองกลางให้ "สมดุล" เหมือนนัดเจอฝรั่งเศสที่กลางเล่นดีและเหนือกว่ามาก และส่งมิดฟิลด์ลงมาอย่างเหมาะสม แค่นั้นก็ทำให้บรูโน่น่าจะมีฟอร์มที่ดีขึ้นแล้ว หากมีกองกลางคอยช่วยถ่ายบอลให้กับเขา ไม่ว่าจะเป็นแผน 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ก็ตาม แผนไหนก็ได้ทั้งนั้นขอให้มันมีสัดส่วนที่บาลานซ์กันพอดีระหว่าง

กลางรับ+กลางซัพ(เชื่อม)+กลางรุก

วิธีง่ายๆ ซานโตสแค่ใช้ กลางรับ1ตัวลงสนาม จะดานิโล่ หรือวิลเลียมก็ได้ แต่ควรใช้แค่ "ตัวเดียว"

จากนั้นมิดฟิลด์ตัวที่สองใช้เป็นกลางตัวเชื่อม ซานโตสมีไพ่ในมือเพียบ ไม่ว่าจะเป็นรูเบน เนเวส หรือ เจา มูตินโญ่ คู่หูจากถ้ำหมาป่า, เรนาโต้ ซานเชส ที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งอย่างอลังกาด้วยการแบกโปรตุเกสจนเสมอฝรั่งเศสได้, อาจจะรวมถึงDLPอย่างพาลินญ่าด้วย ตัวพวกนี้สามารถใช้เชื่อมบอล หรือทำเกมรุกคู่กันแบบ มิดฟิลด์ตัวรุกคู่ (8s : ใช้มิดฟิลด์เบอร์8สองคน) ยังได้เลย

แล้วมิดฟิลด์อีกตัวที่เหลือก็คือ "กลางรุก" ซึ่งก็คือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส นั่นเอง

หากจัดกองกลางมาแบบนี้ และบรูโน่มีกลางรุกเฝ้าหลังบ้านให้ และตัวเชื่อมที่คอยช่วยกันทำเกมกับเขา  ถ้าปรับการจัดได้ ยังไงโปรตุเกสฟอร์มโหดแน่นอน และบรูโน่ก็จะเล่นได้อย่างโดดเด่นในแดนกลางด้วย

อยู่ที่ซานโตสล้วนๆ ไม่ใช่ความผิดบรูโน่เลย ก็ได้แต่หวังว่าแกจะตาสว่าง เหมือนกับนัด3ที่จัดทีมลงมาได้บาลานซ์สมดุลอย่างดีด้วย เรนาโต้ มูตินโญ่ และ ดานิโล่ ซึ่งก็เป็นไปตามชุดความคิดของทฤษฎีนี้แบบเป๊ะๆ

3. "ปัจจัยภายนอก" แทคติกของคู่แข่งในวันที่บรูโน่ลงสนาม

นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เป็นปัจจัยจากภายนอกที่ส่งผลต่อการเล่นของบรูโน่ที่ทำให้เขาเล่นไม่ออก และไม่ปังกับโปรตุเกสด้วย อย่างในกรณีแรก เกมแรกที่เจอกับฮังการี แทคติกที่คู่แข่งนำมาใช้ก็คือการแพ็คเกมรับให้ "แน่นและหนา" เอาไว้ก่อน เพื่อที่จะต้านทานเกมบุกของโปรตุเกสให้ได้ในเบื้องต้น

และก็ทำได้จริงๆซะด้วยสิ อั้นไว้ได้80กว่านาที ถือว่าไม่ธรรมดา

แผนที่ฮังการีนำมาใช้งานในวันนั้นคือformation "3-5-2" ฝังเบสแนวรับไว้ด้วยการใช้หลังสามลงสนามเพื่อความแน่นในไลน์สุดท้าย บวกด้วยแดนกลาง ที่ใช้นักเตะเยอะถึงขนาด5คนเต็มๆ ด้วยวิงสองข้าง และตัวที่ยืนในพื้นที่ป้องกันตรงกลางถึง "3คน"

แล้วทิ้งกองหน้าไว้แค่สองคนแบบจางๆเพื่อรอเก็บบอลยาวอย่าง อดัม ซาไล และ โรลันด์ ซัลลาย ที่รอวิ่งสวนกลับอยู่ มีแค่นั้นจริงๆ

ดังนั้นนักเตะทั้งหมด 8คน จึงไปกองอยู่ในเกมรับของฮังการี และในพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดรับผิดชอบที่บรูโน่ต้องไปยืนอยู่ ตามทรงformationเกมรุกของโปรตุเกสในแผน 4-2-3-1 นั้น จุดที่บรูโน่เข้าไปยืนอยู่คือ โดนล้อมกรอบ ทั้งจากกองกลางสามคน และ ยังเจอกองหลังไลน์สองอีกสามคน

นักเตะกลางรุกเวลาเจอแผนแบบนี้ก็เหมือนโดนฆาตกรรมในห้องปิดตายนั่นแหละ

บอลไปไม่ถึงบรูโน่ ทั้งจากสองมิดฟิลด์ตัวรับที่ไม่สามารถนำบอลไปให้ได้ รวมถึงว่าแม้จะพยายามจ่ายบอลไปให้ แต่ก็ติดผู้เล่นเกมรับของฮังการี ตามแทคติกที่เขา "แพ็คกลางให้แน่นและกระชับcompact" เข้าด้วยกันซะอีก

ที่หายใจ โอกาสได้บอล พื้นที่เล่น เวลาในการเล่น ไม่มีอะไรมีให้กลางรุกอย่างบรูโน่ แฟร์นันด์สเลย

ดังนั้นเมื่อเจอแทคติกแบบนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบรูโน่ถึง "หาย" ในเกมเจอฮังการี ก็ดูแทคติกคู่แข่งสิครับ..

เกมต่อมา โปรตุเกสเจอกับเยอรมัน การเจอกับเยอรมันนั้น แผนการเล่นของเขาไม่ได้เน้นเกมรับเพื่อป้องกันหนักมากเท่ากับฮังการี แต่สิ่งที่โปรตุเกสและบรูโน่ต้องเผชิญในวันนั้นก็คือ

"หาบอลไม่เจอ"

เยอรมันมาด้วยแผน 3-4-2-1 ลักษณะที่คล้ายๆกับแผนของเชลซี ประกอบไปด้วยหลังสาม แผงกลาง4คน เป็นวิงสองกลางสอง โดยมีตัวรุกสองคน ด้านหลังหน้าเป้าหนึ่งคน

แผนของเยอรมันแผนนี้ ยึดโยงกับ "บอลระบบ" ในแบบเยอรมันภักดีชน ด้วยการเล่นระบบการให้บอลที่แน่นอน การเคลื่อนที่ การหาตำแหน่งที่แม่นยำเป็นระบบระเบียบและมีวินัยเป็นปึกแผ่นทั้งทีม

ดังนั้น เยอรมันจึงครองบอลมากกว่าโปรตุเกสอย่างเห็นได้ชัดที่ 58 ต่อ 42 เปอร์เซ็นต์ แถมโอกาสยิงเยอรมันก็เบิ้ลเกือบเป็นสองเท่าของทีมฝอยทอง ที่ 12ครั้ง เข้ากรอบ7 ในขณะที่ฝรั่งเศสมีแค่ 7ครั้ง เข้ากรอบ2เท่านั้นเอง

รูปเกมสู้ไม่ได้ การครองบอลสู้ไม่ได้ ดังนั้นในเกมเจอโปรตุเกส ปัญหาหลักๆก็คือ โปรตุเกสนั้นแทบจะหาโอกาสครองบอลบุกไม่ได้เลย จะโดนกดซะมากกว่า

เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงว่า "บรูโน่จะได้โชว์ฟอร์มรึเปล่า"

อย่าว่าแต่บรูโน่เลย ทั้งทีมก็โดนเข่นยับเหมือนกัน โดยเฉพาะพื้นที่ทางแบ็คที่โดนเจาะเล่นงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทีมจึงได้แพ้ราบคาบ จากทั้งแดนกลางที่สู้ไม่ได้ และพื้นที่ช่องโหว่ด้านข้างจากเกมรับที่เปิดโล่งของแบ็ค

เกมเจอเยอรมัน บรูโน่จึงดับสนิทอีกเกม เพราะโปรตเกสทั้งทีมสู้ไม่ได้นั่นเอง

เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อโปรตุเกสยามที่ส่งบรูโน่ แฟร์นันด์สลงสนาม แล้วเจอกับแทคติกการเล่นหน้างานแบบนี้ บรูโน่จึงดับทั้งสองเกมอย่างที่เห็นนั่นเอง

..แต่อย่าคิดว่าหมดแล้ว ยังมีข้อสุดท้ายอีก

4. ศูนย์รวมการเล่นของแมนยูคือบรูโน่ แต่เป้าหมายการป้อนบอลของโปรตุเกสอยู่ที่ "โรนัลโด้"

นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่สุดอีกข้อที่ทำให้บรูโน่นั้นไม่โดดเด่นเลยกับทีมชาติโปรตุเกส นั่นก็คือ เขาไม่ใช่ศูนย์รวมของทุกสิ่งทุกอย่างในทีม เหมือนกับที่เป็นในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ที่แมนยูไนเต็ด จะเห็นได้ว่า เขาคือผู้นำในเกมรุก เป็นตัวแรกที่จะเริ่มคิดเพลย์การเล่น และครีเอทเกมรุก ไม่ว่าจะเป็นการหาวิธีเจาะเข้า จ่ายบอลให้เพื่อน ดึงตัวประกบ เชื่อมบอลถ่ายบอล ยิงไกลเอง เติมขึ้นไปเข้าทำประตูเอง ฯลฯ

ทุกอย่าง อยู่ที่บรูโน่หมด เรียกว่าทำทุกอย่างจริงๆของเกมบุกแมนยูไนเต็ด

การเล่นของเพื่อนร่วมทีมด้วยกัน และโดยเฉพาะทรงการเล่นของโอเล่นั้น ในแผน 4-2-3-1 เป็นแผนที่ยึดโยงกับความสำคัญของการใช้มิดฟิลด์ตัวรุกเป็นเมนหลัก เพราะงั้นเพื่อนทุกคนในทีมเวลาที่ได้บอลจากแดนหลัง หรือแดนกลาง คนแรกที่นักเตะแมนยูไนเต็ดจะมองหาคือใคร?

บรูโน่ แฟร์นันด์สนั่นไง

พี่หนวดคือเป้าการจ่ายบอลแรกของเพื่อนๆเสมอ เพราะได้รับความเชื่อมั่นจากเพื่อนที่ไว้วางใจให้ฝากบอล รวมถึงการทำเกมรุกของแมนยูด้วยว่า หากจ่ายให้บรูโน่ได้ ทีมจะต้องมีโอกาสเข้าทำที่สร้างจากเขาแน่นอน

เพราะฉะนั้น ถนนทุกสายจึงมุ่งสู่รามอส เอ๊ย! ถนนทุกสายจึงมุ่งสู่ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" เป็นหลักๆนั่นเองในแมนยูไนเต็ด ที่เขาเป็นตัวความหวังของเพื่อนร่วมทีม ของแฟนบอล ในการสร้างอะไรพิเศษๆให้กับทีม ไม่ว่าจะยิง หรือ จ่ายให้เพื่อน

ที่แมนยู บอลจะถูกส่งไปให้บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นหลัก ในฐานะศูนย์รวมความหวังและทุกสิ่งของทีมในเกมรุก ขนาดนอนร่วงลงไปกองกับพื้น เพื่อนยังเตะบอลไปให้เลย ก็คิดเอาเองแล้วกันว่ามันเป็นศูนย์รวมขนาดไหน

แต่ไม่ใช่ที่ทีมชาติโปรตุเกสแน่นอน

กับทีมชาติโปรตุเกส เราเห็นชัดกันอยู่แล้วว่า ศูนย์รวมของความหวังในการทำประตูของทีมนั้น ส่วนใหญ่แล้วนักเตะทุกคนก็ล้วนแล้วแต่พยายามที่จะป้อนบอลไปให้ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" เป็นหลักๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น

นึกไม่ออกบอกโด้ เงยหน้าขึ้นมามองหาโด้ก่อนว่าอยู่ตรงไหน รวมถึงการจองสัมปทานยิงฟรีคิกในตำแหน่งถนัด และรวมถึงลูกจุดโทษที่มีความแม่นยำสูงของพี่โด้จนน่ากลัว ขนาดว่าคนอื่นเขายิงจุดโทษกันไม่เข้าปาวๆ พี่แกก็ยิงเล่นๆเข้าไปแบบชิลๆทุกลูกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การทำสกอร์จากจุดโทษอาจจะดูง่ายในสายตาเหล่าHatersของCR7 แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้น นักเตะหลายๆคนก็คงจะยิงจุดโทษเข้ากันหมดแล้วสิ แต่ในยูโรนี่เห็นยิงพลาดกันเพียบเลย

เพราะงั้นจะเห็นได้ว่า โปรตุเกสในยุคที่ผ่านๆมาที่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวความหวังสำคัญสูงสุดของทีมนั้น เป้าหมายการจ่ายบอล และป้อนบอล จะอยู่ที่พี่โด้เน้นๆเป็นหลักคนเดียว นักเตะคนอื่นๆในทีมไม่มีอะไรมากนอกจากพยายามหาทางสร้างจังหวะและจ่ายให้โรนัลโด้ให้ได้ยิงเท่านั้น เดี๋ยวประตูจะมาเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนั้น เป้าหมายการจ่ายบอลหลักของโปรตุเกส จึงต้องการจะจ่ายไปให้กับ"โรนัลโด้" ไม่ใช่ "บรูโน่" เพราะฉะนั้นโอกาสที่บอลจะถูกป้อนให้บ่อยๆเหมือนที่อยู่แมนยูไนเต็ดนั้นถือว่า มีน้อยมากและต่างกันลิบลับ ที่แมนยูทุกอย่างต้องมาฝากที่บรูโน่ แต่โปรตุเกส นักเตะทุกตัวพยายามจะจ่ายให้โรนัลโด้ยิงเป็นหลัก

ดังนั้นเหตุผลในเรื่องของการเป็นTargetหลักในการป้อนบอล จึงค่อนข้างชัดเจนว่า ในแมนยูเขาคือศูนย์รวมของทุกๆคนที่จะฝากบอลมาให้เล่น และเป็นตัวสำคัญในการสร้างจังหวะอันตราย และเข้าทำประตูด้วยตัวเองอย่างโดดเด่นมากๆ จนทำให้สถิติการทำประตูและแอสซิสต์มันสุดยอดขนาดนั้น

แต่ในโปรตุเกส เกมรุกมีเป้าหมายในการจ่ายบอลพุ่งเป้าไปที่โรนัลโด้แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้บรูโน่นั้น ดูจะไม่เปรี้ยงปร้างเท่ากับตอนเล่นที่แมนยู เพราะเขาไม่ใช่เป้าหมายหลักของทีมนั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลหลักๆที่พอจะวิเคราะห์ออกมาได้ว่า มันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นกับทีมชาติโปรตุเกสแล้วมันไม่โดดเด่นนั่นเอง จาก4เหตุผลหลักๆนี้ ซึ่งมันยังมีโอกาสที่จะทำให้บรูโน่นั้นเล่นได้ดีขึ้นได้อยู่ หากว่าเกมหน้านัดชี้ชะตากับเบลเยี่ยมในรอบ16ทีมสุดท้าย เฟอร์นานโด ซานโตส จะปรับทัพลงสนามอีกครั้ง

หากว่าเขาจะใช้บรูโน่ลงเป็นตัวจริง (ซึ่งดูทรงแล้วยาก) ซานโตสจะต้องใช้บรูโน่ร่วมกับ มิดฟิลด์ตัวรับ1คน และมิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนสนับสนุนอีกหนึ่งคน หากว่าจัดทีมลงมาได้เหมาะสมแล้ว เดี๋ยวโอกาสของบรูโน่ในการทำเกมมันจะเพิ่มขึ้นทันที และฟอร์มก็น่าจะกระเตื้องขึ้นแน่นอน เพราะเราก็ได้เห็นในสนามกันแล้วว่า จริงๆแล้วคลาสการเล่นของพี่แกมันก็เท่าเดิมนั่นแหละในทีมชาติ ตอนที่มีจังหวะยิงไกลนี่คือชัดแจ๋วเลย บรูโน่ยังยิงได้อันตรายเหมือนเดิม ขอแค่มีโอกาสเท่านั้น

น่าเสียดายว่าอีกเหตุผลเล็กๆเรื่องนึงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คือ การขาดหายไปของ เจา คันเซโล่ เนื่องจากติดโควิดและต้องถอนตัวออกไปก่อนทัวร์นาเมนต์อย่างน่าเสียดาย

ทั้งๆที่คลาสการเล่นของเขาเข้ากันกับบรูโน่ได้ดีเวลาที่ถ่างออกมาเล่นด้านข้าง ในfriendly matchสองคนนี้ประสานงานกันได้ดีมากๆ แต่เมื่อคันเซโล่หายไป กลายเป็นเนลสัน เซเมโด้ลงมา การเติมเกมของเซเมโด้ในนัดแรกๆถือว่ามีปัญหาค่อนข้างมาก เกมทางขวาติดขัด และบอลไปหนักอยู่ฝั่งราฟาเอล เกร์เรโร่เป็นหลัก

การขาดหายไปของเจา คันเซโล่ ก็ส่งผลกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

เอาเป็นว่า ตามเชียร์เอาใจช่วยมิดฟิลด์ตัวรุกอสูรแดงในร่างโปรตุเกสกันต่อไป หากว่าซานโตสจัดแทคติกดีๆ ยังมีโอกาสที่จะกลับมาปังได้อยู่สำหรับบรูโน่ แฟร์นันด์ส

เกมหน้าอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับโปรตุเกสก็ได้ เพราะงั้นแฟนผีก็เอาใจช่วยพี่หนวดกันหน่อยแล้วกันครับ

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด