การดวลที่น่าจับตารอบ 16 ทีมสุดท้าย
2 คู่แรกจะเริ่มฟาดแข้งกันในวันเสาร์นี้ โดยเป็นการลงสนามระหว่าง เวลส์ เจอ เดนมาร์ก และ อิตาลี เจอกับ ออสเตรีย
ต้องบอกว่าเมื่อถึงรอบนี้แล้วไม่มีคู่ไหนที่เล็กอีกต่อไป แต่ละสนามล้วนเป็นที่น่าติดตามสำหรับแฟนบอลไม่ว่าจะเป็นทีมรักของตัวเองหรือไม่ก็ตาม
ว่ากันตามตรงแต่ละทีมที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ถือว่าไม่ได้มีอะไรที่น่าเซอร์ไพรส์ ทุกทีมล้วนคู่ควร อาจจะมีระทึกใจหน่อยสำหรับ เดนมาร์ก ที่แพ้สองเกมแรก แต่มาชนะสวยๆนัดสุดท้ายเข้ารอบได้อย่างฉิวเฉียด
ด้วยการเจอกับในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้ การดวลกันของคีย์แมนน่าจะเป็นจุดสำคัญที่อาจจะตัดสินเข้ารอบ-ตกรอบได้ นี่คือ 5 คู่ที่น่าสนใจสำหรับรอบน็อคเอาท์นี้
โรเมลู ลูกากู (เบลเยี่ยม) - เปเป้ (โปรตุเกส)
ใครจะเชื่อว่าการอำลา เรอัล มาดริด ของ เปเป้ นอกจากจะไม่ใช่จุดตกต่ำของเจ้าตัว แต่ยังเล่นในระดับสูงแถมทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
เซนเตอร์วัย 38 ปีคือกำแพงเหล็กที่จัดการกับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ในเกมกับ ฝรั่งเศส จนอยู่หมัดในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม และยังเป็นคนที่สกัดบอลมากที่สุดเป็นอันดับสาม (4 ครั้ง) และในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี่เองกองหลังจอมแกร่งจะเจอกับความท้าทายอีกครั้ง
คู่ต่อสู้ในเกมนี้คือกองหน้าร่างโตอย่าง โรเมลู ลูกากู ที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมนับตั้งแต่โชว์ฟอร์มเยี่ยมกับ อินเตอร์ มิลาน ช่วยทีมคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้มาครองอย่างยิ่งใหญ่ และมันยังสานต่อมาในเกมยูโรด้วย
3 ประตูจาก 3 เกมแรกเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นชั้นดีว่าเขาคือกำลังหลักในการสอยตาข่ายของ เบลเยี่ยม ทีเด็ดไม่ใช่แค่การยิงเท่านั้น แต่ยังมีการโหม่ง พักบอล เอาตัวเข้าชน เปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีมจากแถวสองด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเจอกันของคู่นี้สามารถตัดสินได้ว่า โปรตุเกส หรือ เบลเยี่ยม จะเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศต่อไป
ดาวิด อลาบา (ออสเตรีย) - โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ (อิตาลี)
หนึ่งในกองหลังที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของวงการ ดาวิด อลาบา ที่นอกจากจะหุบเข้าไปยืนเซนเตอร์ได้ ยังสามารถเล่นเป็นทั้งแบ็กซ้าย, วิงแบ็กซ้ายหรือเป็นปีกได้อีกด้วย
จากผลงานอันยอดเยี่ยมตลอดช่วงเวลที่ค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ส่งให้กัปตันทีมชาติออสเตรียคือหนึ่งในนักเตะแถวหน้าของโลกในตำแหน่งตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย และปีหน้าเจ้าตัวจะไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ด้วย
ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้ อลาบา และพวกจะเจอกับบททดสอบครั้งสำคัญกับ อิตาลี ทีมที่เล่นได้อย่างร้อนแรงในรอบแบ่งกลุ่มดว้ยการชนะรวดและไม่เสียประตูเลย
ต้องดูกันว่า อลาบา จะรับมือกับการเล่นของ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ยังไง แม้ว่าชื่อชั้นของตัวรุกอัซซูรี่จะไม่ได้รับการยกย่องในวงกว้างมากนัก แต่ผลงานก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประมาทไม่ได้
หากเติมเกมรุกเพลินเกินไปมีโอกาสที่จะโดนลงโทษในการเจาะทางริมเส้นได้แน่นอน
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (สเปน) - ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย)
ถือเป็นการเจอกันที่น่าสนใจทีเดียว แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะได้เห็นทั้งคู่เจอกันในสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด มาแล้ว แต่เกมทีมชาติแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากชวดช่วยทีมสองเกมแรกจากปัญหาโควิด-19 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ แสดงให้เห็นว่ามีส่วนสำคัญกับทีม "กระทิงดุ" มาแค่ไหนจากการลงเล่นในเกมสุดท้ายช่วยทีมถล่ม สโลวาเกีย 5-0
ไม่เพียงแค่จัดระเบียบแผงกองกลางของทีมให้เป็นระเบียบ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเจาะเกมรับของคู่แข่งอีกด้วย
ในขณะที่ ลูก้า โมดริช แม้อายุจะปาเข้าไป 35 ปีแล้วแต่ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยมและช่วยทีมคว้าชัยชนะในเกมสำคัญในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มจนเข้ารอบมาได้สำเร็จ
หลังความยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลก 2018 ทีม "ตราหมากรุก" หวังต่อยอดมาสู่เส้นทางยูโร ต้องดูว่า โมดริช จะปั้นเกมช่วยทีมได้ดีแค่ไหน และ บุสเก็ตส์ จะสกัดกั้นคู่ปรับที่เจอกันมาแล้งวหลายต่อหลายครั้งได้ยังไง
จอร์จินโย่ ไวนัลดุม (ฮอลแลนด์) - โตมาส ซูเซ็ค (เช็ก)
จอร์จินโย่ ไวนัลดุม เป็นอีกแข้งที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นทีเดียวในศึกยูโรหนนี้ ด้วยการทำ 3 ประตูจาก 3 เกมแรกรั้งอยู่ในอันดับ 2 ร่วมของดาวซัลโว
การเล่นของมิดฟิลด์คนดังแตกต่างจากการเล่นกับ ลิเวอร์พูล อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเติมเกมรุกที่ทำได้มากกว่าการค้าแข้งกับ "หงส์แดง" เรียกได้ว่าได้รับอิสระในการเล่นจาก แฟร้งค์ เดอ บัวร์ อย่างเต็มที่
ในขณะที่ฝั่ง เช็ก คนสำคัญที่จะหยุดยั้งการปั้นเกมของ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ก็คือ โตมาส ซูเซ็ค ที่ต้องบอกว่าปีนี้ถือเป็นปีทองของเจ้าตัวเลยตั้งแต่โชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมกับ เวสต์แฮม ในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ทีมคว้าตั๋วลุยฟุตบอลยุโรปซีซั่นหน้า
นอกจากจะทำหน้าที่หยุดการทำเกมของคู่แข่งแล้ว เจ้าตัวยังมีทีเด็ดจากการเล่นลูกตั้งเตะอีกด้วย แม้ในภาพรวมทีมทีมจะเป็นรอง แต่กุญแจสำคัญอาจจะอยู่ที่การดวลกันของคู่นี้เป็นสำคัญด้วย
ถ้า ซูเซ็ค สามารถจัดการกับ ไวนัลดุม ทำให้เกมรุกของ ฮอลแลนด์ สะดุดได้ ก็มีโอกาสที่ เช็ก จะสร้างเซอร์ไพรส์เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เหมือนกัน
บูกาโย่ ซาก้า (อังกฤษ) - โรบิน โกเซนส์ (เยอรมัน)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บูกาโย่ ซาก้า คือนักเตะที่ทำผลงานได้โดดเด่นเลยแม้เพิ่งเล่นแค่เกมเดียว หลังจากก่อนหน้านี้ถูกมองว่าจะเป็นแค่ตัวสำรองและคงไม่ได้โอกาสเท่าไรนัก เพราะทีมมีตั้ง เจดอน ซานโช่ และ ฟิล โฟเด้น ที่ระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดขวางทางอยู่
แต่ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ทีมเอาชนะ เช็ก 1-0 ที่คว้าแมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ไปครอง ขจัดข้อสงสัยจากการเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมนี่เองมีความเป็นไปได้ที่เจ้าตัวจะได้ลงสนามต่อในเกมสำคัญที่ทีมจะเจอกับ เยอรมัน ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้ และเกมทางฝั่งซ้ายของ เยอรมัน ที่ต้องรับมือก็คือ โรบิน โกเซนส์
แข้งริมเส้นจาก อตาลันต้า ก็ถือเป็นอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในทัวร์นาเม้นต์นี้ โดยเฉพาะเกมที่เล่นงาน โปรตุเกส เรียกได้ว่าจากสามเกมแรกเขาน่าจะเป็นคนที่เล่นได้เด่นไม่แพ้ใครในทีม
"อินทรีเหล็ก" จะถูกมองว่าฟอร์มยังไม่เข้าที่นัก นักเตะที่เด่นที่สุดอย่าง โกเซนส์ อาจจะต้องเป็นคนที่ตัดสินผลการแข่งขันของทีมทั้งเกมรุกและเกมรับด้วย