:::     :::

เกือบไป

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,160
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทันทีที่ มาร์โก อาร์เนาโตวิช โหม่งบอลเสียบใต้คานประตูของ อิตาลี เชื่อว่าในเวลานั้นแฟนบอลจากแดนรองเท้าบู๊ตคงนั่งกันเงียบกริบ

         โชคดีที่มีเทคโนโลยีวีเออาร์ให้เห็นว่าลูกนี้ล้ำหน้าจึงไม่เป็นประตูไป เรียกได้ว่าโล่งอกกันทั้งประเทศ

         ไม่อย่างนั้นหากตกรอบไปคงโดนตราหน้าว่าพอเจอของแข็งหน่อยก็ไปไม่รอดหลังจากที่โดนค่อนขอดมาหลังคว้าชัยสามเกมรวดในรอบแบ่งกลุ่ม

         ถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายคนจะยิ่งไม่ได้มองว่า "อัซซูรี่" ดีพอจะได้แชมป์เหมือนจากสามเกมแรกอีก โดยเฉพาะในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะต้องเจอกับหนึ่งในทีมเต็งแชมป์อย่าง เบลเยี่ยม

         ทั้งหมดทั้งมวลอาจจะยังต้องลุ้นอาการของสองสตาร์หลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ เอแด็น อาซาร์ ที่เจ็บมาจากเกมชนะ โปรตุเกส ว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหน เพราะหากไม่มีสองคนนี้โดยเฉพาะสตาร์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าส่งผลไม่น้อย

         ตอนนี้แฟนบอลสีน้ำเงินคงภาวนาให้เล่นไม่ได้ อาจจะไม่ถึงกับแช่งให้เจ็บยาว แต่อย่างน้อยก็ขอให้หายไม่ทันเกมวันศุกร์นี้ หรืออย่างน้อยก็ให้ฟิตน้อยที่สุดแหละ

         ส่วนเกมกับ ออสเตรีย ก็มีจุดน่าสนใจกับทีมของ โรแบรืโต้ มันชินี่ ว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นบ้าง

คำถามเมื่อเจอบททดสอบสำคัญครั้งแรก


         อิตาลี อาจจะผ่านเข้ารอบนิลไปได้อย่างที่รู้ว่ามีเสียงที่ค่อนขอดว่าพวกเขาเจองานที่ง่ายในรอบแบ่งกลุ่ม และไม่อยากจะนับว่าพวกเขาดีพอสำหรับการเป็นแชมป์ได้

         ออสเตรีย เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและทำได้อย่างน่าประทับใจในการหยุดยั้งเกมรุกของ อิตาลี แม้ว่าทีมของ โรแบร์โต้ มินชินี่ จะบุกได้มากกว่าก็ตามที

         นั่นแสดงให้เห็นว่ายามที่เจอคู่แข่งที่แกร่งขึ้นมา ทีมมีปัญหาในการเข้าทำเหมือนกัน ไม่ได้เจาะประตูง่ายๆเหมือนในรอบแบ่งกลุ่ม

         แต่ฟุตบอลนัดเดียวแบบนี้เข้าใจได้ว่าทุกทีมล้วนเล่นแบบรัดกุมมากกว่าที่จะบุกใส่กัน ถึงกระนั้นท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

ตัวสำรองเปลี่ยนเกม


         อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า อิตาลี ชุดนี้ถือว่ามีทีมที่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่ 11 ตัวจริงเท่านั้น แต่ขุมกำลังสำรองที่สามารถทดแทนได้เป็นอย่างดี

         และการคว้าชัยเหนือ ออสเตรีย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านั่นไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินเลยไปแต่อย่างใด

         ในขณะที่แข้งตัวจริงไม่สามารถเจาะเข้าไปทำประตูเกมรับอันเหนัยวแน่นของคู่แข่งได้ ตัวสำรองที่ลงมานอกจากจะมีความสดเรื่องของฝีเท้าระดับเซเรีย อา

         สองประตูที่ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษและช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบสำเร็จก็มาจากสองตัวสำรองอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า กับ มัตเตโอ เปสซิน่า นี่แหละหลังจากที่เกมกับ เวลส์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงกันมาแล้ว ซึ่งรายหลังเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมด้วบ

         แม้เกมถัดไปอาจจะไม่ได้เป็นตัวจริงอยู่ดี แต่เชื่อได้เลยว่าทั้งคู่จะลงมามาเป็นตัวสำรองและอาจจะพลิกเกมให้ทีมได้อีกครั้ง

แม้เสียประตูแต่หลังยังแกร่ง


         ประตูในนาทีที่ 114 เป็นการหยุดสถิติไม่เสียประตูของ อิตาลี ไว้ที่ 1,168 นาที ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานทีเดียว

         นับเฉพาะในการแข่งขันยูโรครั้งนี้ทีมไม่เสียประตูนาน 385 นาที ถึงแม้สถิติจะหยุดอยู่แค่นั้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาร้อนใจอะไร เพราะยังไงก็ผ่านเข้ารอบไปได้ในที่สุด

         แม้ว่า ออสเตรีย จะไม่ได้เป็นที่เกมรุกอันตรายอะไรเมื่อเทียบกับยอดทีมในทัวร์นาเม้นต์อย่าง ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม หรือ เยอรมัน แต่มันอาจจะเป็นการดูกถูกพวกเขาเกินไปหากมองข้ามขนาดนั้น

         ยังไงก็ต้องยกเครดิตให้กับแนวรับของอิตาลีที่เกมนี้ขาดทั้ง อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ และ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ว่ายังจัดระบบกันได้เป็นอย่างดีและไม่เสียประตูใน 90 นาที

อิทธิพลของ มาร์โก แวร์รัตติ

        

         หลังจากหายบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้ในเกมล่าสุดกับ เวลส์ นัดนี้ทาง มาร์โก แวร์รัตติ ได้ลงเล่นตัวจริงต่อเนื่องและเขาก็แสดงให้เห็นว่าทำไมถึงได้ลงสนาม

         อันที่จริง มานูเอล โลคาเตลลี่ ก็เล่นได้อย่างน่าประทับใจในช่วงสองเกมแรกที่ แวร์รัตติ บาดเจ็บ แต่ในเกมรอบน็อคเอาท์ยอมเป็นงานที่ยากกว่ารอบแบ่งกลุ่มเมื่อมองจากชื่อชั้นของทีม

         มิดฟิลด์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ นับจนถึงช่วงพักครึ่งในเกมกับ ออสเตรีย รวมถึงเกมแรกกับ เวลส์ ทางกองกลาวัย 28 ปีสร้างโอกาสทำประตูมากถึง 9 ครั้ง มีแค่ แดเนี่ยล เจมส์ ที่ทำได้มากกว่า 10 ครั้ง แต่ เจมส์ ลงเล่นมากกว่าอย่างชัดเจน

         โดยเฉพาะในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งการผ่านบอลของ แวร์รัตติ สามารถช่วยให้ทีมได้ประตูเหมือนกัน 

         หลังจากสองเกมที่ลงเล่นแสดงให้เห็นว่าเขาคือกองกลางที่คอยขับเคลื่อนเกมรุกของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เกมเจาะไม่เข้านั่นแหละ

ทำลายสถิติ

        

         การไม่แพ้ในเกมรับ 16 ทีมสุดท้ายยูโร 2020 กับ ออสเตรีย ทำให้ อิตาลี ทำสถิติไม่แพ้ใครติดนานกันนานถึง 31 เกมเข้าให้แล้ว ทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ 30 เกมที่อยู่มานาน 82 ปี

         ย้อนกลับไปเมื่อปี 1935 ทาง วิตตอริโอ ปอซโซ่ พาทีมไม่แพ้ยาวนานถึง 4 ปีจนถึงปี 1939 โดยต่อยอดจากการคว้าแชมป์โลกในปี 1934 มาคว้าแชมป์โลกติดต่อกันในปี 1938 ยังรวมถึงการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 1936 อีกด้วย

         ยังดีที่ทีมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นการทำลายสถิตินี้คงแทบไม่มีความหมายอะไรเลย

         และสำคัญกว่านั้นหากทีมจะยืดสถิติออกไปอีกและคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ คงจะเป็นสุดยอดความสำเร็จของทีมเลย เพราะความสำเร็จเดียวในรายการนี้คือแชมป์เมื่อปี 1968 หรือเมื่อ 53 ปีมาแล้ว



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด