นอกจากเป็นการเบรกคะแนน “จิ้งจอกโอซากา” ยังทำให้ระยะห่างระหว่าง “สิงห์เจ้าท่า” กับ คิตฉี เอสซี ล่นมาเหลือเพียง 2 แต้ม

ก่อนเกมจะเริ่มหลายคนเชื่อว่านัดนี้ การท่าเรือ ไม่น่ารอดพ้นเงื้อมมือของ เซเรโซ ไปได้ เพราะเป็นรองทั้งศักยภาพผู้เล่น ทีมเวิร์ก และความหลากหลายของเกมรุก

แต่พอรายชื่อออกมา เลวีร์ คัลปิ กลับสร้างเซอร์ไพรส์ กุนซือบราซิเลียนตัดสินใจโรเตชั่นทีมไปถึง 10 ตำแหน่ง มีเพียงดาวรุ่งวัย 22 ปี อย่าง โมโตฮิโกะ นากาจิมา ที่ได้ลงตัวจริงเป็นเกมที่ 2 ติดกัน ที่เหลือเป็นแข้งสำรองยกชุด

ตัวหลักอย่าง ฮิโรชิ คิโยทาเกะ และ ทัตสึฮิโระ ซากาโมโต มีชื่อเป็นเพียงสำรอง ขณะที่ทาง อดัม แท็กการ์ด ดาวยิงออสเตรเลีย  ไม่มีชื่อแม้แต่บนม้านั่ง กลายเป็น โยชิโตะ โอคุโบะ หอกวัย 39 ปี ได้รับโอกาสลงสนามประคองน้อง ๆ แทน

ขณะที่การท่าเรือ มีการเปลี่ยนแปลง 2 ตำแหน่ง โดยดรอป นิติพงษ์ เสลานนท์ ให้ ฟิลิป โรลเลอร์ส ลงเล่นแทน ขณะที่ บดินทร์ ผาลา ถูกแทนที่ด้วย กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ ที่ลงมาอัดแดนกลางแทน พร้อมสลับ จอห์น บาจโจ ไปเล่นเป็นปีกซ้าย

อย่างไรก็ตามถึงเป็น “ปลาดิบเกรดบี” ไม่ใช่แข้งตัวหลัก ทว่า เซเรโซ ยังสามารถครองเกมได้ดีกว่า การท่าเรือ รวมถึงการสร้างจังหวะเข้าทำ เพียงแต่พื้นที่สุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ

เกมดำเนินมาจนจะจบครึ่งแรก กลับกลายเป็น การท่าเรือ ที่ได้ “ส้มหล่น” จากจังหวะ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ พยายามเปิดบอลขึ้นหน้าทว่ากลับเป็น เคนยะ มัตสึอิ ประตูสำรองที่ได้รับโอกาสลงเล่นเกมนี้ กะจังหวะบอลพลาด ทำให้บอลข้ามหัวไปเฉย

สถานการณ์พลิกเป็น การท่าเรือ กุมความได้เปรียบ

ครึ่งหลัง เซเรโซ เริ่มทยอยส่งตัวหลักลงมาสร้างมิติในเกมรุก และมาได้ประตูตีเสมอสำเร็จ จากจังหวะที่เล่นชิ่งกันระหว่าง คิโยทาเกะ กับ ซากาโมโต 2 ตัวสำรอง ก่อนหลุดไปซัดอย่างเฉียบขาด ก่อนจบเกมด้วยการเสมอกันไป

ที่บอกว่าเป็น 1 แต้มล้ำค่า เพราะเกมนี้ การท่าเรือ “เป็นรอง” คู่แข่งทุกอย่าง แม้จะเป็นชุดสำรองก็ตาม

เอาแค่เปอร์เซ็นต์การครองบอลก็ 67.7 ต่อ 32.3 แล้ว

อย่างไรก็ตาม การท่าเรือ เองก็น่าชื่นชม ทุกคนช่วงกันไล่บอล มีแพสชั่นดี ตั้งรับอย่างอดทน มีโอกาสก็ใช้บอลเร็วสวนกลับลุ้นประตูได้บ้าง ไม่ใช่ยอมให้ เซเรโซ กดจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างเดียว

ซึ่งที่โดดเด่นเตะตาในเกมนี้ ดูเหมือนจะเป็นเกมฝั่งขวา ที่ โรลเลอร์ และ ปกรณ์ เล่นร่วมกันได้ดีเหลือเกิน รายแรกมีความเร็วพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายได้ ขณะที่อีกคนลูกเปิดเท้าชั่งทอง สร้างโอกาสและกดดันคู่แข่งได้ตลอด

1 คะแนนเกมนี้อาจสร้างความมั่นใจให้ทีมได้

แต่อย่างที่บอกไปว่านี่คือทีมชุดสำรองของเขา ตอนนี้เขาเห็นพิษสง ปกรณ์ แล้วว่าเป็นเช่นไร แน่นอนว่าเกมหน้า “เจ้าบาส” จะไม่ได้เปิดสวย ๆ เล่นง่าย ๆ แบบนี้แน่

อาวุธของท่าเรือต้องมีมากและหลากหลายกว่านี้ หากยังเหมือนเกมนัดที่ผ่านมา โอกาสรอดยาก เพราะขนาดชุดสำรองเขายังกดดันเราได้หลายจังหวะ หากเป็นทีมชุดหลักที่สปีดบอลไวกว่านี้ การท่าเรือ จะรับมือเช่นไร

นั่นคือการบ้านที่ “โค้ชอู๊ด” และทีมต้องสุมหัวกันหาทางออก

ก่อนพบกับ เซเรโซ โอซากา ชุดหลักในอีก 2 วันข้างหน้า