กองหน้าบราซิเลี่ยนย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาแอนฟิลด์เมื่อ 6 ก.ค.2015 กลายเป็นสถิติแพงสุดลำดับสองตลอดกาลสโมสรขณะนั้นที่ 29 ล้านปอนด์
ซึ่งทีแรกยังไม่เป็นที่รับรู้ถึงขีดความสามารถในทันที แต่จากนั้นไม่นานการมาถึงของผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำให้เขาเป็นฟันเฟืองสำคัญในขุมกำลัง
สตาร์วัย 29 ปีกลายเป็นภาพจำในแดนหน้า ‘หงส์แดง’ ร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ชุดร่วมกันพาทีมประสบความสำเร็จรอบหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นทาง ‘ดิส อิส แอนฟิลด์’ จะยกให้เสน่ห์ของ ฟีร์มีโน่ ทั้งเรื่องผลงานหรือลีลามาประมวลให้ดูกัน
ท่าดีใจหลังทำประตูหลากสไตล์
เอาจริงท่าดีใจหลังพังตาข่ายของ ฟีร์มีโน่ มีมากมายหลายแบบแต่อันแรกที่เป็นภาพจำคือแสยะยิ้มโชว์ฟันขาว, เต้นสไตล์แซมบ้า, สัญลักษณ์รูปหัวใจ, ปิดตาข้างเดียว และกระโดดเตะคาราเต้ นั่นคือส่วนหนึ่งของลีลา แล้วเชื่อว่าเมื่อแฟนบอลกลับมาเต็มความจุสนาทคงได้เห็นกันอีก
ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจหากจอมลอกท่าดีใจอย่าง ซาดิโอ มาเน่ จะดูดไปใช้ฟรีๆอีก!
‘บ็อบบี้’ถูกโฉลกฟุตบอลยุโรป
พูดถึงจำนวนประตูล้วนๆก่อน ณ เวลานี้ ฟีร์มีโน่ ยิงสะสมไปที่ 87 ลูก
แม้ฤดูกาล 2020-21 ประหยัดยิงบ้าง แต่ภาพรวมเขาก็เคยทาบสถิติดาวซัลโวสูงสุดสโมสร-ต่อ-ฤดูกาลร่วมที่ 11 ประตูเท่ากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำไว้เมื่อฤดูกาล 2017-18 ส่วนทุกรายการรวม 27 ประตูมากสุดอาชีพ
สำหรับนักเตะที่ยิงประตูฟุตบอลยุโรปมากรองๆลงไปคือ ดีน ซอนเดอร์ส (9 ลูก), ฌิบริล ซิสเซ่ เท่ากับ ซาดิโอ มาเน่ (8 ลูก)
ผู้เล่นคนโปรดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ไหนแต่ไร
เมื่อคุณหยิบประเด็นเรื่องสภาพความฟิตและการพร้อมลงสนาม ชื่อของ ฟีร์มีโน่ ลอยเด่นมาในใจแล้วเขาคือคนที่แข่งสม่ำเสมอสุดคนหนึ่งในยุค คล็อปป์
เวลากว่า 5 ปีครึ่งที่ร่วมงานกับ ‘เจเค’ เขาได้ลงแข่ง 285 นัดจากความเป็นไปได้ทั้งหมด 318 เกม - มากกว่านักเตะ ลิเวอร์พูล คนไหนๆนับจากบอสดอยช์รับงานเมื่อ ต.ค. 2015
รองๆลงมาคือ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม (237 นัด) และ ซาดิโอ มาเน่ ( 218 นัด) ตามลำดับ 2-3 ซึ่งการที่แข้งดัตช์ย้ายออกไปแล้ว ทำให้สถิติของ ฟีร์มีโน่ คงอยู่บนหิ้งไปอีกสักพัก
ส่วนฤดูกาลที่ บ็อบบี้ พลาดลงสนามมากสุดใต้เครื่องแบบ ลิเวอร์พูล คือ 10 เกม ในฤดูกาลแรก จากนั้นมากห้าซีซั่นพลาดแข่ง 23 นัด คงไม่มีหอกเบอร์ 9 ไหนรับโอกาสสม่ำเสมอมากกว่านี้
ให้กูแอสซิสต์ป้อนไหม?
ใครต่างก็ทราบว่า ฟีร์มีโน่ คือฟันเฟืองที่ทำให้เครื่องจักรสีแดงลื่นไหล, ประสานเข้าด้วยกัน แล้วเอาให้แน่ใจว่าระบบที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ วางมาสามารถเผาไหม้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ความไม่เห็นแก่ตัว น่าจะเป็นคำอธิบายหมอนั่นได้ดีสุด ทั้งยังบวกกึ๋นลูกหนังในการอ่านเกมเพื่อสร้างอิทธิพลให้ทีม, เปิดพื้นที่แก่คนอื่นๆได้ประโยชน์ไป และหมั่นปั้นพวกพ้องพังตาข่าย
แข้งบราซิเลี่ยนทำไปแล้ว 69 แอสซิสต์ตั้งแต่การมาถึงของ คล็อปป์ มากสุดในยุคสมัยนี้โดยคนรองลงไปคือ ซาลาห์ แต่ก็ห่างกว่า 19 แอสซิสต์
ทั้งการจ่ายแบบตอกส้น หรือฟุตเวิร์กอันยากจับทาง ฟีร์มีโน่ ทำให้เรื่องยากทุกอย่างออกมาดูง่ายไปหมด
ภาวะผู้นำแบบบราซิเลี่ยน
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นชุมทางที่ผู้เล่นบราซิเลี่ยนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาสร้างผลงาน แล้วกับ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แต่คนอื่นๆนั้นไม่มีใครครบเครื่องไปกว่า ฟีร์มีโน่ ด้วยผลงาน 66 ประตูบนลีกสูงสุด, 47 แอสซิสต์ นับเป็นการมีส่วนร่วมกับประตูของผู้เล่นบราซิเลี่ยนมากสุดตลอดกาลของดิวิชั่นนี้ ทั้งที่แข่งไปเพียง 211 นัดเท่านั้น
ผงาดแชมป์โลก
โมงยามดีๆของ ฟีร์มีโน่ ที่นี่ตลอด 6 ปีมีให้นับไม่ถ้วน แต่ที่แบกสโมสรพุ่งชนความสำเร็จคือฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
มันคือการแข่งขันที่สำคัญมากสำหรับผู้เล่นตำแหน่งเบอร์ 9 แบบเขาเพราะยิง 2 จาก 3 ประตูแก่ทีม จากการลงแค่สองนัด ทั้งยังซัดช่วงบีบหัวใจทดเวลาบาดเจ็บ รอบรองฯ และต่อเวลาพิเศษเชือด ฟลาเมงโก นัดชิงฯ
หมอนั่นถอดเสื้อวิ่งดีใจแบบไม่กลัวไข้เหลือง เพราะชั่วโมงนั้นหัวใจสำคัญกว่าสมอง ก็หวังว่าฤดูกาลใหม่ ฟีร์มีโน่ จะยิงลูกติดสินผลชนะแบบนั้นบ่อยๆ
- ส่งบอลให้ บ็อบบี้ และหมอนั่นจะพังประตู -
