:::     :::

สีที่เปลี่ยนไปของ ซานโช่

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
4,037
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ยูโร 2020 จบลงไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็เป็น It's Not Coming Home! It's Coming To Rome!

    แน่นอน จากนี้โฟกัสทั้งหมดก็จะกลับมาอยู่ที่ฟุตบอลระดับสโมสรอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์

    มีนักเตะทีมชาติอังกฤษอยู่คนหนึ่งที่เหมือนจะถูกลิขิตให้ประสบความสำเร็จในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เพียงถ้าเขาไม่ด่วนย้ายไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2017 เสียก่อน

    เมื่อ เจดอน ซานโช่ รีเทิร์นกลับมายังเมืองแมนเชสเตอร์ในเดือนสิงหาคม จะมีผู้คนมากมายจากครึ่งเมืองที่เป็นสีฟ้าที่ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับผลงานของเขา

    มันเป็นเวลา 4 ปีแล้วที่ ซานโช่ เลือกออกจาก แมนฯ ซิตี้ เพื่อหาโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ โดยทิ้งสโมสรที่เชื่อในคำสัญญาของเขาไว้เบื้องหลัง และได้รับโอกาสชิ้นโบว์แเดงจากยักษ์บุนเดสลีกา อย่าง ดอร์ทมุนด์

    หลังจากลงเล่นไป 137 เกม ทำไป 50 ประตู และ 64 แอสซิสต์ให้กับ เสือเหลือง บวกกับรับใช้ทีมชาติอังกฤษไปอีก 22 นัด แม้สุดท้ายจะอกหักจากเกมนัดชิงยูโร 2020 ไม่มีใครโต้แย้งว่าเขาพบในสิ่งที่ต้องการ

    ตอนนี้ ซานโช่ กำลังมุ่งหน้ากลับมายังพรีเมียร์ลีก ในฐานะแข้งซูเปอร์สตาร์ โดย แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมที่จะเปิดตัวเขาอย่างเป็นทางการ หลังบรรลุข้อตกลงคว้าตัวได้แล้วที่ราคา 73 ล้านปอนด์

    เรือใบ เองก็ได้รับโชคราว 10 ล้านปอนด์ จากเงื่อนไขที่ใส่ส่วนแบ่ง 15 เปอร์เซ็นต์ เอาไว้ตอนที่ขายเขาให้ ดอร์ทมุนด์ 8 ล้านปอนด์

    มันถือว่าไม่เลวเลยสำหรับ ซิตี้ ในเวลานั้นสำหรับวัยรุ่นที่เหลือสัญญา 12 เดือนสุดท้าย และยังไม่เคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่แม้แต่เกมเดียว

    แต่ก็อีกนั่นแหละ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ สำหรับนักเตะที่ดูเหมือนจะถูกตั้งความหวังไว้ลำดับต้นๆ ซึ่ง เรือใบ ได้ทุ่มเทเวลาอย่างมากเพื่อพัฒนาเขา

    นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายคำถามถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ว่าหาก ซานโช่ มีโอกาสทำงานภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อะไรจะเกิดขึ้น

    "ไม่มีใครรู้หรอก" นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ กล่าว

    "บางทีเขาอาจจะอยู่ต่อ และเราไม่ได้เล่นดี หรืออาจจะดีกว่านี้ ทุกคนตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง"

    อันที่จริง เวลานั้น ซิตี้ ต้องการให้ ซานโช่ อยู่ต่อ และยื่นข้อเสนอสัญญาที่ค่อนข้างงามก่อนที่เขาจะได้เล่นทีมชุดใหญ่เสียอีก

    กวาร์ดิโอล่า ยังเปิดเผยอีกว่าพวกเขาได้จับมือกันแล้วกับข้อตกลงใหม่ โดยทุกคนที่ แมนฯ ซิตี้ ต่างรู้ว่า ซานโช่ มีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง

    ตอนนั้นที่เขาอายุเพียง 17 ปี ซานโช่ เป็นหนึ่งใน 3 แข้งเยาวชนที่สโมสรมองว่าจะสามารถแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้ เช่นเดียวกับ ฟิล โฟเด้น และ บราฮิม ดิอาซ โดยล่าสุดรายหลังเตรียมที่จะย้ายออกจาก เรอัล มาดริด ไปร่วมทีม เอซี มิลาน ด้วยสัญญาถาวร หลังประสบความสำเร็จในช่วงที่ถูกยืมตัวมายังถิ่นซาน ซิโร่ เมื่อซีซั่นที่แล้ว

    "สิ่งที่ทำให้ปีนี้มีความพิเศษอย่างมากก็คือเรามี 3-4 นักเตะที่เราสามารถเชื่อได้อย่างแท้จริงว่ามีโอกาสที่ดีมากในการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่" คาลดูน อัล-มูบารัค ประธาน เรือใบ กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2017

    แต่เพียงแค่ 3 เดือนหลังจากนั้น ซานโช่ ก็ย้ายออกจากทีม

    แน่นอนว่า ซานโช่ ใจร้อนในการลงเล่นฟุตบอลทีมชุดใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธข้อเสนอสัญญาครั้งนั้น และ กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่เต็มใจที่จะให้การรับประกันใดๆ ในแง่ที่เขาจะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่

    ซานโช่ นั้นต่างจาก โฟเด้น ตรงที่ โฟเด้น ได้อยู่กับทีมที่ตัวเองรัก เขาจึงพร้อมที่จะรอ และไว้ใจโค้ชที่หล่อเลี้ยงเขาให้เป็นหนึ่งในแข้งพรสวรรค์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในยุโรป

    ด้วยสัญชาตญาณ และทักษะเฉพาะตัวที่น่าเกรงขาม ซานโช่ เชื่อว่าเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวไปอีกขั้น

    เขากลายเป็นที่จับตามองตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมกับทีมเยาวชนของ บาร์เซโลน่า ที่ ลา มาเซีย ในเกมยูฟ่า ยูธ ลีก และรู้สึกว่าตัวเองพร้อมที่จะก้าวต่อไปแล้ว

    ซานโช่ เป็นนักเตะที่เร่งรีบกับชีวิตมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาทิ้ง วัตฟอร์ด เมื่อตอนอายุ 14 ปี เพื่อย้ายไปยังหนึ่งในอะคาเดมี่ชั้นนำที่สุดของประเทศของ แมนฯ ซิตี้

    แต่เมื่อเขาหลุดจากการทัวร์ปรีซีซั่นของ เรือใบ ที่ไปสหรัฐฯ เมื่อปี 2017 ขณะที่ โฟเด้น และ ดิอาซ รวมอยู่ในนั้น ความผิดหวังของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

    เขาพลาดการซ้อมหลายครั้ง โดยที่เจ้าหน้าที่ของสโมสรไม่สามารถติดต่อได้ในบางที บางคนในสโมสรอ้างว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะถูกหั่นชื่อจากการทัวร์ แต่การกีดกันนั้นเป็นตัวจุดชนวนเร่งการย้ายออกจากทีมของเขา

    ดอร์ทมุนด์ และอีกหลายสโมสร รวมทั้ง อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ของเขาที่เหลือสัญญาเพียง 12 เดือนสุดท้าย

    ทีมใหม่ของเขาจะจ่ายค่าชดเชยแค่ 200,000 ปอนด์เท่านั้นเมื่อสัญญาของเขาหมดลง แต่ ดอร์ทมุนด์ ไม่รอช้า และรีบนำ ซานโช่ ไปยังถิ่นซิกนัล-อิดูน่า พาร์ค ด้วยการยอมจ่ายเงิน 8 ล้านปอนด์

    "มันเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ถึงเวลาแล้วสำหรับความท้าทายใหม่ ซึ่งผมสามารถเริ่มต้นที่จะเติมเต็มศักยภาพของตัวเองได้" ซานโช่ เขียนข้อความอำลาถึงแฟน แมนฯ ซิตี้ บนทวิตเตอร์

    เพียงแค่หนึ่งเดือนต่อมา เขาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ และ 2 สัปดาห์หลังจากนั้นเขาก็ได้ประเดิมสนาม

    ตอนนี้ดาวเตะวัย 21 ปี ดูจะมีโปรไฟล์ที่เหมาะสมในการที่ แมนฯ ซิตี้ จะจับตามอง แต่สำหรับ กวาร์ดิโอล่า ซานโช่ จะไม่มีวันหวนกลับมา

    "ผมพูดไปหลายครั้งแล้วว่ามันไม่มีความเสียใจ เขาตัดสินใจ เขาทำได้ดีมาก" กวาร์ดิโอล่า กล่าวเมื่อทั้งสองทีมพบกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

    "ต้องแสดงความยินดีด้วย เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม"

    "เราอยากให้เขาอยู่ต่อ แต่เขาตัดสินใจที่จะย้ายออกไป และเมื่อมีคนตัดสินใจจะออกแล้ว สิ่งที่เราทำได้ก็คือปล่อยให้พวกเขาไป ผมขออวยพรให้เขาโชคดี ยกเว้นตอนเขาต้องเล่นกับเรา ไม่มีความเสียใจเลย ถ้าเขามีความสุข ผมก็มีความสุข"

    ตอนนี้ ซานโช่ กำลังมองไปยังอนาคต แม้ว่าเขาจะเพิ่งถูกขุดทวีตเก่าๆ ตอนปี 2016 ที่เคยสวมเสื้อ แมนฯ ซิตี้ พร้อมข้อความที่ว่า "ฟุตบอลเป็นสีฟ้า!"

    แต่สำหรับตัวของ ซานโช่ ในตอนนี้ อนาคตของเขาคือ 'สีแดง'

    พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด