:::     :::

คุยกับโค้ชเฮง "เมื่อนักเตะไทยกลายเป็นสินค้าส่งออก"

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2561 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
4,112
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มุมมองของ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ในหลากหลายประเด็นที่ผม "แมน โกสินทร์" รวบรวมนำบทสนทนามาฝากคอบอล โดยเฉพาะประเด็นที่หลายคนอยากรู้ ว่า "โค้ชเฮง" คิดเห็นอย่างไรกับการที่แข้งไทยกลายเป็นสินค้าส่งออกไปลีกต่างประเทศ

ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย บทสนทนานั้นมักเต็มไปด้วยความรู้ใหม่ๆ และมุมมองที่ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นคนรักถึงเข้าขั้นเสพติดเรื่องของฟุตบอล แต่แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นคนสื่อสารให้คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ไม่ดีนักและมักพูดในสิ่งที่คิด บ่อยครั้งสิ่งที่กล่าวออกไปทั้งจากปากโดยตรงหรือผ่านการเสริมแต่งจากสื่อ อาจมีการพาดพิงหรือทำให้ผู้รับสารเกิดการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปได้ 

แน่นอนล่ะมนุษย์เราย่อมมีทั้งคนรักและเกลียด แต่ิสิ่งที่ "พี่เฮง" ตอบกับผมหลังถามไปว่าคิดอย่างไรที่ถูกผู้คนก่นด่าด้วยความเข้าใจผิด ทำให้ผมสรุปได้ว่านี่แหละคือข้อดีของผู้ชายคนนี้ ลองอ่านกันดูนะ คำตอบของแกอยู่ในบทสัมภาษณ์นี้นี่แหละ

แมน : พี่เฮงครับ วันนี้ผมมีประเด็นอยากคุยกับพี่อีกแล้ว

โค้ชเฮง : ได้เลยครับ

แมน : ถามถึงเรื่องซีเกมส์ครั้งต่อไปที่ฟิลิปปินส์ก่อนเลยนะครับ ผมเห็นข่าวที่ลงว่าพี่บอกจะใช้ยู-19 ไปแข่ง ซึ่งทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ก็ออกมาเบรกไอเดียนี้ว่าไม่เหมาะสม เพราะเป้าหมายของการแข่งขันซีเกมส์หรือเอเชียนเกมส์ ยังไงก็ต้องคว้าเหรียญรางวัลให้ได้ พี่เฮงยังยืนยันความคิดนี้อยู่ไหมครับ

โค้ชเฮง : ผมไม่เคยพูดเลยนะครับว่าจะใช้ยู-19ไปเตะซีเกมส์ ที่ผมเคยพูดก็คือเราจะต้องใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุดในเกณฑ์อายุไม่เกิน 23 ปีตามกติกาของซีเกมส์ ซึ่งต่ำกว่า 23 ปีก็หมายความว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ได้ที่ไม่เกิน 23 ถ้าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประเทศไทย ต่อให้อายุ 19 หรือ 16 ปีก็มีสิทธิ์ทั้งนั้น อย่างในซีเกมส์ครั้งล่าสุดทีมชาติไทยก็อายุน้อยกว่าเกณฑ์เกือบทั้งหมด มีแค่ 2 คนคือ เจนรบ (สำเภาดี) กับ ชัยวัฒน์ (บุราณ) ที่อายุเต็มเกณฑ์ ซึ่งก็เป็นนโยบายของสมาคมอยู่แล้วที่จะผลักดันผู้เล่นอายุน้อยๆ ขึ้นมา เพราะเป้าหมายของเราต้องมองไปที่เกมระดับทวีป อย่างชิงแชมป์เอเชีย, โอลิมปิก หรือฟุตบอลโลก ต่อไปด้วย

แมน : หมายความว่าทีมที่จะส่งแข่งรายการซีเกมส์ ทางสมาคมก็จะดูด้วยว่าชุดนี้จะต้องลงแข่งรายการอะไรต่อไปถูกมั้ยครับ ไม่ใช่แค่ส่งไปเพื่อหวังแชมป์เท่านั้น

โค้ชเฮง : ถูกต้องครับ อย่างปีนี้มีชิงแชมป์เอเชียยู-23 และต่อด้วยเอเชียนเกมส์ ปลายปีมีซูซูกิ คัพ อีก เราก็อยากจะใช้ผู้เล่นชุดนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่หลายๆ คนจะได้เป็นแกนหลักสำหรับคัดเลือกโอลิมปิกปี 2020 และฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งต่อๆ ไปด้วย ก็คงจะมีจากชุดยู21 และ ยู19 เข้ามาเสริม เพราะเมื่อถึงเวลานั้นผู้เล่นชุดใหญ่หลายๆ คนก็คงอายุมากแล้ว

แมน : งั้นพี่หมายความว่าสื่อที่บอกว่าพี่เฮงจะใช้ยู-19ไปแข่งซีเกมส์ เขาบิดเบือนคำสัมภาษณ์ของพี่หรอครับ

โค้ชเฮง : ก็คงจะไม่ได้เอาคำพูดทั้งหมดไปเขียน อาจไปเขียนแค่บรรทัดเดียวทั้งที่เนื้อหาพูดคุยกันยาวกว่านั้นล่ะครับ

แมน : ด้วยความเคารพนะพี่ ผมเห็นคนอ่านข่าวนี้ในเน็ทด่าพี่เยอะมากเลย ซึ่งผมห่วงว่ามันอาจทำให้เสียภาพลักษณ์ของตัวพี่ที่เป็นประธานฝ่ายเทคนิค และสมาคมฟุตบอลด้วย ว่ามีนโยบายแบบนี้ แล้วมีผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการกีฬาออกมาเบรกว่าเป็นไอเดียที่ไม่เหมาะสม

โค้ชเฮง : อืมก็ใช่ครับ แต่ผมรู้ตัวเองดีว่าผมเป็นคนยังไง แม้ตอนนี้จะมีตำแหน่งเป็นประธานเทคนิค ดูเหมือนมีอำนาจ แต่ผมก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยวางก้ามใหญ่โต ยังเห็นผมได้ที่สนามฟุตบอล ยังไปนั่งดูบอลเด็กๆ แข่งกันเหมือนเดิม ที่สำคัญผมไม่เล่นอินเทอร์เน็ต ไม่อ่านโซเชียล อาจจะเป็นโชคดีของผมที่ไม่ต้องรับรู้คำด่าของคนที่ไม่รู้จักตัวตนของผม ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ

แมน : ดีเลยพี่ จริงๆ ผมเหมือนกลายเป็นโฆษกประจำตัวพี่ไปแล้วนะเนี่ย 555 เพราะคุยกับพี่แล้วเอาไปเขียนเป็นคอลัมน์เป็นข่าวบ่อยมากเลย

โค้ชเฮง : อ๋อ ยินดีครับ

แมน : ตอนนี้นักเตะไทยส่งออกไปต่างประเทศเยอะเลยนะครับ ทั้งเจลีกและล่าสุดก็มี ตอง (กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์) ไปลีกสองของเบลเยียมอีก

กวินทร์ บินไปไกลถึงเบลเยียม

โค้ชเฮง : จริงๆ แล้วผมอยากให้เด็กอายุน้อยๆ ไปมากกว่าครับ เพราะจะพัฒนาได้อีกเยอะและจะเป็นประโยชน์สำหรับทีมชาติไทยมากกว่าดึงผู้เล่นชุดใหญ่ไป ระยะเวลาในการพัฒนาฝีเท้ามันเหลือไม่มากนัก

แมน : แต่ตองเองสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู ตอนนี้อายุ 28 ก็ไม่น่าจะถือว่ามากเกินไปนะครับ 

โค้ชเฮง : อ่าใช่ครับ ตองเป็นผู้รักษาประตูที่มีความสามารถอยู่แล้วครับ สำหรับการไปตอนนี้อีกสัก 2-3 ปีก็จะถือว่าเข้าสู่ช่วงพีกเลย

แมน : พี่เฮงคิดว่าตองจะไปได้สวยมั้ยกับการไปเล่นที่ยุโรป

โค้ชเฮง : เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง เหมือนกับทุกคนที่ไปเล่นต่างประเทศล่ะครับ ทั้งเรื่องสภาพอากาศ, อาหารการกิน, ภาษา, วัฒนธรรม, โค้ชใหม่, เพื่อนร่วมทีมใหม่ ทุกอย่างเลย และตำแหน่งผู้รักษาประตูยิ่งเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะทุกทีมทั่วโลก ตำแหน่งที่สำคัญอันดับ 1 ก็คือผู้รักษาประตู ต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้มากที่สุด ผิดพลาดน้อยที่สุด จากนั้นก็จะเป็นตำแหน่งกองกลางตัวทำเกม แล้วค่อยไปกองหน้าที่มีหน้าที่ยิงประตูให้ได้ ซึ่งสำหรับผู้เล่นต่างชาติแล้วถ้าไม่เก่งหรือทำให้เขายอมรับได้จริงๆ ก็ยากมากที่จะยึดตำแหน่งได้ 

แมน : ทีม OHL ที่ตอง จะไปอยู่มีเจ้าของเป็นคนไทย คือกลุ่มคิงพาวเวอร์ อันนี้จะเป็นข้อดีที่ช่วยให้ตองมีโอกาสแย่งมือ1มากขึ้นมั้ย

โค้ชเฮง : แน่นอนอยู่แล้วครับ การที่มีผู้ใหญ่ในทีมให้การสนับสนุนก็ย่อมถือว่ามีโอกาสดีกว่าคนอื่น ยิ่งเป็นถึงเจ้าของทีมด้วย แต่ในทางกลับกันก็เป็นความกดดันของตองด้วยนะ เพราะหากทำได้ไม่ดีกว่าประตูที่เขามีอยู่แล้ว ก็จะกลายเป็นจุดที่จะถูกโจมตีได้เหมือนกัน

แมน : ที่เบลเยียมดิวิชั่น 2 เขาแบ่งลีกเป็น 2 สเตจ เอาแชมป์แต่ละสเตจมาเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้นขึ้นลีกสูงสุด ซึ่งสเตจแรกทีมของตองก็ทำผลงานได้ดี จบที่อันดับ 2 แล้วสเตจสองก็เริ่มมาแล้ว 7 นัดซึ่งยังบี้กับทีมจ่าฝูงอยู่ด้วย นายประตูที่ใช้งานอยู่ก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไรมากมาย แถมเป็นเด็กท้องถิ่นที่ทีมปั้นขึ้นมาเองด้วย แล้วตองไประหว่างฤดูกาลแบบนี้จะยิ่งยากขึ้นไปอีกมั้ยครับที่จะเบียดแย่งตัวจริง 

โค้ชเฮง : ยากมากๆ ครับ เพราะถึงเจ้าของทีมจะเป็นคนไทย แต่ธรรมชาติของโค้ชทั่วโลกเขาไม่ค่อยอยากเปลี่ยนทีมบ่อยๆ หรอก โดยเฉพาะตำแหน่งประตู ยกเว้นแต่ว่า ประตูมือ 1 เกิดบาดเจ็บ หรือมีข้อผิดพลาดที่เกินให้อภัยจริงๆ นั่นแหละ ถึงจะเป็นโอกาสของคนอื่นๆ ที่เหลือ ซึ่งตองเองก็คงต้องรอให้โอกาสมาถึง และเมื่อได้รับโอกาสก็ต้องคว้าให้ได้ มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่อยู่ๆ ประตูจากอาเซียนย้ายไประหว่างฤดูกาลแล้ว จะไปเบียดแย่งมือ1 เขาทันทีเลย 

แมน : สำหรับพี่เฮงมองว่า ตอง มีความสามารถในระดับท็อปไฟฟ์ของเอเชียในตำแหน่งผู้รักษาประตูหรือยังครับ

โค้ชเฮง : ท็อปไฟฟ์ของเอเชียหรอ อืม... ยังหรอกครับ เพราะตองไม่มีโปรไฟล์ที่จะเอาไปอ้างอิงในระดับนั้นได้เลย การจะบอกว่าเป็นระดับท็อปของเอเชีย คุณต้องมีประวัติได้เล่นฟุตบอลโลก ทำผลงานระดับทีมชาติได้ยอดเยี่ยมในระดับเอเชีย หรือระดับสโมสรในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ตองยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองถึงขนาดนั้น คงยังบอกว่าเก่งระดับท็อปของเอเชียไม่ได้ครับ

แมน : หลายคนคาดการณ์กันว่า การดึงตองไปเบลเยียม ก็เพื่อปูทางสู่การย้ายไปเลสเตอร์ ซิตี้ ในอนาคต เพราะที่เบลเยียมถ้าไปอยู่ 3 ปีก็ได้พาสปอร์ตแล้ว ทีนี้ก็สามารถเล่นที่ไหนก็ได้ในยุโรป พี่เฮงมองว่าสักวันนึงตองจะมีโอกาสไปถึงระดับพรีเมียร์ลีกเลยมั้ยครับ

โค้ชเฮง : ถึงตอนนั้นอายุของตองสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูก็ถือว่าเป็นช่วงพีค ตองเขามีความสามารถอยู่แล้วล่ะ แต่คงต้องไปเรียนรู้และปรับตัวอะไรอีกเยอะ ตำแหน่งประตูความสูงสำคัญมากนะ เพราะบอลยุโรปเล่นลูกกลางอากาศกันเยอะมาก ตองเองก็ไม่ใช่ผู้เล่นที่สูงใหญ่ อาจจะเสียเปรียบในเรื่องรูปร่างนี่แหละ

แมน : แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เองก็สูงกว่าตองแค่ 2 ซม. เองนะครับ หรืออย่างมือ1ของ โอเอชแอล (นิค ชิลเลเกนส์) ก็สูงแค่ 185 เหมือนกัน 

โค้ชเฮง : ก็ต้องเป็นผู้รักษาประตูที่เก่งมากๆ ล่ะครับ หรืออาจจะมีจุดเด่นอื่นมาลบจุดด้อยของตัวเอง ที่สำคัญก็คือต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และพยายามผิดพลาดให้น้อยที่สุดเมื่อมีโอกาสได้ลงสนาม

แมน : มาพูดถึง 3 คนที่จะได้เล่นในเจลีกกันหน่อยครับ เจ, มุ้ย, อุ้ม 3 คนนี้พี่คิดว่าใครน่าจะปรับตัวที่ญี่ปุ่นฤดูกาลใหม่ได้ยากที่สุด เมืองไหนที่พี่เฮงมองว่าอยู่ง่ายหรือยากบ้าง

ใครจะไปคาดคิดว่าวันหนึ่งจะได้เห็น มุ้ย,อุ้ม,เจ ในเจลีกพร้อมๆ กัน

โค้ชเฮง : ธีราทรไปอยู่โกเบน่าจะสบายที่สุดครับ เพราะเป็นเมืองที่เจริญและมีคนไทยไปอยู่เยอะมาก อาหารการกินก็สะดวก และเขาเป็นคนที่มีความเป็นนักสู้อยู่แล้ว ผมเห็นเขามาตั้งแต่ตอนที่หิ้วสตั๊ดมาคัดตัวที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ ตอนนั้นเขาตัวเล็กสุดเลยนะ แต่กลับเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งที่สุด แววตาความมุ่งมั่นมันแสดงออกมาหมด และศักยภาพของเขาก็มีสูงอยู่แล้ว เขามีดีกว่านักเตะญี่ปุ่นหลายๆ คนในตำแหน่งเดียวกันด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าเขาจะช่วยทำให้กองหน้าของทีมยิงประตูได้มากขึ้นอีกเยอะด้วย 

แมน : แล้ว เจ กับ มุ้ย ล่ะครับ 

โค้ชเฮง : จริงๆ ที่ญี่ปุ่นทุกเมืองก็เหมือนเป็นเมืองหลวงหมดน่ะแหละ เพราะเขากระจายความเจริญไปทั่วทั้งประเทศ มุ้ยอาจจะต้องพิสูจน์ตัวเองหนักกว่าเพื่อนเพราะเล่นตำแหน่งกองหน้า ซึ่งมีหน้าที่ยิงประตู ถึงแม้มุ้ยจะเล่นได้หลายบทบาท แต่ยังไงแฟนบอลหรือโค้ชหรือเจ้าของทีมก็ย่อมต้องอยากเห็นกองหน้ายิงประตู ถ้ายิงได้เร็วความกดดันก็จะน้อยลง ความไว้วางใจจากทุกคนก็จะมากขึ้นด้วย ส่วนเจ ปีแรกก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน ปีนี้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ช ก็คงต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แต่การได้เล่นมาครึ่งซีซั่นแล้ว และได้เริ่มฤดูกาลใหม่ตั้งแต่ปรีซีซั่น เจน่าจะคุ้นเคยกับทุกอย่างแล้ว ทั้งสภาพแวดล้อมและเพื่อนร่วมทีม เหลือแค่โค้ชใหม่เท่านั้นที่จะต้องมาจูนการเล่นให้เข้ากับระบบ

แมน : ผมถามพี่เฮงจริงๆ นะ พี่คิดว่า เมืองทอง เขาได้อะไรจากการที่ปล่อยผู้เล่นสำคัญออกไปเยอะขนาดนี้

โค้ชเฮง : อืม... ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะ อันนี้คงต้องลองไปถามเมืองทองดู

แมน : นะพี่ ผมยังหาเหตุผลอื่นที่นอกเหนือจากเรื่องการให้โอกาสนักบอลไทยไปตามความฝันไม่เจอเลยนะ หรือจะเป็นเรื่องลดภาระค่าใช้จ่ายอย่างที่เขาลือกัน แต่ว่านักเตะที่ปล่อยไปแต่ละคนเนี่ย ยากมากที่จะหาตัวไทยมาทดแทนได้นะครับ แล้วถ้าเกิดทีมผลงานไม่ดีหลุดท็อปไฟฟ์ขึ้นมา จะไม่เสียหายหรอพี่

โค้ชเฮง : ก็นั่นแหละครับ ผมยังคิดว่าเมืองทองจะเหมือน ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า หรือเปล่าที่ปล่อยตัวหลักไปยุโรปจนทีมเกือบแย่ในซีซั่นล่าสุด ตอนนี้ผมไม่เป็นห่วงใครหรอก ผมเป็นห่วงคนเดียวคือ โค้ชแบน (หัวเราะ) 

ผู้ชายที่อาจจะน่าเป็นห่วงที่สุด ณ ชั่วโมงนี้

แมน : เหอๆ นั่นสิพี่ พี่แบนได้หน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมแน่ทีนี้ ผมถามพี่หน่อย ถ้ามีทีมในเจลีก มาขอยืมผู้เล่นคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของชลบุรี พี่เฮงจะปล่อยมั้ย

โค้ชเฮง : ไม่มีทางครับ (หัวเราะ)

แมน : ชัดเจนครับ 555  อืมแล้วนอกจากที่ได้ไปกันแล้วนี่ ยังมีใครอีกบ้างที่พี่คิดว่าฝีเท้าดีพอที่จะไปเจลีก

โค้ชเฮง : ผมมองว่า สารัช อยู่เย็น นะ สไตล์แบบสารัชในญี่ปุ่นก็มี ชินจิ โอโนะ ของ ซัปโปโร แล้วก็ (ยาสึฮิโตะ) เอ็นโดะ ของกัมบะ โอซาก้า สารัชติดปัญหาแค่เรื่องเดียวคือเรื่องรูปร่างที่ตัวเล็ก เพราะกองกลางของญี่ปุ่นเขาแข็งแกร่งกันทั้งนั้นเลย

แมน : จริงหรอพี่ ผมนึกว่าสไตล์แบบนี้จะมีในญี่ปุ่นเยอะแล้วซะอีก 

โค้ชเฮง : ไม่เยอะนะ มีแค่ไม่กี่คนหรอก สารัชเองก็เล่นในบทบาทแบบนี้ได้ดีที่สุดในประเทศไทยแล้ว

แมน : ผมเคยคุยกับ เจ ชนาธิป ตั้งแต่ก่อน เจ บวช น้องเขาบอกว่าจริงๆ แล้วที่ญี่ปุ่นเขาอยากให้แต่ละทีมมีนักเตะอาเซียนแค่คนเดียว เพื่อกระจายฐานการตลาด ไม่ให้ไปกระจุกแค่ทีมเดียว ดังนั้นเราคงไม่ได้เห็นนักเตะไทยในทีมเจลีกทีมเดียวกันจริงมั้ยครับ

โค้ชเฮง : ใช่ครับ คือญี่ปุ่นเขาจริงจังกับการสร้างฐานแฟนบอลในเอเชียมาพักใหญ่ๆ แล้วนะ เจเอฟเอ (สหพันธ์ฟุตบอลของญี่ปุ่น) เขาร่วมมือกับรัฐบาล ก่อตั้งหน่วยงานที่ปรึกษาด้านการตลาดฟุตบอลเอเชียขึ้นมาเลย เขามีเป้าหมายที่จะแย่งเรตติ้งถ่ายทอดสดฟุตบอลในเอเชียสู้กับ พรีเมียร์ลีก ของอังกฤษ ให้ได้ แล้วก็มาประสบความสำเร็จกับ ชนาธิป ในซีซั่นที่ผ่านมา คือเขามองว่าถ้ามีคนดูเกมที่นักเตะไทยลงสนาม 1 ล้านคนต่อ 1 นัด ถ้ากระจายไป 4 ทีม ก็อาจจะได้ 4 ล้านคน แทนที่จะเอาไปรวมกันอยู่แค่ทีมเดียวแล้วคนดูไม่ต่างจากเดิม คือเขาวางแผนเอาไว้หมดแล้ว

ฐานแฟนบอลเจลีกเพิ่มขึ้นกระฉูด หลังการย้ายไปของ เจ ชนาธิป

แมน : คือเขาก็ลองกับชาติอื่นมาแล้วแต่ไม่เวิร์ค มาเวิร์คในปีที่ผ่านมากับ ชนาธิป สินะครับ ทีนี้เลยจะตีตลาดไทยเต็มที่เลย แล้วมีแผนอะไรอย่างอื่นอีกมั้ยครับ ที่เขาพยายามตีตลาดอาเซียน 

โค้ชเฮง : ทางรัฐบาลกับ เจเอฟเอ (สหพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่น) และ เจลีก เขาตั้งงบประมาณเอาไว้เลย เพื่อสนับสนุนทีมที่ดึงนักเตะอาเซียนไปร่วมทีม คือเขาประกาศเปิดโควตาให้ 9 ชาติในเอเชียไปเล่นได้เหมือนเป็นนักเตะท้องถิ่นของญี่ปุ่นก็จริง แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ แล้วเขาอนุญาตแค่ 1 คนต่อหนึ่งทีมเท่านั้นแหละ แล้วก็ค่าเหนื่อยที่สโมสรต้องจ่ายให้นักเตะเหล่านี้ ทางภาครัฐกับสหพันธ์เขาช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ด้วยนะ ไม่แน่ใจว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ก็เป็นการกระตุ้นให้สโมสรในเจลีกพยายามหานักเตะโควตาอาเซียนไปร่วมทีม ซึ่งเขาจะมองแค่การตลาดไม่ได้ เพราะไม่มีโค้ชทีมไหนหรอกที่ส่งผู้เล่นเพื่อการตลาดแล้วทีมดันแพ้ เขาต้องใช้คนที่ช่วยทีมเขาได้จริงๆ ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็มีแค่ชนาธิปคนเดียวที่พิสูจน์ตัวเองได้ 

แมน : ทีนี้เลยเหมือนเป็นใบเบิกทางให้กับนักเตะไทยคนอื่นๆ เลยสินะครับ

โค้ชเฮง : ใช่ เขาก็คงมองว่าตลาดผู้เล่นไทยเป็นตลาดที่น่าลงทุน เพราะทั้งมีคุณภาพในสนามและสร้างฐานแฟนคลับได้จริง ถ้ารุ่นต่อๆ ไปพิสูจน์ตัวเองได้เหมือน ชนาธิป ก็จะมีคนอื่นๆ ได้ตามไปอีกเยอะแน่นอน

แมน : ขอบคุณมากเลยพี่เฮง วันนี้คุยสนุกได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะมากเลยครับ ยังไงวันนี้ผมขอรบกวนพี่เท่านี้ก่อนนะครับ

โค้ชเฮง : อ๋อ ได้เลยครับ 


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ แล้วอย่าลืมให้เครดิต THSPORT.COM กันด้วยนะครับ ("แมน" โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด