เพราะสัญญาณจากสมาคมฟุตบอล และเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น “อึมครึม” ตั้งแต่หลังเกมแพ้ มาเลเซีย ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

แม้สมาคมจะใช้ถ้อยคำเลี่ยงว่า เตรียมเรียกมาคุยเรื่องรายละเอียดสัญญา แต่ก็นั่นแหละ หลายคนต่างรู้ดีว่าคือการพยายามขอ “แยกทาง” อย่างเป็นรูปธรรม

การอุ้ม นิชิโนะ ลงจากควาญช้าง แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือ “ราคาที่ต้องจ่าย” เป็นค่าลงจากหลังช้าง เพราะสัญญากุนซือเลือดซามูไรยังเหลืออีกราว 5 เดือน

เรื่องการจ่าย “ค่าชดเชย” คงไม่เป็นปัญหา เพราะ นิชิโนะ เป็นโค้ชที่ไม่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องเงินอยู่แล้ว ขนาดตอนสถานการณ์โควิด-19 บางช่วงที่ฟุตบอลไทยถูกปิดตาย นิชิโนะ ยังแสดงสปิริตขอ “ไม่รับเงินเดือน” ด้วยซ้ำ เพื่อให้นำเงินส่วนของเขาไปช่วยบุคลากรฟุตบอลที่ลำบากแทน

ฉะนั้นถึงมั่นใจได้ว่า แม้สมาคมการเงินจะอยู่ในสภาพคล่องจากศึกรอบด้าน แต่การ “จ่ายเพื่อจาก” จึงไม่ใช่ปัญหา

คำถามต่อมาคือเมื่อ นิชิโนะ ไป ใครจะมาแทน ?

เชื่อเถอะว่านับตั้งแต่ข่าวการแยกทาง นิชิโนะ ออกไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง จดหมายสมัครงานจากเอเจนต์กุนซือทั่วโลกที่ว่างงาน จะถูกกระหน่ำมาหา พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการสมาคม

ชอบสไตล์ไหนเชิญกดอีเมลพิจารณาตามใจอยาก

เพียงแต่มันก็มีคำถามต่อว่า โค้ชต่างชาติ คือ “ทางออก” ฟุตบอลไทยในห้วงเวลานี้หรือ ?

หลายคนเชียร์โค้ชเกาหลีใต้ สเปน บราซิล อิตาลี บลา ๆ แต่หยุดก่อนทุกคนนนนนนนน

ลืมไปแล้วเหรอว่าขณะนี้เราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ชีวิตปัจจุบันเรายังดำเนินกิจวัตรไม่ถนัดจากโควิด-19 ที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แล้วกับฟุตบอลจะไปรอดไหม ?

เอาแค่ไทยลีกจะเปิดเมื่อไหร่ วันนี้คำตอบยังอยู่ในสายลม จ้างโค้ชต่างชาติเข้ามา แต่ฟุตบอลลีกไม่มีแข่ง จะให้โค้ชมานั่งดูแมวที่ไหนเตะ เลือกผู้เล่นอย่างไร

ไหนจะทัวร์นาเมนต์ระดับอาเซียนอย่าง ซีเกมส์ ก็ถูกเลื่อนไปแล้ว ขณะที่ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ ก็มีแววว่าจะไม่ได้ไปต่อ เพราะการเตะสนามกลาง อาจไม่ตอบโจทย์ในแง่มุมการตลาดของผู้สนับสนุนหลัก

พลิกปฏิทินลูกหนังดู ปีนี้เหลือเพียง ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ที่ทัพช้างศึกต้องบินไปแข่งที่มองโกเลีย 3 เกม

การจ้างโค้ชใหม่มาเพื่อจ่ายเงินเดือนหลักล้าน ในช่วงสถานการณ์โควิด ขณะที่ฟุตบอลลีกยังไม่มีกำหนดแข่ง และฟุตบอลทีมชาติเหลือแค่ทัวร์นาเมนต์เดียวในปีนี้ สมาคมไม่จ่ายแน่ มองมุมไหนก็ได้ไม่คุ้มเสีย

เพราะไม่มีโค้ชโปรไฟล์สูงที่ไหนหรอกยอมเซ็นสัญญาระยะสั้น อย่างขี้เหร่ต้องมี 1 ปี บวกออฟชันเสริมอะไรก็ว่าไป

ลองอ่านแล้วคิดภาพตามช้า ๆ นะ คุณจ่ายเงินหลักล้านให้โค้ชใหม่ แต่ในช่วง 5 เดือนนี้ คุณมีฟุตบอลชุดเล็กให้แข่งแค่ 3 แมตช์ ขณะที่โค้ชมาก็ต้องใช้เวลาทำความรู้จักนักเตะ แต่ลีกจะเปิดตอนไหนก็ยังไม่รู้

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ช่วงเวลานี้ไม่มี “ตัวเลือก” ไหนเหมาะสมกว่าโค้ชคนไทย อย่างน้อยก็ 5 เดือนจากนี้ (ปีหน้าค่อยพิจารณาหาโค้ชต่างชาติฝีมือดีเข้ามา)

ชอยส์เวลานี้อาจมีเพียง อนุรักษ์ ศรีเกิด กับ อิสสระ ศรีทะโร ที่พอเข้าเค้าสุด

แหงละ อาจไม่ถูกใจแฟนบอล แต่ถามกลับว่าเวลานี้มีตัวเลือกไหนดูดีกว่านี้บ้าง ?

ธชตวัน ศรีปาน, ดุสิต เฉลิมแสน, อเล็กซานเดร กามา หรือ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทั้งหมดมีสัญญากับต้นสังกัด หากคุณไปดึงมาก็ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญา คิดว่าสโมสรจะยอม (ยิ่งรายหลังจบกันแบบไม่เผาผีอยู่แล้ว)

อีกทั้งหากเจาะลึกลงไปทั้ง อิสสระ และ อนุรักษ์ ต่างอยู่กับทีมชาติมาตลอด เด็กในยุคที่ทั้งสองคุมทีมชุดเยาวชน ปัจจุบันต่างขึ้นมาลืมตาป้าปากในทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และทีมชาติชุดใหญ่ มากมาย รู้จักมักจี่คุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี อีกทั้งไม่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยแพงหู่ฉี่ ในโมงยามที่กระเป๋าเงินสมาคมไม่สู้ดีนัก

ทั้งสองรู้เป็นอย่างดี ว่านักเตะคนไหนทัศนคติเป็นอย่างไร ทั้งการสื่อสาร ควรหยิบจับนักเตะคนนี้มาเล่นแบบไหน ถึงจะดึงศักยภาพออกมาได้สูงสุด อีกทั้งการทำงานร่วมกับ นิชิโนะ ที่ผ่านมา น่าจะทำให้ทั้งคู่ได้สกิลลูกหนังเรื่องแท็คติก รูปแบบการซ้อม ประสบการณ์จากโค้ชระดับมืออาชีพที่พาทีมชาติญี่ปุ่นลุยฟุตบอลโลกมาแล้ว เพิ่มขึ้น 

ฉะนั้นหากจะหาโค้ชใหม่ “ขัดตาทัพ” ชั่วคราว ในช่วงที่เก้าอี้กุนซือช้างศึกว่าง 5 เดือนที่เหลือ ตัวเลือก 2 คนนี้อาจตรงสเปคที่สุด

อาจไม่ใช่ตัวเลือก “ดีที่สุด” แต่เป็นตัวเลือกที่ดีสุด “เท่าที่มี” เวลานี้