กองหน้าทีมชาติอังกฤษน่าจะมองเห็นแล้วว่าตัวเขาเองมีแนวโน้มที่จะได้ย้ายไปยังทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนฯ ซิตี้ ในซัมเมอร์นี้

    เคน มีโอกาสที่จะถูกลงโทษปรับเงินจากการโดดงานวันแรกของเขาที่สนามซ้อมเอ็นฟิลด์ และเสี่ยงต่อการทำลายภาพลักษณ์อันดีงามที่มีมาอย่างยาวนานกับสโมสร

    อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่จะย้ายทีมเพื่อประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพที่มากกว่าเดิม

    แต่ เคน ก็ไม่ใช่นักฟุตบอลคนแรกที่ก่อเรื่องสไตรก์ให้ต้นสังกัดได้ปวดหัว

    ข้างล่างนี้คือเหล่าดาวดังที่เคยก่อเรื่องทำนองนี้มาแล้ว และพวกเขาอาจเป็นต้นแบบสำหรับหัวหอก ไก่เดือยทอง ในความพยายามของตัวเองได้

ปิแอร์ ฟาน ฮอยดองค์

    ทุกอย่างน่าจะไปได้สวยที่ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในซัมเมอร์ ปี 1998 เมื่อพวกเขาเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก ในฐานะแชมป์ลีกรอง

    แต่กองหน้าอย่าง ฟาน ฮอยดองค์ ซึ่งเพิ่งไปลุยฟุตบอลโลกกับทีมชาติฮอลแลนด์กลับรู้สึกท้อแท้เมื่อพบว่าทีมขายนักเตะแกนหลักมากมาย รวมถึงคู่หูแดนหน้าอย่าง เควิน แคมป์เบลล์ และ โคลิน คูเปอร์ กัปตันทีมด้วย

    ฟาน ฮอยดองค์ แสดงความไม่พอใจอย่างมากจนร้องขึ้นบัญชีย้าย แต่คำขอของเขาโดนต้นสังกัดบอกปัดโดยเจ้าของใหม่ นั่นทำให้เขาไม่ยอมกลับสโมสร และรักษาความฟิตด้วยการซ้อมกับ เอ็นเอซี เบรด้า อดีตต้นสังกัดในบ้านเกิด

    เขาทำได้ 34 ประตูในปีที่ ฟอเรสต์ เลื่อนชั้น แต่การไม่ยอมกลับมายังถิ่นซิตี้ กราวด์ ได้ทำลายความชื่นชมจากแฟนๆ และเพื่อนร่วมทีมทั้งหมด

    ความขัดแย้งนั้นดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนพฤศจิกายน เมื่อ ฟาน ฮอยดองค์ รู้ว่ายังไงเขาก็ไม่ได้ย้ายทีมแน่ๆ เขาจึงกลับไปยังสโมสรแบบเขินๆ

    เมื่อเขากลับไปยังทีม ฟอเรสต์ ก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว และแม้จะมีประตูาก ฟาน ฮอยดองค์ ถึงครึ่งโหล มันก็ไม่สามารถทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงจากการตกชั้นได้

    แม้จะทำประตูได้ในเกมกับ ดาร์บี้ แต่เพื่อนร่วมทีมก็ไม่ยอมไปแสดงความยินดีกับเขา และมันก็ชัดเจนว่าเขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบอีกแล้ว

    หลังจากตกชั้น ฟาน ฮอยดองค์ ก็ย้ายไปยัง วิเทสส์

ดีเอโก้ คอสต้า

    แม้ะทำได้ 20 ประตูให้ เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016-17 แต่ ดีเอโก้ คอสต้า ก็พบว่าตัวเองโดยหมางเมินทางข้อความโทรศัพท์ก่อนหน้าซีซั่นใหม่จะเปิดตัวขึ้น

    อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของทีมพิมพ์ว่า "สวัสดี ดีเอโก้ ผมหวังว่าคุณจะสบายดี ขอบคุณสำหรับฤดูกาลที่เรามีร่วมกัน ขอให้โชคดีในปีหน้านะ แต่คุณไม่อยู่ในแผนของผมแล้ว"

    ด้วยการมาถึงของ อัลบาโร่ โมราต้า ที่ราคา 58 ล้านปอนด์ มัดชัดเจนว่า คอสต้า ไม่ได้เป็นตัวหลักอีกแล้วสำหรับซีซั่นใหม่

    คอสต้า หัวเสียมาก และก็กลับไปบราซิลแทนที่จะกลับมาซ้อมกับสโมสร ในขณะที่เขาพยายามหาทางย้ายทีม เขามุ่งมั่นที่จะกลับไปยัง แอต. มาดริด ทีมเก่าแม้จะได้รับความสนใจจากที่อื่นด้วย

    คอสต้า ที่เป็นพวกท้าชนไม่สนใจใครหน้าไหนอยู่แล้วก็กล่าวหา เชลซี ว่าปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็น "อาชญากร"

    เชลซี ปลดเขาออกจากทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนั้น และปลายเดือนกันยายน เขาก็มีหวังเรื่องย้ายกลับไป แอต. มาดริด และมันก็เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในตลาดเดือนมกราคม

ติโบต์ กูร์กตัวส์

    ผู้รักษาประตูทีมชาติเบลเยียยมใช้เวลาในช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 พยายามบังคับให้ เชลซี ปล่อยเขาไป เรอัล มาดริด

    หลังจากเป็นตัวเลือกแรกของ สิงห์บลูส์ มาถึง 4 ฤดูกาล มือกาวเบลเยียมก็ประกาศว่าต้องการใช้ชีวิตใกล้กับลูกๆ ซึ่งอาศัยในเมืองหลวงของสเปนมากขึ้น

    เชลซี กล่าวว่า กูร์กตัวส์ จะถูกขายหากพวกเขาสามารถหาตัวแทนที่เหมาะสมได้เท่านั้น นั่นทำให้เขาตอบสนองสโมสรด้วยการหายหัวไม่มาซ้อมหลังวันหยุดซัมเมอร์

    สุดท้ายทุกอย่างก็ได้ผล โดย ราชันชุดาว ปิดดีลได้ด้วยราคา 35 ล้านปอนด์ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม

    "เพราะการย้ายทีมมันเกิดขึ้นแล้ว ผมจึงไม่ไปรายงานตัว เพราะผมคิดว่ามันจะดีกว่ากับการไม่ไปรบกวนทีม และทุกคนในทีม"

    "ถ้าผมไปที่นั่น ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันเสีย มันน่าเสียดายนะ เพราะผมเองก็รัก เชลซี"

คาร์ลอส เตเวซ

    ความคลาสสิกมันเกิดตรง เตเวซ ไม่ยอมถูกเปลี่ยนลงสนามในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง บาเยิร์น 0-2 ในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งย้อนกลับไปในเดือนกันยายน ปี 2011

    โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมในตอนนี้หัวเสียมาก และต้องการให้ดาวเตะอาร์เจนไตน์ออกจากทีม

    สโมสรสั่งพักงาน เตเวซ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้ากลับไปยังอาร์เจนตินาบ้านเกิด

    ทุกคนคาดว่า เตเวซ จะถูกขายทิ้งในเดือนมกราคม แต่มันน่าเซอร์ไพรส์มาก เขากลับมายัง ซิตี้ และรีเทิร์นซ้อมกับทีม

    สุดท้าย เตเวซ ทำประตูสำคัญช่วยให้ เรือใบ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก และเขาก็ยังอยู่กับทีมต่อไปอีกหลังจากนั้น โดยทำได้มากกว่า 17 ประตู ก่อนย้ายไป ยูเวนตุส

จอร์จ เบสต์

    วันปีใหม่ปี 1974 แมนฯ ยูไนเต็ด สุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้นจากเวทีดิวิชั่น 1 หลังพ่าย ควีนส์ปาร์ค 0-3

    จอร์จ เบสต์ ซูเปอร์สตาร์ที่กำลังโรยราพลาดการซ้อมโดยอ้างเหตุผลส่วนตัว

    แม้เขาจะกลับมาในวันรุ่งขึ้น แต่ผู้จัดการทีม ทอมมี่ ด็อคเฮอร์ตี้ ก็รู้ถึงนิสัยชอบดื่ม และปาร์ตี้ของ เบสต์ มากพอที่จะไม่รับเขากลับสู่ทีม

    นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย และ เบสต์ ก็ออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และล้มเหลวในการกลับมาซ้อมในอีกสัปดาห์ถัดมา ด็อคเฮอร์ตี้ ปรับค่าแรงเขา 2 สัปดาห์ และใส่ชื่อเขาในบัญชีขาย

    เบสต์ ไม่เคยเล่นให้ ผีแดง อีกเลย แต่ด้วยสัญญาของเขาก็ทำให้เรื่องยังคงคาราคาซังไปอีก 10 เดือน ที่เขาไม่ได้เล่นฟุตบอลเลยจนกระทั่งในที่สุดสโมสรก็ปล่อยเขาไปยังทีมอื่น

    เขาอายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่อาชีพของ เบสต์ ก็ไม่กลับมารุ่งโรจน์อีกเลย เขาลงเอยที่ สต็อคพาร์ต ช่วงสั้นๆ ก่อนจะไปยังลีกอเมริกาเหนือ และกลับมาฟื้นตัวได้เล็กน้อยที่ ฟูแล่ม

แกเร็ธ เบล

    กับปัจจุบันนี้มันเหมือนเป็นเดจาวูของ สเปอร์ส เพราะตอนนั้น แกเร็ธ เบล ก็ไม่ยอมมารายงานตัวซ้อมในขณะที่เขาพยายามจะย้ายไป เรอัล มาดริด ในเดือนสิงหาคม ปี 2013

    แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสรยังคงหนักแน่นที่จะปฏิเสธข้อเสนอสถิติโลกของ ราชันชุดขาว ที่ 86 ล้านปอนด์ สำหรับดาวดังทีมชาติเวลส์

    ประเด็นสำคัญก็คือ เรอัล มาดริด เสนอที่จะจ่ายในข้อตกลงนี้เป็นงวดๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ขณะที่ เลวี่ อยากได้เงินแบบเต็มจำนวนเลย

    เมื่อเวลาในตลาดซื้อขายงวดเข้ามา เบล ไม่ได้มารายงานตัวเพื่อร่วมซ้อมตามที่คาดไว้เพื่อกระตุ้นการย้ายทีมของเขาเอง

    อาการบาดเจ็บต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้งที่กล้ามเนื้อ และเท้า หมายความว่าเาไม่ได้เดินทางไปกับ สเปอร์ส เพื่อลงเล่นในช่วงต้นซีซั่นเลย

    สิ่งที่รู้ได้เลยในตอนนั้นคือ เบล ไม่อยากเล่น ไม่อยากเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บที่อาจจะทำให้เขาตรวจร่างกายไม่ผ่าน

    ในที่สุด การย้ายทีมของ เบล ก็เสร็จสิ้นก่อนเส้นตาย และเขาก็ทำได้ 22 ประตูในซีซั่นแรกของเขาช่วยให้ มาดริด คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 10

ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

    สเปอร์ส ต้องเจอปัญหา เมื่อ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ บังคับให้ทีมปล่อยเขาย้ายไป แมนฯ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์ ปี 2008

    หนังสือพิมพ์ได้อ้างคำพูดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าสโมสรต้องการที่จะเซ็นสัญญากับ เบอร์บาตอฟ

    แต่ สเปอร์ส ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อพรีเมียร์ลีก โดยกล่าวหาว่า ยูไนเต็ด ได้ทำการติดต่อนักเตะแบบผิดกฎ

    หัวหอกชาวบัลแกเรียตั้งใจแน่วแน่ว่าจะย้ายไปยังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และอ้างว่าเขาไม่มีสมาธิจากเรื่องนั้น และไม่พร้อมที่จะลงเล่นในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์

    เบอร์บาตอฟ ถูกปรับเงินค่าแรงหนึ่งสัปดาห์ แต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิม และปฏิเสธที่จะลงเล่นในเกมนัดถัดไปกับ เชลซี ด้วย

    สุดท้ายสิ่งนั้นก็สำเร็จในการผลักดันความฝันของเขาให้เป็นจริง เมื่อได้ย้ายไป ผีแดง ด้วยค่าตัว 30.7 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะมีเหตุให้ต้องล่าช้าอย่างน่าเหลือเชื่อในวันเส้นตาย

ดิมิทรี ปาเย็ต

    ปาเย็ต คือนักเตะชั้นยอดของ เวสต์แฮม และเป็นที่รักอย่างมากของแฟนบอล เขาถูกเสนอชื่อให้เป็นแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรในซีซั่น 2015-16 แต่ในช่วงกลางฤดูกาลถัดมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

    ในเดือนมกราคม ปี 2017 สลาเวน บิลิช ผู้จัดการทีม ขุนค้อน ในตอนนั้นประกาศในงานแถลงข่าวว่า ปาเย็ต ไม่ต้องการลงเล่นให้สโมสรอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเขาก็ถูกหั่นชื่อออกจากทีมในเกมถัดมา

    "เราบอกว่าเราไม่ต้องการที่จะขายผู้เล่นที่ดีที่สุดออกไป แต่ ปาเย็ต ไม่ต้องการเล่นให้เราแล้ว เราจะไม่ขายเขา" บิลิช กล่าว

    เวสต์แฮม ปฏิเสธข้อเสนอจาก มาร์กเซย ถึง 2 ครั้ง แต่เมื่อสถานการณ์มันยืดเยื้อ เจ้าของทีมก็ตระหนักดีว่าพวกเขามีทางเลือกเพียงเล็กน้อย

    ในที่สุด ข้อเสนอ 25 ล้านปอนด์จากสโมสรฝรั่งเศสก็ถูกยอมรับ ดีกว่าที่จะมารั้ง ปาเย็ต ไว้แบบไร้ประโยชน์

    เดวิด ซัลลิแวน เจ้าของทีมร่วมกล่าวว่า "ตามจริงแล้ว ทีมบริหารของผม และตัวผมอยากให้เขาอยู่ต่อเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะไม่มีนักเตะคนไหนที่ใหญ่กว่าสโมสร"

จอร์จ อีสต์แฮม

    การก่อปัญหาของนักเตะในวงการลูกหนังไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างเช่นเคสของ จอร์จ อีสต์แฮม กองกลาง นิวคาสเซิ่ล ในช่วงปลายทศวรรษ 1950

    ในปี 1960 เขาออกจากสโมสรโดยอ้างว่าบ้านที่ทีมจัดหาให้ไม่เอื้ออำนวย งานที่เขาต้องทำควบคู่ไปกับการเล่นฟุตบอลนั้นไม่เหมาะสม และ นิวคาสเซิ่ล ก็ขัดขวางไม่ให้เขาเล่นกับทีมชาติอังกฤษชุดยู-23

    อีสต์แฮม ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในตอนที่ของเก่ากำลังจะหมด และร้องขอขึ้นบัญชีย้าย นิวคาสเซิ่ล บอกปัด เพราะในสมัยนั้นสโมสรสามารถเก็บนักเตะที่ลงทะเบียน และบล็อคไม่ให้พวกเขาย้ายทีมได้

    อีสต์แฮม กล่าวในภายหลังว่า "สัญญาของเราสามารถผูกมัดเรากับสโมสรได้ทั้งชีวิต คนส่วนใหญ่มักเรียกมันว่า 'สัญญาทาส' เราแทบไม่มีสิทธิเลย"

    "ผู้คนในวงการธุรกิจ หรือคนสอนสามารถที่จะยื่นคำร้อง และเดินหน้าต่อไปได้ เราทำไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ผิด"

    ดังนั้น อีสต์แฮม จึงประท้วงมันซะดื้อๆ และย้ายไปอยู่กิลด์ฟอร์ดในเมืองเซอร์รีย์เพื่อช่วยครอบครัวเพื่อนเก่าขายไม้ก๊อก งานนั้นทำเงินได้มากกว่าในสัญญากับ นิวคาสเซิ่ล ของเขาอีก

    ท้ายที่สุด นิวคาสเซิ่ล ก็ยอมจำนน และขายเขาให้ อาร์เซน่อล ในราคา 47,000 ปอนด์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1960 แต่ อีสต์แฮม ก็ยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเพื่อนๆ ในวงการลูกหนังของเขา และนำพาสโมสรไปยังศาลสูง เมื่อปี 1963

    อีสต์แฮม ชนะคดีโดยอ้างว่าเป็นการจำกัดการค้าที่ไม่เป็นธรรมสำหรับการผูกมัดกับสัญญาดังกล่าว มันนำไปสู่การปฏิรูปตลาดซื้อขายนักเตะของอังกฤษด้วย

พอล สโคลส์

    มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับ สโคลส์ ซึ่งเป็นสุดยอดมืออาชีพ แต่เขาปฏิเสธที่จะลงเล่นให้ทีมชุดสองของ แมนฯ ยูไนเต็ด เกมพบ อาร์เซน่อล ในลีก คัพ ปี 2001

    ยูไนเต็ด กำลังมีปัญหาเรื่องความสมดุลย์ของทีม เพราะ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ถูกเซ็นสัญญามาด้วยค่าตัว 28 ล้านปอนด์ และ สโคลส์ ก็ถูกดันขึ้นไปเล่นกองหน้า หรือบางทีก็หลุดจากทีมเพื่อรองรับดาวเตะอาร์เจนไตน์

    เมื่อ สโคลส์ หลุดทีมในเกมลีกที่พบ ลิเวอร์พูล เขาก็บอกกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าไม่ต้องการที่จะเดินทางไปยังไฮบิวรี่ ที่จะส่งพวกตัวสำรองไปเล่น

    สโคลส์ บอกกับ เดลี่ เมล เมื่อปี 2011 ว่า "ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้นในปี 2001 แต่มันเป็นสิ่งที่ผมเสียใจจริงๆ"

    "ผมอารมณ์เสีย ผมถูกหั่นชื่อจากเกมกับ ลิเวอร์พูล ช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้า และผมรู้ว่าทีมที่จะเล่นกับ อาร์เซน่อล ในบอลถ้วยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นตัวสำรอง"

    "ผมไม่พอใจในสิ่งต่างๆ ผมมีเหตุผลของตัวเอง แต่มันโง่มาก"

    "ผมถูกปรับเงิน และต้องกล่าวขอโทษ แต่ผมโชคดี ผู้จัดการทีมมีสิทธิของเขาในการกำจัดผม"

    เฟอร์กี้ ยอมรับความโกรธนั้นของ สโคลส์ แต่ ยูไนเต็ด ก็แพ้ไป 0-4 ตกรอบลีก คัพ ซึ่งที่สุดแล้ว ป๋า ก็บอกว่าการทดลอง เวรอน ของเขาถือว่าล้มเหลวมาก

    ในทางกลับกัน สโคลส์ กลับประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมไปอีกร่วมทศวรรษ