ประเด็นที่รู้สึกคาใจ ผมพุ่งเป้าไปที่สมาคม และทีมงานสตาฟฟ์ มากกว่า อาจจะรวมไปถึงบางสโมสรที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือมากเท่าที่ควรด้วย

ในเคสของสโมสร ผมพอเข้าใจนะที่บางทีมไม่ปล่อยตัวนักเตะมาเล่น เพราะรายการนี้ไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ และไม่มีผลต่อการคัดเลือกไปโอลิมปิก ไม่มีอะไรไปบังคับพวกเขาให้ปล่อยผู้เล่นมาติดทีมชาติได้เลย และบางทีมเช่น เชียงราย ยูไนเต็ด ก็จำเป็นต้องเตรียมตัวพรีซีซั่นเพื่อลงเตะเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย

แฟนบอลหลายคนคงสงสัยว่ากองหน้าทำไมไม่เรียกคนอื่นมาสแปร์บ้าง ทั้งที่รู้ว่าสไตล์ของ เจนรบ สำเภาดี และ สิทธิโชค กันหนู เล่นคล้ายกัน และเป็นพวกใช้ร่างกายเยอะ มีโอกาสเสี่ยงบาดเจ็บได้ง่าย ซึ่งแทบทุกทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมาทั้งคู่ก็สะสมอาการบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างมาตลอด และก็มีหลายชื่อที่ปรากฎขึ้นมาว่าแฟนบอลหรือโค้ชชาวไทยพยายามเชียร์ให้เรียกติดทีม แต่ใครจะรู้ โค้ชก็อยากเรียกแหละแต่ทำไม่ได้

ชื่ออย่าง สิทธิโชค ภาโส หรือ ศุภชัย ใจเด็ด ถูกชูขึ้นมาว่านี่คืออนาคตของชาติ คือว่าที่ซูเปอร์สตาร์ต่อจาก "มุ้ย" ธีรศิลป์ และสมควรขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชุดนี้ได้แล้ว

ทว่าจากข้อมูลที่ทราบ ผู้เล่นหลายคนที่โค้ชอยากใช้ แต่เรียกมาไม่ได้ เพราะติดภารกิจช่วยทีมในศึกโค้ก คัพ ยู-19 ชิงแชมป์ประเทศไทย คนที่เกี่ยวข้องก็อ้างกันว่าเด็กยังอายุไม่เต็มเกณฑ์ ไม่อยากให้แบกกระดูกมากเกินไป หืม... เอ่อ... ก็พอเข้าใจได้ล่ะมั้ง แล้วอีกกว่าค่อนทีมที่อายุ 20 แก่กว่าพ.ศ.โค้กคัพไม่ถึงปีทำไมแบกอายุได้ อันนี้ก็ยังงงๆ พูดตรงๆ กันได้อ๊ะเปล่า

ตำแหน่งอื่นไม่เป็นไร ยังพอถูไถ แต่ตำแหน่งกองหน้าล่ะ ในเมื่อหาคนที่อายุไม่เกิน 23 ปี เอาไปทำยาได้แค่ 2 คน ทีมชุด ยู-21 และ ยู-19 ก็ต้องถูกผลักดันขึ้นมาบ้างอย่างน้อยซัก 1-2 เพื่อมีทางเลือกที่หลากหลายทั้งสไตล์การเล่น และเผื่อเหลือเผื่อขาดถ้ามีใครเจ็บ

เรื่องนี้สมาคมหนีไม่พ้นต้องโดนวิจารณ์จากผลลัพธ์ที่ตกรอบแรก โดยที่ยังไม่มีแต้มเมื่อผ่านไป 2 นัด และไม่รู้ว่าจบรายการแล้วจะมีอะไรติดมือกลับมาบ้างหรือเปล่าทั้งแต้มหรือสกอร์ ไอ้แชมป์ซีเกมส์ที่ได้มาเมื่อปีกลายคงไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนักเพราะสมาคมย้ำเสมอว่าเราต้องก้าวผ่านอาเซียน

ส่วนทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ก็คงต้องแบกรับเสียงวิจารณ์ไปเต็มๆ เช่นกัน โดยเฉพาะ โซรัน ยานโควิช ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าพอจบรายการนี้ จะโดนทั้งฝ่ายเทคนิคและฝ่ายแฟนบอลด่ายับขนาดไหน และจะยังได้รับความไว้วางใจให้คุมทีมอะไรต่อไปอีกมั้ย คุณไม่ต้องให้สัมภาษณ์ว่าทีมไทยพัฒนาขึ้น, ทีมไทยเล่นดีแต่ไร้โชค อะไรแบบนั้นหรอก สุดท้ายแล้วรูปแบบการเล่นเท่าที่ผ่านมา ผมขอยืมคำของ "โค้ชเฮง" มาใช้หน่อยว่ามันยังไม่มีแพทเทิร์นอะไรเลยอยู่ดี 

ออกตัวก่อนนะว่าผมไม่ได้ชื่นชอบระบบผู้จัดการทีมเหมือนในอดีต แต่ขอชี้ชัดไปเลยว่า ปัญหาของทีมยู-23 ชุดนี้คือขาดผู้มีบารมี ที่จะใช้พาวเวอร์ต่อรองหรือสร้างความเกรงใจให้กับต้นสังกัดของนักเตะได้มากพอ 

ผมเคยคุยกับ "พี่เปี๊ยก" สมศักดิ์ ศิริธรรม หรือแม้แต่ "พี่กาเซ็ม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ซึ่งเคยรับบทบาท ผจก.ทีมชาติไทยมาหลายวาระ สิ่งที่ยืนยันเหมือนกันคือ การจะเรียกนักเตะมาติดทีมชาติมันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างเกมฟุตบอลเมเนเจอร์ที่แค่คลิกชื่อก็โผล่เข้าพูลทันที มันต้องมีการเจรจาต่อรอง ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าคนนี้ไม่ได้ ขอคนนั้นได้มั้ย นี่ล่ะบ้านเรามันเป็นอย่างนี้ ซึ่งผมเชื่อว่ายุคของ "มาดามเดียร์" ก็คงไม่ต่างกันนัก จะบอกให้ว่าผู้ประสานสิบทิศในทีมชาติไทยนั้นมีประโยชน์กว่าแค่คนควักตังค์แน่นอน 

ผมไม่ได้เชียร์ให้กลับมาใช้ระบบผู้จัดการทีมนะ แต่สมาคมต้องหาวิธีอะไรสักอย่างมั้ย จะใช้คอนเน็คชั่นก็คงไม่พอ แล้วใครล่ะในสมาคมที่มีบารมีหรือมีเวลามากพอที่จะคอยล็อบบี้สโมสรต่างๆ เพื่อขอนักเตะมาเตรียมทีมให้สมบูรณ์พร้อมในแต่ละทัวร์นาเม้นต์

ยิ่งสมาคมกำลังมีปัญหาความเห็นไม่ตรงกับสโมสรสมาชิกเรื่อง 16 หรือ 18 ทีมเพิ่มอีกประเด็น ความร่วมมือในอนาคตเอาจริงๆ นะถ้าหวังแค่สามัญสำนึกหรือขอความอนุเคราะห์อะไรเทือกนั้น บอกได้เลยว่านับจากนี้ไปคงยากมากที่จะเห็นผู้เล่นทีมชาติไทยแบบฟูลทีม ต่อให้เป็นฟีฟ่าเดย์ก็เถอะ คอยดูแล้วกัน แล้วสมาคมเองน่ะแหละที่จะลำบากใจ

แม้โปรเจ็คเพื่ออนาคตอาจจะวางไว้สวยหรู แต่แฟนบอลมากมายเขามองที่ผลลัพธ์ปัจจุบันด้วย เพราะมันจับต้องได้ เก็บเรื่องนี้ไว้พิจารณาสักนิด อย่ามองเป็นเรื่องเล็ก เพราะต่อไปมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จนอาจแว้งมาทำให้สมาคมอยู่ยากได้เหมือนกัน