จากสถานการณ์ที่แข้งปอดเหล็กวัย 27 ปี เหลือสัญญาค้าแข้งในถิ่นลีโอ สเตเดียม อีกเพียง 5 เดือนเท่านั้น ทำให้สามารถเปิดโต๊ะเจรจากับทีมอื่นได้ตามกฎบอสแมน เพื่อย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวหลังสัญญาหมดลงในปลายปีนี้

ซึ่ง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร บีจีพียู ประกาศชัดเจนว่าพร้อมเปิดทางให้อดีตดาวเตะ สุพรรณบุรี เอฟซี, เมืองทอง ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และโออิตะ ทรินิตะ ย้ายทีมได้ทันที 

ขณะที่ ออเรลิโอ วิดมาร์ กุนซือ บีจีพียู ขานรับนโยบายบิ๊กบอส ปวิณ ด้วยการวางแผนใช้ห้องเครื่องที่บรรจุอยู่ในทีมลงสนามแทน ฐิติพันธ์ ทันที เมื่อศึกฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก รูดม่านเปิดฤดูกาล 2021-22 

อย่าลืมว่า “ฐิติพันธ์” ไม่ใช่นักเตะประเภททีมขาดไม่ได้อยู่แล้ว แม้จะเป็นคีย์แมนพาทีมคว้าแชมป์โตโยต้าไทยลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาก็ตาม เพราะสโมสรมองว่านักเตะที่มีอยู่ตอนนี้สามารถทดแทนได้แน่

ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น, เควิน อินเกรโซ่ กองกลางที่เพิ่งย้ายมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ฉัตรมงคล ทองคีรี กองกลางจอมบู๊ที่เพิ่งย้ายมาจาก การท่าเรือ เอฟซี หรือ เชาว์วัตน์ วีระชาติ เด็กเก่าที่กำลังรอโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง และกำลังเป็นที่ชื่นชอบของ วิดมาร์ เป็นพิเศษ

เรียกว่าสถานการณ์ตอนนี้ “ฐิติพันธ์” กลายเป็นส่วนเกินของทีม “เดอะ แรบบิท” เรียบร้อย ดังนั้นการย้ายทีมคือทางออกที่ดีสุด เพื่อหนีจากการโดนดองเค็ม

ด้วยคุณสมบัติและฝีเท้าของ “ฐิติพันธ์” ย่อมมีหลายสโมสรให้ความสนใจคว้าตัวไปร่วมทีม ทั้งในไทยและต่างประเทศ

แต่ค่าเหนื่อยของ “ฐิติพันธ์” ที่เรียกไปกว่าเฉียดล้านบาทต่อเดือนทำให้ทีมเหล่านี้ต้องกลับมาทบทวนอีกหน ไม่นับรวมค่าเซ็นสัญญาอีกก้อนใหญ่ๆ ในเลข 7 หลัก

เพราะในสภาวะที่ไม่ปกติของวงการฟุตบอลไทย เงินแต่ละบาท สโมสรต้องผ่านกระบวนการคิดอย่างถี่ถ้วน เพื่อใช้เม็ดเงินแต่บาทให้คุ้มค่าที่สุด

ตัวเต็งที่จะได้ตัวกองกลางรายนี้ไปคงหนีไม่พ้น “การท่าเรือ เอฟซี” แม้ถึงตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าสนใจจริงจังหรือไม่ก็ตาม เพราะถ้า “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร การท่าเรือ เอฟซี อยากได้ตัวห้องเครื่องรายนี้ไปร่วมถิ่นแพท สเตเดียม จริงๆ น่าจะคุยกับ “บิ๊กบิ๊ป” แห่ง “เดอะ แรบบิท” ได้ไม่ยาก ยิ่งในช่วงหลัง 2 ทีมนี้ซื้อขายนักเตะกันบ่อยครั้ง ล่าสุด การท่าเรือ เพิ่งยืมตัว ดุสิต เฉลิมแสน มาคุมทีม

ในรายของ “ฐิติพันธ์” ถ้า 2 บิ๊ก คุยกันถูกคออาจมีการย้ายทีมแบบยืมตัว เพื่อให้ “สิงห์เจ้าท่า” จ่ายเงินค่าเหนื่อยที่เหลือ 5 เดือนของ “เจ้านิว” จากนั้น การท่าเรือ ค่อยไปสอยฟรี หลังหมดสัญญา ส่วน บีจีพียู จะลดภาระค่าเหนื่อยที่ต้องจ่าย “เจ้านิว” รวมแล้วหลายล้านบาท ไปในตัวด้วย 

หากดีลนี้จบแบบนี้จริงด้วยค่าเหนื่อยที่ การท่าเรือ จ่ายไหว คงวิน-วิน ทั้งคู่ เพราะ “เดอะ แรบบิท” อยากปล่อย “เจ้านิว” ออกจากทีมเร็วๆ แม้จะไม่ได้เงินค่าตัวสักบาทก็ตาม แต่ถ้า “การท่าเรือ” พร้อมจ่ายค่าตัวก็คงต้องดีลตัวเลขกันอีกรอบ เชื่อว่าพี่น้องสนิทสนมกันแบบนี้ คงคุยกันได้ไม่ยาก

เมื่อทุกอย่างผ่านฉลุยตามพล็อตเรื่อง “ฐิติพันธ์” จะได้ร่วมงานกับ “ธนบูรณ์ เกษารัตน์” อีกครั้งด้วย หลังเคยประสานงานกันทั้งในทีมชาติไทย , เมืองทอง ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงรายฯ และบีจี ปทุมฯ จนได้รับฉายาคู่กองกลางในฝัน พร้อมมี “ศิวกรณ์ จักขุประสาท" ขาใหญ่ประจำทีมคอยเป็นมดงาน คงทำให้ห้องเครื่องดุดัน ดูสมดุลขึ้นอีกโข ส่วนนักเตะที่ต้องย้ายออกไป เพื่อปรับสภาพคล่องการเงินของทีมให้บาลานซ์ คงหนีไม่พ้น ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางสุดหล่อที่มีหลายทีมให้ความสนใจอยู่

นอกจากนี้การมาของ “ฐิติพันธ์” ยังถือเป็นตัวแทนของ “โก ซุล กิ” ในระยะยาวได้อย่างลงตัวเพราะฟอร์มการเล่นของจอมทัพพลังโสมในฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่ผ่านมา เห็นชัดแล้วว่าสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นของ “ซูเปอร์โก” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญอายุการใช้งานเหลือน้อยเต็มทน เนื่องจากอายุมากขึ้น ปีนี้คงเป็นการนับถอยหลังการค้าแข้งบนแผ่นดินสยามของแข้งเชิงสูงแล้วด้วย

ดังนั้นรัก 3 เส้า ระหว่าง “ฐิติพันธ์-บีจี-การท่าเรือ” จึงน่าติดตาม ชนิดห้ามกระพริบตาหากจบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบนี้ บางทีปีนี้แฟนบอลอาจเห็นทีมรัก คว้าแชมป์มาครองสักรายการมาเชยชมแน่

เพราะขุมกำลัง “สิงห์เจ้าท่า” จัดจ้าน พร้อมบวกทุกทีมเหลือเกิน